SET หลบแปป หุ้น TECH จะเดิน

HORIZON MARKET VIEW
• โอกาสที่จะเห็น FED ปปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบ 10 ธ.ค. 68 มีน้ำหนักน้อยลงเรื่อยๆ ล่าสุดอยู่ที่ 32.8%โดยมีสัญญาณเข้ามาเพิ่มเติม เริ่มจากรายงานการประชุม FOMC วันที่ 28–29 ต.ค. 68 ซึ่งมีความเห็นขัดแย้งเรื่องการลดดอกเบี้ยนอกจากนี้ FED ยังมีข้อมูลน้อยลงเพื่อช่วยตัดสินใจต่อเรื่องทิศทางดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า ซึ่งล่าสุด BLS กล่าวว่าจะไม่เผยแพร่รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ เดือนต.ค. 68 ฉบับเต็ม ตัวเลขที่มีอยู่จะถูกรวมอยู่ในรายงานฉบับถัดไปในเดือน พ.ย. 68
• จากความเป็นไปได้ที่มากขึ้น ของการ “คง” ดอกเบี้ยปลายปีนี้ หนุนให้ค่าเงิน DOLLARแข็งค่าอย่างรวมเร็ว กลับมายืนเหนือ 100 จุด ได้อีกครั้ง และอาจกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในเชิงเปรียบเทียบ อย่างไรก็ตาม มีโอกาสเพิ่มแรงจูงใจดึงเม็ดเงินจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นบ้านเรามากขึ้นได้เช่นกัน

REGION RADAR
• งบ 3Q68 ของ NVIDIA ออกมาดีกว่าคาด จากธุรกิจ DATA CENTERที่ยังเติบโต, ความร่วมมือกับ OPENAI - พันธมิตรชั้นนำ และการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตามราคาหุ้น มักผันผวนสูง 1 วันหลังจากนั้น(โดน TAKE PROFIT)
• คำแนะนำสำหรับนักลงทุน : ถ้าดูจากสถิติในอดีต การเข้าซื้อ NVIDIA ในวันที่งบออก (หรือหลังงบออกทันที) มักจะเจอความผันผวนระยะสั้นและอาจติดลบได้ การรอให้ฝุ่นจาง (รอผ่านไปสัก 2-4 สัปดาห์) มักจะได้ราคาที่นิ่งและผันผวนน้อยกว่า

THAI FOCUS
•กระแสยุบสภาเริ่มถูกพูดถึง หากย้อนดูสถิติในอดีตบ่งชี้ว่าก่อนจะเกิดการยุบสภา 4 เดือนในช่วงของ 4 ยุครัฐบาลก่อนหน้านี้ SET INDEXมักปรับขึ้นเฉลี่ย 6.5% ซึ่งหวังว่าในช่วง 4 เดือนก่อนจะยุบสภาในครั้งนี้SET น่าจะทยอยปรับขึ้นต่อได้ดี(ผลตอบแทน QTD -0.16%)
• กลยุทธ์ เน้นหุ้นที่สถิติในอดีตบ่งชี้ว่าปรับตัวขึ้นได้ดีก่อนเกิดการยุบสภา และราคาหุ้นปัจจุบันยังอยู่โซนต่ำ (%QTD ยังไม่ปรับขึ้นหรือติดลบมากนัก) อาทิ CPN CENTEL BDMS MINT AOT AMATA ERW TASCO BCH BBL LH

SYNAPSE STRATEGY
• หุ้น TECH มีโอกาสขึ้นได้เด่น จากกระแส NVIDIA งบดีกว่าคาด กลบSET (EX ธุรกิจการเงิน) ที่เหลือ NET PROFIT MARGIN (9M68)5.1% ถือว่าเป็นสัดส่วนกำไรที่ต่ำเทียบกับ S&P500 อยู่แถวๆ 11%แต่หุ้นที่มี NET PROFIT MARGIN สูงกว่า 15% ในอดีตมักจะOUTPERFORM ตลาดได้ดี
• ฝ่ายวิจัยฯ คัดกรองหุ้น มี NET PROFIT MARGIN (9M68) สูง และโตต่อเนื่อง 3 ปีราคาหุ้นย่อตัวหรือยังขึ้นไม่มาก น่าทยอยสะสม อย่างSISB, BEM, ADVANC, ICHI

