สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(11 พฤศจิกายน 2568)--------บมจ.เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล หรือ MMM แจ้งสำนักงานก.ล.ต. ผู้ถือหุ้นใหญ่ และผู้ก่อตั้ง ซื้อหุ้น 3 ล้านหุ้น เข้าพอร์ตเพิ่มหลังเข้าเทรด mai วันแรก ที่ราคาเสนอขายหุ้น PO หุ้นละ 5.50 บาท หลังจากที่ราคาหุ้นลงไปต่ำกว่าราคาจอง ดึงความเชื่อมั่นนักลงทุน ประกาศย้ำ
MMM คือบริษัท Service ที่เข้ามาเทรดใน Sector Property และพร้อมเร่งขับเคลื่อนธุรกิจส่งท้ายปี 2568 ผ่าน 3 โมเดลธุรกิจหลัก “Pre-AMC-โบรกเกอร์อสังหาฯ -มินิมาร์ทอสังหาฯ” ปั้นรายได้สร้างผลการดำเนินงาน “All Time High” ต่อเนื่อง หลังโชว์งบ 9 เดือนแรก ปี 68 โกยกำไรสุทธิ 102.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.84% (YoY) และรายได้จากการขายและบริการรวม 561.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.51% (YoY) สะท้อนศักยภาพความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจ
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของผู้บริหาร (แบบ 59) ปรากฏชื่อ “นายสุริยา วงศ์สิทธิชัยกุล” ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาธุรกิจ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้ก่อตั้ง บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MMM ผู้นำด้านตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การให้บริการที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดแก่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ และซื้อขายอสังหาฯ แบบครบวงจรได้ดำเนินการซื้อหุ้น MMM เข้าพอร์ต จำนวน 3,000,000 หุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 5.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินลงทุน 16.50 ล้านบาท โดยทำธุรกรรม เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งเป็นวันแรกของการเข้าทำการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ส่งผลให้จำนวนหุ้นที่ถือครองหลังวันทำรายการ จำนวน 8,500,000 หุ้น โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ กลุ่มนางสาวณิชา และ นายสุริยา ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้ง ประกาศ Lock up หุ้นทั้งหมด 100% เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน
นายสุริยา วงศ์สิทธิชัยกุล เปิดเผยในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้ก่อตั้งว่า เชื่อมั่นในศักยภาพความแข็งแกร่งของ MMM รวมถึงเห็นโอกาส การต่อยอดและการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต พร้อมประกาศย้ำชัด “MMM คือบริษัท Service ที่เข้ามาเทรดใน Sector Property” โดยในปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะสามารถเติบโตแบบก้าวกระโดด และสามารถสร้าง "All Time High” ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยจะเห็นได้จากผลประกอบการงวดล่าสุด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 102.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (YoY) คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 18.33% และมีรายได้จากการขายและบริการรวม 561.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.51% (YoY) แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของโมเดลธุรกิจและความต้องการในบริการของบริษัทที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
จากปัจจัยในข้างต้น ส่งผลให้ตัดสินใจซื้อหุ้นเพิ่มในจำนวนดังกล่าว ดังนั้นในฐานะผู้ถือใหญ่จึงอยากให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนเชื่อมั่นทีมคณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ ที่จะนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จ ภายใต้การขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนการระดมทุนที่วางไว้ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
ด้านนางสาวณิชา โรจน์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล “MMM” เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทฯ ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ แล้วเสร็จในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทฯ เร่งเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน จำนวน 287.10 ล้านบาท ไปขยายการลงทุนใน 3 ธุรกิจหลัก ทั้ง ที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) โดยเป็นตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว ให้กับเจ้าของโครงการ การบริหารงานขายโครงการ (BU2) เป็นตัวแทนขายและรับประกันการขายแต่เพียงผู้เดียว และให้บริการบริหารงานขายแบบวางหลักประกันการซื้อ (Hybrid) และการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) ภายใต้แนวคิด“เพื่อนคู่คิด นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์” ที่มีเครือข่ายนายหน้าอิสระขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจ ที่เชื่อมถึงกลุ่มลูกค้า รวมถึงการมีทรัพย์พร้อมขายโดยไม่มีต้นทุนพัฒนาโครงการ ไม่ต้องรอระยะเวลาพัฒนา ไม่ต้องรับประกันและให้บริการหลังการขาย ที่สำคัญสามารถเลือกทรัพย์ที่พร้อมขายและทำเล ที่ต้องการได้ และสามารถบริหารหลายโครงการพร้อมกันทั่วประเทศ
โดยบริษัทฯ วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 โดยเชื่อมั่นว่าความสำเร็จ ในการนำเอารูปแบบโมเดล 3 ธุรกิจการให้บริการหลัก ได้แก่ “ธุรกิจ Pre AMC-ธุรกิจโบรกเกอร์อสังหาฯ และธุรกิจมินิมาร์ทอสังหาฯ” จะสร้างรายได้การเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะนอกจากจะตอกย้ำประสบการณ์การเป็นผู้นำด้านตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การให้บริการที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดแก่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ และซื้อขายอสังหาฯ แบบครบวงจร ยาวนานกว่า 20 ปีแล้ว ด้วยกลยุทธ์ Pre-AMC ที่มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนสูงผ่านการบริหารจัดการทรัพย์สินก่อนเข้า สู่กระบวนการ AMC เพื่อลดต้นทุน จะสามารถเพิ่มมาร์จิ้น และเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการที่กำลังเผชิญปัญหาทางการเงิน โดยการวางตำแหน่งของบริษัทในการเป็น “มินิมาร์ท อสังหาริมทรัพย์” ในการเป็นคนกลาง เชื่อมระหว่างผู้พัฒนาโครงการ และนายหน้าอิสระขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม จากความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ MMM ส่งผลให้บริษัทฯ วางเป้าขยายพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ แตะระดับ 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยล่าสุดบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับ Developer รายใหม่อีกหลายราย ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งหากสามารถปิดดีลได้ จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของโครงการ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจในระยะยาว