สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (13 พฤศจิกายน 2568 )-----"สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์" อวดฟอร์มเก่งไตรมาส3/68 รายได้รวม New High แตะ 150.71 ล้านบาท เติบโต 11.63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนกำไรจบที่ 29.18 ล้านบาท เติบโต 31.11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ผลงาน 9 เดือนแรกยังแข็งแกร่งโกยกำไรสุทธิ 76.36 ล้านบาท เติบโต 47.96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตอกย้ำความสำเร็จของโมเดลธุรกิจครบวงจรมูลค่าสูง (Integrated BusinessModel)

ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNPS เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ของปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 29.18 ล้านบาท เติบโต 31.11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากควบคุมและบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิผล ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปรับดีขึ้น ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ส่งผลให้ผลการดำเนินปรับตัวเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

อีกทั้งด้วยกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่โมเดลธุรกิจครบวงจรมูลค่าสูง (Integrated BusinessModel) ทำให้บริษัทสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ (New High) มีรายได้รวมอยู่ที่ 150.71 ล้านบาท เติบโต 11.63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายและการบริการ 146.07 ล้านบาท เติบโต 12.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารสกัดสมุนไพรมาตรฐาน (API) อยู่ที่ 52.52 ล้านบาท เติบโต 25.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (Product Innovation) ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่อย่างตรงตามความต้องการ ประกอบกับการขยายโอกาสทางธุรกิจด้วยการเสนอโซลูชันที่ครบวงจร (End-to-End Solution) ซึ่งกระตุ้นให้ลูกค้าเพิ่มปริมาณการสั่งซื้อทั้งผลิตภัณฑ์เดิมและผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันบริษัทมีรายได้การรับจ้างพัฒนาและผลิตสินค้าภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า (ODM) อยู่ที่ 87.07 ล้านบาท และมีรายได้การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของกลุ่มบริษัท (OBM) อยู่ที่ 6.47 ล้านบาท เติบโต 387.45% เนื่องจากการขยายช่องทางจัดจำหน่ายการร่วมมือกับคู่ค้าเชิงกลยุทธ์และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยบริษัทได้จัดทำสัญญาจัดจำหน่ายเชิงพาณิชย์กับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์สำหรับแบรนด์ Colosure™ ทำให้ช่องทางการจัดจำหน่ายขยายตัวอย่างรวดเร็วและช่วยผลักดันยอดขายของแบรนด์ดัง นอกจากนี้บริษัทยังได้เริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Wellnova™ ส่งผลยอดขายในหมวด (OBM) มีการเติบโตอย่างโดดเด่น

ส่วนผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 76.36 ล้านบาท เติบโต 47.96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 416.62 ล้านบาท เติบโต 18.42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยมีปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโต แบ่งเป็น รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารสกัดสมุนไพรมาตรฐาน (API) อยู่ที่ 146.99 ล้านบาท เติบโต 40.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน, รายได้การรับจ้างพัฒนาและผลิตสินค้าภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า (ODM) อยู่ที่ 239.69 ล้านบาท เติบโต 6.83% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน, รายได้การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของกลุ่มบริษัท (OBM) อยู่ที่ 17.68 ล้านบาท เติบโต 75.77% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้อื่นอยู่ที่ 12.26 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทฯอยู่ในตำแหน่งในการคว้าโอกาสจากกระแสสุขภาพโลก ซึ่งตลาดสารสกัดสมุนไพรโลกเติบโตจากความต้องการผลิตภัณฑ์ธรรมชาติในอุตสาหกรรมยา อาหาร และความงามอย่างต่อเนื่องและการย้ายฐานการผลิตมาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยโมเดลธุรกิจที่ผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์เข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล ผสานกับความมุ่งมั่นของเราที่จะรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการขยายอัตรากำไรให้มีเสถียรภาพ ผ่านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจและเพิ่มความสามารถในการแข่ง ต่อยอดสู่การสร้างรายได้ให้เติบโต 30% ตามแผนที่วางไว้" ดร.ธีรญา กล่าว

" ด้วยโมเดลธุรกิจ Integrated BusinessModel ที่เราเดินหน้านำมาใช้ธุรกิจ วันนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จ การันตีด้วยผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 นี้ ที่สามารถทำรายได้รวมเป็นสถิติใหม่แตะ 150.71 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 29.18 ล้านบาท และพิสูจน์ให้เห็นว่าประสิทธิผลของการขยายยอดขายและการบริหารต้นทุนอย่างมีวินัย ทำให้เรายืนหยัดอย่างมั่นคง เพื่อคว้าโอกาสจากกระแสสุขภาพโลก โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ (Bioscience) ผสานเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าในห่วงโซ่มูลค่า จึงถือเป็นการตอกย้ำว่ารากฐานที่แข็งแกร่งและกลยุทธ์การเติบโตนี้ จะนำพาบริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้นำ เพื่อส่งมอบผลตอบแทนที่ยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้นต่อไปในอนาคต"ดร.ธีรญา กล่าวปิดท้าย