HORIZON MARKET VIEW
ความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ในปีนี้น้อยลงเรื่อยๆ หนุน DOLLAR แข็งค่าโอกาสที่จะเห็น FED ปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบ 10 ธ.ค. 68 มีน้ำหนักน้อยลงเรื่อยๆ ล่าสุดอยู่ที่ 32.8%โดยมีสัญญาณเข้ามาเพิ่มเติม เริ่มจากรายงานการประชุม FOMC วันที่ 28–29 ต.ค. 68 ซึ่งมีความเห็นขัดแย้งเรื่องการลดดอกเบี้ย โดยมีความเห็นต่างกันระหว่างการชะลอตัวของตลาดแรงงาน และ อัตราเงินเฟ้อแสดงสัญญาณน้อยมากที่จะกลับสู่เป้าหมาย 2% ได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ "หลายราย" กล่าวว่าอาจไม่จำเป็นต้องมีการลดดอกเบี้ยอีกในปี2568

นอกจากนี้ FED ยังมีข้อมูลน้อยลงเพื่อช่วยตัดสินใจต่อเรื่องทิศทางดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า เพราะผลกระทบของGOVERNMENT SHUTDOWN ในสหรัฐฯ กว่า 43 วัน ซึ่งล่าสุด BLS กล่าวว่าจะไม่เผยแพร่รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ เดือน ต.ค.68 ฉบับเต็ม (UNEMPLOYMENT RATE, PAYROLL DATA) ตัวเลขที่มีอยู่จะถูกรวมอยู่ในรายงานฉบับถัดไปในเดือน พ.ย.68(ประกาศ 16 ธ.ค. โดยเลื่อนจากเดิม 5 ธ.ค.)จากความเป็นไปได้ที่มากขึ้น ของการ “คง” ดอกเบี้ยปลายปีนี้ หนุนให้ค่าเงิน DOLLAR แข็งค่าอย่างรวมเร็วกลับมายืนเหนือ 100 จุด ได้อีกครั้ง และอาจกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในเชิงเปรียบเทียบ อย่างไรก็ตาม มีโอกาสเพิ่มแรงจูงใจดึงเม็ดเงินจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นบ้านเรามากขึ้นได้เช่นกัน

REGION RADAR
NVIDIA ยังน่าลงทุน ณ ตอนนี้หรือไม่ ในยามที่งบ 3Q68 ออกมาดีกว่คาด
คืนที่ผ่านมา NVIDIA รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2026 (สิ้นสุดวันที่ 26 ต.ค. 2025) โดยมีรายได้รวมสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 57.0 พันล้านเหรียญฯ (+22%QOQ และ +62%YOY) ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น(GROSS PROFIT MARGIN) อยู่ที่73.5% ซึ่งปรับตัวขึ้นจาก 72.4% ในไตรมาสก่อนหน้า ส่วนกำไรสุทธิออกมา31.91 พันล้านเหรียญฯ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (NET PROFIT MARGIN) คิดเป็นประมาณ56.8%ซึ่งปัจจัยหนุนมาจาก 3 ส่วนหลักๆ ดังนี้ธุรกิจศูนย์ข้อมูล (DATA CENTER) : กำไร51.2 พันล้านเหรียญฯ (เพิ่มขึ้น 25% QOQ และ 66% YOY) เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการรายงาน

