SHUTDOWN ผ่อนคลาย ตลาดหุ้นสดใส

HORIZON MARKET VIEW
• วานนี้ตลาดหุ้นโลกดีดตัวแรง โดยเฉพาะในฝั่งสหรัฐฯ ขยับขึ้นราว 0.8% - 2.3% หลัง วุฒิสภาสหรัฐฯ เดินหน้าข้อตกลงยุติการปิดรัฐบาล ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด วุฒิสภา สหรัฐฯ ได้ทำการทดสอบเสียงโหวต (TEST VOTE) เบื้องต้น มีมติ 60 : 40 เสียง “เห็นชอบ” ต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว
• สำหรับขั้นตอนต่อไปวุฒิสภาสหรัฐฯ จะมีกำหนดจัดประชุมลงมติขั้นสุดท้ายในวันที่ 10 พ.ย. 68 ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งร่าง กฎหมายงบประมาณชั่วคราวไปยัง ปธน. ทรัมป์ เพื่อให้ลงนามบังคับใช้ ซึ่งตลาดมอง ว่านี่เป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ที่ทำให้รัฐบาลอาจเปิดทำการภายในไม่กี่วันนี้ (POLYMARKET คาดว่าจะสิ้นสุดในวันที่ 14 พ.ย. 68) และทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆ กลับมาเผยแพร่ได้อีกครั้ง ช่วย FED ประเมินนโยบายดอกเบี้ย

 

REGION RADAR
• ภาพรวมการเติบโตของกลุ่ม BIG TECH จีน ยังโดดเด่น หนุนจาก กลุ่ม CLOUD สำหรับไตรมาส 3 มีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่ม CLOUD แนะนำเก็งกำไร BABA80, BIDU80 และกลุ่ม GAME แนะนำเก็งกำไร TENCENT80 และ NETEASE80
• กลุ่ม FOOD DELIVERY การแข่งขันยังอยู่ในระดับสูงในไตรมาส 3 และ คาดบริษัทจะรายงานผลประกอบการขาดทุนและจะเป็นจุดต่ำสุด อย่างไรก็ตาม สำหรับไตรมาส 4 จะเริ่มเห็นอุตสาหกรรมขาดทุนลดลง ต่อเนื่องจากการแข่งขันที่ลดลง

 

THAI FOCUS
• วันนี้เขื่อนหลักภาคเหนือน้ำอยู่ในระดับสูง อย่างเขื่อน ภูมิพล–สิริกิติ์ก็ อยู่ในระดับเกิน 95% ซึ่งหากยังมีฝนตกต่อเนื่อง จะต้องเร่งระบายน้ำลง สู่ภาคกลาง
• ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาปีล่าสุดอยู่ที่ เซนติเมตรต่อวินาที 2840 สูงกว่าปีที่แล้วมาก ลูกบาศก์ และแตะใกล้ระดับสูงสุด (เช่นเดียวกับปี 2554) ซึ่งหากการระบายน้ำจากเขื่อนภาคเหนือไม่ สมดุลกับปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มเติมเข้ามา อาจเกิดน้ำเอ่อล้นและไหล ท่วมพื้นที่ลุ่มภาคกลางและกรุงเทพฯ ในระยะถัดไป

 

SYNAPSE STRATEGY
• ตลาดหุ้นโลกฟื้น หลังปรับฐานแรงสัปดาห์ที่แล้ว จากความชัดเจน GOVERNMENT SHUTDOWN ใกล้ยุติ ถือเป็น SENTIMENT บวก ต่อสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนไทยมีความกังวลเรื่องน้ำท่วมมากขึ้น และข้อ พิพาทกับกัมพูชาร้อนแรงกดดันต่างชาติยังขายในช่วงนี้
• กลยุทธ์แนะนำถือเงินสดบางส่วน เลือกหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หุ้นมี เกราะป้องกันน้ำท่วม หุ้นซ่อมสร้าง HMPRO, GLOBAL, DOHOME, DCC, SCC หุ้นน้ำดื่ม OSP, CBG หุ้นอิงราคาหมูขึ้น CPF

 

HORIZON MARKET VIEW
อารมณ์ตลาดหุ้นเข้าสู่โหมด RISK-ON
วานนี้ตลาดหุ้นโลกดีดตัวแรง โดยเฉพาะในฝั่งสหรัฐฯ ขยับขึ้นราว 0.8% - 2.3% หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ เดินหน้า ข้อตกลงยุติการปิดรัฐบาล (GOVERNMENT SHUTDOWN) ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ทำการ ทดสอบเสียงโหวต (TEST VOTE) เบื้องต้น มีมติ 60 : 40 เสียง “เห็นชอบ” ต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว (สมาชิกพรรคเดโมแครตสายกลางบางส่วน แยกออกจากแนวทางของพรรคและโหวตสนับสนุน)

 

