News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

14 พ.ย. 2568 09:06:14 78

Market Wrap-Up

SET วันที่ 13 พ.ย.68 ปิด +2.63 จุด อยู่ที่ 1,287.44 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,627 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 310 ลบ. สถาบันขาย 302 ลบ. ต่างชาติขาย 43 ลบ. และรายย่อยซื้อ 656 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 820 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น BDMS,SPRC,SAWAD,DELTA,PTTGC และยอดขายหุ้น GULF,ADVANC,BBL,EGCO,TFG มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,414 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TPIPP,MTC,QH โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 12,782 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 72,429 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 428 ลบ.

Market View

DJIA -1.65%, S&P500 -1.66%, Nasdaq -2.29% จากแรงขายกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -73%,เทคโนฯ -2.37% หลังเจ้าหน้าที่เฟดกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อ และมีความเห็นไม่ตรงกันต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่หน่วยงานรัฐไม่สามารถรายงานข้อมูล CPI และการจ้างงานนอกภาคเกษตร ต.ค. ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่เฟดใช้พิจารณานโยบายการเงิน ดังนั้น CME FedWatch ชี้มีโอกาส 47% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม ธ.ค. ส่งผลให้หุ้นกลุ่ม Growth ปรับลดลง นำโดย Tesla -6.6%, Nvidia -3.6%, Broadcom -4.3% โดยนักลงทุนสลับเม็ดเงินจากกลุ่ม Growth -0.6% WoW เข้าสู่กลุ่ม S&P500 Value Index +1% WoW
Stoxx600 ยุโรปวานนี้ -61% จากแรงขายหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม นำโดย Siemems -9.4% จากความกังวลต่อแนวโน้มกำไรในปีหน้า และบริษัทได้ลดการถือหุ้น Siemens Healthineers ขณะที่กลุ่มบริการการเงิน -2.3%, เทคโนโลยี -0.5%, พลังงาน -1.2% โดยนักลงทุนขายทำกำไร หลังดัชนีหุ้นปรับขึ้นรับข่าวภาวะชัตดาวน์สหรัฐได้ยุติลงแล้ว ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ ONS อังกฤษเผย UK GDP Q3/68 ชะลอตตัว +0.1% & Q2/68 +0.3% QoQ สาเหตุมาจากการโจมตี Cyber Securities ต่อบริษัท จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์ เป็นเวลา 5 สัปดาห์
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ +43% ได้แรงหนุนจากกลุ่มโลหะ, พลังงานไฟฟ้า & ก๊าซ และโบรกเกอร์ ส่วนดัชนี Kospi เกาหลีใต้ +0.49% ได้แรงหนุนจากกลุ่มต่อเรือและพลังงาน นำโดย HD Hyundai Heavy Industries ผู้ผลิตเรือรายใหญ่ +5.9%, Samsung SDI ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่อันดับ 2 +4.0% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.73% ได้แรงหนุนจากกลุ่มแบตเตอรี่พลังงานใหม่ ข้อมูลเศรษฐกิจจีนวันนี้ติดตามยอดค้าปลีก, การผลิตภาคอุต ฯ และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ต.ค.
SET วานนี้ +20% ปริมาณการซื้อขาย 3.46 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 302 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 310 ลบ. ต่างชาติขาย 43 ลบ. และรายย่อยซื้อ 656 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่ม รพ. +2.2% หลัง BDMS รายงานกำไร Q3/68 อยู่ที่ 4.3 พัน ลบ. +2% YoY, +24% QoQ และดีกว่า Consensus +5% ยังได้แรงหนุนจากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติไม่รวมกัมพูชา +10% YoY ส่วนกลุ่มค้าปลีกนั้น CPALL +2.87% หลังรายงานกำไร Q3/68 อยู่ที่ 6.59 พัน ลบ. +18% YoY, -3% QoQ ใกล้เคียงกับ Consensus โดยได้แรงหนุนจากรายได้ของ 7-11 ที่ยังขยายตัวได้ดี YoY ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมี & อิเล็กทรอนิกส์ก็มีแรงซื้อหุ้นคืน Buy on Dip หลังหุ้นกลุ่มเหล่านี้ได้ปรับลดลงตอบรับกับข้อมูลกำไร Q3/68 ที่ชะลอไปบ้างแล้ว โดยภาพรวมนักลงทุนยังกังวลต่อความผันผวนของดัชนีหุ้นสหรัฐ หลัง Nasdaq ปีนี้ +22.4% YTD กอปรกับมูลค่าหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิป & AI อยู่ในระดับสูง อาจส่งผลให้ผู้จัดการกองทุนเลือกขายกำไรก่อนปิดงบในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงยังรอประเมินท่าทีของเฟดว่าจะตัดสินใจลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. หรือไม่ ส่วนประเด็นที่ยังต้องติดตาม คือ การรายงานงบ บจ.Q3/68 ซึ่ง บจ. 460 แห่งที่ส่งงบแล้วมีกำไรดีกว่า BB Consensus +4.9%