ความร่วมมือกับ OPENAI และพันธมิตรชั้นนำ : ประกาศความร่วมมือกับ OPENAI ติดตั้งระบบ NVIDIA อย่างน้อย 10 กิกะวัตต์ เพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน AI รุ่นต่อไป นอกจากนี้ยังร่วมมือกับผู้ให้บริการรายใหญ่อื่นๆเช่น GOOGLE CLOUD, MICROSOFT, ORACLE, และบริษัท X(AI) เพื่อสร้างเครือข่ายซูเปอร์คอมพิวเตอร์และโครงสร้างพื้นฐาน AI กิกะวัตต์สูงในสหรัฐอเมริกา

เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ : ในไตรมาส 3Q68 NVIDIA เปิดตัวผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่หลายรายการ เช่น NVIDIARUBIN CPX (GPU สำหรับประมวลผลขนาดใหญ่), ซอฟต์แวร์ OMNIVERSE DSX สำหรับออกแบบและบริหารจัดการโรงงานปัญญาประดิษฐ์ขนาดยักษ์, และโปรเซสเซอร์ BLUEFIELD-4 สำหรับศูนย์ข้อมูล AI รวมถึงสถาปัตยกรรมเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูง เช่น NVIDIA NVLINK FUSION ที่ร่วมกับ ARM พัฒนาแพลตฟอร์มNEOVERSE เพื่อเร่งการนำ AI มาใช้ใน DATA CENTER

ประเด็นดังกล่าวทำให้ราคาหุ้น NVDA ช่วง AFTER HOURS เช้านี้ดีดแรง +4.5% หลังงบ 3Q68 ออกมาดีกว่าคาด + แนวโน้ม (GUIDANCE) : บริษัทคาดการณ์รายได้ในไตรมาสถัดไป (Q4 FY2026) ไว้ที่ประมาณ $65.0BILLION (บวกลบ 2%) จากความต้องการชิปตระกูล BLACKWELL นั้น "สูงเกินคาด" และชิปสำหรับการประมวลผล AI ยังคงขาดตลาดในขณะที่บริษัทกำลังเร่งการผลิตเต็มกำลัง

อย่างไรก็ตามราคาหุ้น NVIDIA ในวันที่เผยรายงานผลประกอบการ มักผันผวนสูง กล่าวคือ FUNDAMENTAL ดีตลอด มีแต่คำว่า BEAT (ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เสมอ) แต่ราคาหุ้นกลับสวนทาง -11.00%, -3.10%, -2.15% (ช่วง OPEN TO CLOSE - กรอบสีแดง)ซึ่งบ่งบอกถึงแม้หุ้นจะเปิดกระโดดขึ้น (GAP UP) หรือเปิดปกติ แต่ในระหว่างวันจะมี "แรงเทขายใส่อย่างหนัก" ทำให้อาจจะปิดต่ำกว่าที่เปิด อีกทั้งตารางขวามือ บ่งชี้ถึง การเปรียบเทียบราคาหุ้น NVIDIA ในช่วง 1 เดือนก่อน และ 1 เดือนหลัง วันประกาศงบ (EARNINGS RELEASE)ย้อนหลัง 5 ไตรมาส (ถึง AUG 2025)

1-MONTH BEFORE (ก่อนงบออก) : ส่วนใหญ่เป็น สีเขียว (บวก) โดยเฉลี่ยราคาจะวิ่งขึ้นไปรอ +8.9% ตลาดมีความหวังสูงมาก และแห่กันเข้าไปซื้อเก็งกำไรดักหน้าก่อนงบจะออกจริง

1-MONTH AFTER (หลังงบออก) : ส่วนใหญ่เป็น สีแดง (ติดลบ) โดยเฉลี่ยราคาจะปรับตัวลง -2.7% พองบออกมาจริง แม้จะดีแค่ไหน นักลงทุนเลือกที่จะ "ขายทำกำไร" (TAKE PROFIT) เพราะมองว่าข่าวดีได้รับรู้ไปแล้ว(PRICED IN) หรือผิดหวังที่งบไม่ได้ "ดีเวอร์" เกินคาดไปมากนัก