ภายใต้ข้อตกลงนี้ จะมีการอนุมัติงบประมาณรายปีเต็มสำหรับ กระทรวงเกษตร, กระทรวงกิจการทหารผ่านศึก และ รัฐสภา ส่วนหน่วยงานอื่น ๆ จะได้รับงบประมาณชั่วคราวจนถึงวันที่ 30 ม.ค. 69 นอกจากนี้ จะมีการจ่ายเงิน คืนให้ข้าราชการที่ถูกพักงานชั่วคราว (FURLOUGHED WORKERS) และชำระเงินให้รัฐและท้องถิ่นที่ถูกระงับไว้ ระหว่างการปิดรัฐบาล

 

สำหรับขั้นตอนต่อไปวุฒิสภาสหรัฐฯ จะมีกำหนดจัดประชุมลงมติขั้นสุดท้ายในวันที่ 10 พ.ย. 68 ก่อนที่สภา ผู้แทนราษฎร (HOUSE OF REPRESENTATIVES) จะพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งร่างกฎหมาย งบประมาณชั่วคราวไปยัง ปธน. ทรัมป์ เพื่อให้ลงนามบังคับใช้ ซึ่งตลาดมองว่านี่เป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ที่ทำให้ รัฐบาลอาจเปิดทำการภายในไม่กี่วันนี้ (POLYMARKET คาดว่าจะสิ้นสุดในวันที่ 14 พ.ย. 68) และทำให้ข้อมูล เศรษฐกิจต่างๆ กลับมาเผยแพร่ได้อีกครั้ง ช่วย FED ประเมินนโยบายดอกเบี้ย

 

แม้จะมีข่าวดีเข้ามาในช่วงสั้น แต่ในระยะถัดไปยังต้องระวังความเสี่ยงต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะจาก ประเด็น ปธน. ทรัมป์ เตรียมนำรายได้จากการจัดเก็บภาษีศุลกากร แจกชาวอเมริกันที่มีรายได้น้อย 2,000 ดอลลาร์ (อาจใช้งบราว 5 แสนล้านดอลลาร์) และเงินส่วนที่เหลือจะถูกนำไปใช้ในการชำระหนี้สาธารณะของประเทศ

 

อย่างไรก็ดี ประเด็นมาตรการภาษีของทรัมป์ยังมีความไม่แน่นอน โดยยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา สหรัฐฯ ว่าเห็นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ขณะที่ฐานะทางการเงินและการคลังของสหรัฐฯ ยังดูน่าเป็นห่วง โดย ล่าสุดปี 2024 สหรัฐฯ มีสัดส่วนการขาดดุลงบประมาณเมื่อเทียบกับ GDP สูงถึง -6.9% ส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP เกิน 120% แล้ว

 

REGION RADAR
ภาพรวมการเติบโตของกลุ่ม BIG TECH จีน ยังโดดเด่น หนุนจากกลุ่ม CLOUD
ภาพรวมกลุ่ม BIG TECH จีนในปี 2025 (ไม่รวมกลุ่ม FOOD DELIVERY) คาดรายได้มีการเติบโต 13% YOY และกำไรมีการเติบโต 14% YOY ด้านงบการลงทุนในด้าน AI ของผู้เล่นหลักในปี 2025 คาดเติบโต 65% YOY และ ในปี 2026 คาดเติบโต 20% YOY

 

สำหรับกลุ่ม BIG TECH จีนที่จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 มีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่ม CLOUD โดยคาด รายได้ในไตรมาส 3 และช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตโดดเด่นกว่าในช่วงครึ่งปีแรก แนะนำเก็งกำไร: ALIBABA (DR: BABA80), BAIDU (DR: BIDU80) และกลุ่ม GAME คาดผลประกอบการในไตรมาส 3 แข็งแกร่งเช่นเดียวกันหนุน จากการเปิดตัวเกมที่มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และกระแสตอบรับการเปิดตัวเกมใหม่ค่อนข้างดี แนะนำเก็งกำไร: TENCENT (DR: TENCENT80), NETEASE (DR: NETEASE80)

 

กลุ่ม CLOUD จีนยังเติบโตโดดเด่น หนุนจาก ALIBABA CLOUD
ภาพรวมกลุ่ม CHINA CLOUD ยังมีการเติบโตที่โดดเด่นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยไตรมาส 3 คาดเติบโตที่ระดับ 27% YOY หนุนจากการเติบโตของ ALIBABA และเมื่อเปรียบเทียบ ALIBABA กับบริษัท CLOUD ระดับโลก พบว่า ALIBABA CLOUD มีการเติบโตที่โดดเด่นกว่าผู้เล่นเบอร์ 1 ของโลกอย่าง AWS

 

กลุ่ม FOOD DELIVERY ใกล้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
กลุ่ม FOOD DELIVERY การแข่งขันยังอยู่ในระดับสูงในไตรมาส 3 และคาดบริษัทจะรายงานผลประกอบการ ขาดทุนและจะเป็นจุดต่ำสุด อย่างไรก็ตาม สำหรับไตรมาส 4 จะเริ่มเห็นอุตสาหกรรมขาดทุนลดลงต่อเนื่องจาก การแข่งขันที่ลดลง และภาพรวมอุตสาหกรรมได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลจีนเข้ามาควบคุมการแข่งขันในธุรกิจ FOOD DELIVERY