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,265 – 1,270 แนวต้าน 1,290 - 1,295 คาดดัชนีมีโอกาสปรับลดลงตามความผันผวนของดัชนีหุ้นสหรัฐ และยังรอประเมินโอกาสของเฟดที่จะลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. หรือไม่ แนะนำซือเก็งกำไรกลุ่มที่รายงานกำไร Q3/68 ดีกว่าคาด BDMS,BEM,CPF,TFG,BTG,OSP,BA,BLA,TURBO
BA* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 18.60 บาท)บริษัทรายงานกำไร 3Q68 ที่ 1 พันล้านบาท +159%QoQ, +55%YoY หนุนจากรายได้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบินตามฤดูกาลที่เป็น high season ของสมุย ส่วนทางฝั่งต้นทุนได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับลดลง มีสถิติการบินจำนวนผู้โดยสาร 04 ล้านคน +12%QoQ, -2%YoY ราคาตั้งเฉลี่ย 4,159 บาท +6%QoQ, -1%YoY Load Factor 79% แนวโน้ม 4Q68 คาดกำไรลดลง QoQ ผ่านช่วง peak สมุย แต่ยังคงเพิ่มขึ้น YoY ได้จากภาพรวมของประเทศเป็นฤดูท่องเที่ยว ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ที่ 3.3 พันล้านบาท -12%YoY และ 3.4 พันล้านบาท +4%YoY

CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 29.00 บาท) กำไรสุทธิ 3Q68 อยู่ที่ 5,186 ลบ.(-29%YoY, -50%QoQ,) กำไรออกมาสูงกว่า BB Consensus +6% ปัจจัยกดดันกำไรหลักๆมาจากราคาขายสุกรในไทยและเวียดนามที่ปรับตัวลงจากฐานสูงในช่วง 1H68 และส่งผลให้เกิดรายการขาดทุนFVสินทรัพย์ชีวภาพที่ -1.1 พันลบ.(3Q67 เป็นกำไร 734 ลบ.) อย่างไรก็ตาม ต้นทุนอาหารสัตว์ยังอยู่ในโซนต่ำ ส่งผลให้ GPM ไตรมาสนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดีอยู่ที่ 16.53% ส่วนแนวโน้ม 4Q68 ลุ้นการฟื้นตัว โดยแม้เดือนต.ค.68 ราคาสุกรไทยจะอยู่ที่ 56.0 บาท/กก.(-21%YoY, -5%MoM) แต่หลังผ่านเทศกาลกินเจไปแล้ว เข้าสู่ช่วงเดือนพ.ย.68 เริ่มเห็นการฟื้นตัว ราคาสุกรกลับมาอยู่แถวบริเวณ 62 บาท/กก.

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ธ.ค.+$0.20 อยู่ที่ $58.69 / บาร์เรล, Brent ม.ค. +$0.30 อยู่ที่ $63.01/บาร์เรล หลังรัฐบาลสหรัฐคว่ำบาตรบริษัทลุคออยส์ของรัสเซีย ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ จะไม่สามารถทำธุรกรรมกับลุคออยล์หลังวันที่ 21 พ.ย. กอปรการยุติภาวะชัตดาวน์คาดจะส่งผลบวกต่ออุปสงค์น้ำมันในระยะสั้น

Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$19.10 อยู่ที่ $4,194.50 /ออนซ์ หลังภาวะชัตดาวน์สหรัฐได้ยุติแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านยังกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อและตลาดแรงงานค่อนข้างมีเสถียรภาพ ส่งผลให้นักลงทุนยังไม่แน่ใจว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. หรือไม่

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +166.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -1.33 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +174.32 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -6.94 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าอยู่ที่ 32.31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.106 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +47 อยู่ที่ 2,077

(-) BitCoin เช้านี้ -2.90% อยู่ที่ 99,046 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

17 พ.ย. สภาพัฒน์ แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 3/68 และแนวโน้มปี68

สัปดาห์ที2 สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ

อัพเดตสถานการณ์ลงทุน

ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น

หอการค้าไทย

สรท. แถลงสถานการณ์การส่งออก

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

ต่างประเทศ

13 พ.ย. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ต.ค.)

14 พ.ย. CN อัตราการว่างงานของจีน ( ต.ค.)

EU ดัชนีจีดีพี (GDP) (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 3)

Theme Strategy

เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายหลักของรัฐบาลอนุทิน (รัฐบาลระยะสั้น 4 เดือน) เร่งใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick wins, วงจรดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง และ Earning momentum / Seasonal 3Q68-4Q68

(1) ค้าปลีก / บริโภค นโยบายคนละครึ่งพลัส – กระตุ้นกำลังซื้อ, ลดค่าใช้จ่าย CPAXT*, BJC, TNP*, KK*, MOTHER*, ICHI*, CBG*

(2) การเงิน / นอนแบงค์ นโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่อง SME, คาดการณ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย MTC*, SAWAD*, TIDLOR*, KTC*, NCAP*, SINGER*, SGC*, FSMART*, AP*, SPALI*, CPN*, DIF*, 3BBIF*

(3) รับเหมาก่อสร้าง เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการก่อสร้างภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน STECON, CK, SEAFCO*, PYLON*

(4) ท่องเที่ยว ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ AOT, CENTEL*, ERW*

(5) ไอซีที / ดิจิทัล ปราบปรามภัยไซเบอร์, การลงทุนด้าน Digital, Cyber Security, Data Center ADVANC, DELTA*, GULF*, BGRIM*, BCPG*, SECURE*

(6) ด้านสาธารณสุข ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอและเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด KTMS*, BIZ* ลดค่ายาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน การเปิดเผยราคายาให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในซื้อยาเองได้ HL* (เก็งกำไร)

(7) Solar ภาคประชาชน, มาตรการลดหย่อยภาษี Solar rooftop ครัวเรือน / Direct PPA GULF*, GUNKUL*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio October 2025: WHAUP*, PRM*, BDMS, ADVANC, SHR*, TOP

Analysts

Apichai Raomanachai

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939

Tel 02-829-6999 Ext 2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662