สรุป คำแนะนำสำหรับนักลงทุน : ถ้าดูจากสถิตินี้ การเข้าซื้อ NVIDIA ในวันที่งบออก (หรือหลังงบออกทันที) มักจะเจอความผันผวนระยะสั้นและอาจติดลบได้ การรอให้ฝุ่นจาง (รอผ่านไปสัก 2-4 สัปดาห์) มักจะได้ราคาที่นิ่งและผันผวนน้อยกว่า

THAI FOCUS
ก่อนยุบสภา หุ้นตัวใดน่าสะสมบ้าง ... มาดูกัน
หนึ่งในสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้(ชุดคุณอนุทิน) ตั้งใจไว้ คือ เตรียมจะยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังจากแถลงนโยบาย(ยุบสภาช้าสุด 31 ม.ค.69) ซึ่งสถิติในอดีตบ่งชี้ว่าก่อนจะเกิดการยุบสภา 4 เดือนในช่วงของ 4 ยุครัฐบาล ได้แก่ นายกทักษิณ(2006) นายกอภิสิทธ์(2011) นายกยิ่งลักษณ์(2013) นายกประยุทธ์(2023) ดังรูปด้านล่างนั้นบ่งชี้ว่า ก่อนที่รัฐบาลจะเกิดการยุบสภา 4 เดือน SET INDEX มักปรับขึ้นเฉลี่ย 6.5% ซึ่งหวังว่าในช่วง 4 เดือนก่อนจะยุบสภาในครั้งนี้ SET น่าจะทยอยปรับขึ้นต่อได้ดี(ผลตอบแทน QTD -0.16%) ส่วนผลตอบแทนเฉลี่ยของหุ้นรายตัวที่ปรับขึ้นได้ดีกว่า SET ในอดีต คือ BH +49%CPN +41%CENTEL +38%BDMS +30%MINT +23%KTB +19% AOT +19% AMATA +19% เป็นต้น

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน เน้นหุ้นที่สถิติในอดีตบ่งชี้ว่าปรับตัวขึ้นได้ดีก่อนเกิดการยุบสภา และราคาหุ้นปัจจุบันยังอยู่โซนต่ำ(%QTD ยังไม่ปรับขึ้นหรือติดลบมากนัก) อาทิ CPN CENTEL BDMS MINT AOT AMATA ERW TASCO BCH BBL LH

SYNAPSE STRATEGY
คัดกรองหาหุ้นที่มีอัตรากำไรสุทธิสูง น่าสะสมสวนทางตลาด
SET (EX ธุรกิจการเงิน) เหลือ NET PROFIT MARGIN (9M68) 5.1% ถือว่าเป็นสัดส่วนกำไรที่ต่ำเทียบกับS&P500 อยู่แถวๆ 11% และเป็นส่วนหนึ่งที่กดดัน UPSIDE ของดัชนีให้ลดลงเพราะในอดีตกลุ่มหุ้นที่มี NET PROFIT MARGIN สูงกว่า 15% มักจะ OUTPERFORM ตลาดได้ดีตลอด 3 ปีที่ผ่านมา (2022 –2024) ตามตารางทางด้านล่าง

ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ คัดกรองหุ้นขาดใหญ่ ที่มี NET PROFIT MARGIN (9M68) สูง > 15% และยังคัดกรองหาหุ้นที่มี NET PROFIT MARGIN เติบโตต่อเนื่อง 3 ปีที่ผ่านมา ได้ผลลัพธ์

จากผลลัพธ์ดังกล่าว แนะทยอยสะสมหุ้น มีทั้ง NET PROFIT MARGIN (9M68) สูง พร้อมกับเติบโตต่อเนื่อง 3 ปี ราคาหุ้นย่อตัวหรือยังขึ้นไม่มาก อย่าง SISB, BEM, ADVANC, ICHI

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์