 

THAI FOCUS
ปีนี้ น้ำท่วมใหญ่จะเกิดเหมือนปี 2554 หรือไม่
หลังเทศกาลลอยกระทงที่น้ำมักจะล้นตลิ่ง บวกกับภาวะฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เขื่อนหลักภาคเหนือ เกือบเต็มทั้งหมด โดยเฉพาะกิ่วคอหมาที่ล้นแล้ว และภูมิพล–สิริกิติ์ก็อยู่ในระดับสูงเกิน 95% ซึ่งหากยังมีฝนตก ต่อเนื่อง จะต้องเร่งระบายน้ำลงสู่ภาคกลาง และเพิ่มความเสี่ยงต่อน้ำท่วมในจังหวัดลุ่มต่ำ เช่น นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อยุธยา และกรุงเทพฯปริมณฑล
• เขื่อนภูมิพล (ลุ่มน้ำปิง) มีน้ำในเขื่อน 95% ของความจุ ปริมาณกักเก็บประมาณ 12,790 ล้าน ลบ.ม.มี การระบายน้ำ 10 ล้าน ลบ.ม./วัน : แปลว่าเขื่อนใกล้เต็มและต้องเริ่มระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำล้นในกรณี ฝนตกเพิ่ม
• เขื่อนกิ่วคอหมา (ลุ่มน้ำจาง) มีน้ำ 104% ของความจุ (เกินเต็ม) แสดงให้เห็นว่าน้ำไหลเข้าเกินขีดจำกัด และอาจต้องเร่งระบายเพื่อความปลอดภัย
• เขื่อนสิริกิติ์ (ลุ่มน้ำน่าน) มีน้ำ 97% ของความจุ ปริมาณกักเก็บราว 9,240 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำ 10 ล้าน ลบ.ม./วัน เช่นเดียวกับเขื่อนภูมิพล คืออยู่ในระดับสูงมาก ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตอนล่าง

ขณะที่ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาปีล่าสุดอยู่ที่ 2840 ลูกบาศก์เซนติเมตรต่อวินาที สูงกว่าปีที่แล้วมาก และ แตะใกล้ระดับสูงสุด (เช่นเดียวกับปี 2554) ซึ่งหากการระบายน้ำจากเขื่อนภาคเหนือไม่สมดุลกับปริมาณน้ำฝนที่ เพิ่มเติมเข้ามา อาจเกิดน้ำเอ่อล้นและไหลท่วมพื้นที่ลุ่มภาคกลางในเร็ววัน ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งที่กดดัน GDP(%YOY) ให้ดรอปลง ดังข้อมูลในอดีตที่ปี 2554 ณ ไตรมาส 4 GDP(%YOY) ออกมา -4.0%

 

อย่งไรก็ตามนโยบายการคลังอย่างโครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส 1 ที่เปิดใช้งานมา 11 วัน หนุนเงินสะพัด 2.4 หมื่นล้านบาท(คาดการณ์เงินเหมุนทั้งโครงการ 8.8 หมื่นล้านบาท) คาดช่วยกระตุ้น GDP ได้ราว 0.2-0.3% และ เตรียมเดินหน้าเฟส 2 จ่อเข้าครม. ธ.ค.68 โดยจะเปิดลงทะเบียนสำหรับ “ผู้ที่ตกหล่น” คาดว่าจะเริ่มช่วง ม.ค.69 และได้รับเงิน 4000 บาทต่อคน ส่วนบุคคลที่ได้รับสิทธิแล้วในเฟส 1 จะได้อีกคนละ 200 บาทต่อคน ซึ่งน่าจะเป็นตัว พยุง GDP ไทยให้อยู่ในโซนบวกได้(ไม่เกิด TECHNICAL RECESSION)

 

SYNAPSE STRATEGY
ตลาดหุ้นไทยอาจฟื้นตามตลาดหุ้นโลกได้บ้าง แต่ก็มีเรื่องรบกวน ล้อมรอบ
ตลาดหุ้นโลกฟื้น หลังปรับฐานแรงสัปดาห์ที่แล้ว จากความชัดเจน GOVERNMENT SHUTDOWN ใกล้ยุติ ถือ เป็น SENTIMENT บวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนไทยมีความกังวลเรื่องน้ำท่วมมากขึ้น และข้อพิพาทกับกัมพูชา ร้อนแรงกดดันต่างชาติยังขายในช่วงนี้ 3 วันติด มูลค่า -4.6 พันล้านบาท

กลยุทธ์แนะนำถือเงินสดบางส่วน เลือกหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หุ้นมีเกราะป้องกันน้ำท่วม หุ้นซ่อมสร้าง HMPRO, GLOBAL, DOHOME, DCC, SCC หุ้นน้ำดื่ม OSP, CBG หุ้นอิงราคาหมูขึ้น CPF

 

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์