News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

11 พ.ย. 2568 09:02:37 83

Market Wrap-Up

SET วันที่ 10 พ.ย.68 ปิด +3.35 จุด อยู่ที่ 1,306.26 จุด มูลค่าการซื้อขาย 29,428 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 231 ลบ. สถาบันซื้อ 528 ลบ. รายย่อยซื้อ 298 ลบ. และต่างชาติขาย 1,058 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 878 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น BDMS,KBANK,CPALL,AOT,BH และยอดขายหุ้น DELTA,TRUE,PTT,GULF,SCB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 776 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TPIPP,CKP,CPAXT โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 1,370 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 74,841 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,044 ลบ.

Market View

DJIA +0.81%, S&P500 +1.54%, Nasdaq +2.27% นำโดยกลุ่มเทค ฯ +68%, บริการสื่อสาร +2.53% หลังวุฒิสภารัฐมีมติ 60 - 40 ผ่านงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวจนถึงวันที่ 30 ม.ค. 69 และอนุมัติงบเต็มให้กับ ก.เกษตร, กิจการทหารผ่านศึก, โครงการก่อสร้างของทหาร และงบดำเนินงานของสภาคองเกรส ส่งผลให้ปัญหาชัตดาวน์ยุติลง และดัชนีวัดความผันผวน VIX Index ลดลงอยู่ที่ 17.60 ขณะที่หุ้นกลุ่มประกันสุขภาพปรับลดลง หลังยังไม่มีการระบุถึงการขยายเวลาให้กับเงินอุดหนุนตาม กม.ประกันสุขภาพถ้วนหน้า (ACA) ที่จะหมดอายุภายในสิ้นปีนี้ สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจวันพฤหัสติดตาม US CPI ต.ค.คาด 3.1% & ก.ย. 3.0% YoY
Stoxx600 ยุโรปวานนี้ +42% หลังวุฒิสภาสหรัฐได้ผ่านงบประมาณรายจ่ายชั่วคราว และรอการอนุมัติจากสภาผู้แทน ฯ และ ปธน.ทรัมป์ เพื่อยุติปัญหาชัตดาวน์ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทค ฯ +1.6% นำโดย Siemens Energy +4.6% และกลุ่มธนาคาร +2.9% นำโดย CommerzBank +6.6% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจนั้น Sentix เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนยูโรโซน พ.ย. ลดลงอยู่ที่ -7.4 & ต.ค. -5.4 โดยสัปดาห์นี้วันพุธติดตาม CPI เยอรมัน ต.ค.และวันศุกร์ GDP ยูโรโซน Q3/68 คาด +1.3%YoY, +0.2% QoQ
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ +26% ได้แรงหนุนจากกลุ่มน้ำมัน, ถ่านหิน, เหมืองแร่ และกลุ่มส่งออกได้ปัจจัยหนุนจากค่าเงินเยนอ่อนค่า ส่วน Kospi เกาหลีใต้ +3.02% ได้แรงหนุนจากกลุ่มการเงิน เช่น KB Finance +4.3%, SK Square +3.9% หลังได้ข้อยุติเกี่ยวกับแผนปฏิรูปภาษีเงินปันผล กอปรสภาคองเกรสของสหรัฐสามารถผ่านร่างงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวเพื่อยุติปัญหาชัตดาวน์ เช่นเดียวกับดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.53% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มปลอดภัย หลังจากเม็ดเงินได้ไหลออกจากกลุ่มเทคโนโลยี & AI
SET วานนี้ +26% ปริมาณการซื้อขาย 2.94 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 528 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 231 ลบ. รายย่อยซื้อ 298 ลบ. และต่างชาติขาย 1,058 ลบ. ดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มขนส่ง นำโดย AOT +1.8% จากกระแสข่าวเตรียมเสนอ กบร. ปรับขึ้นค่าธรรมเนียม PSC ระหว่างประเทศเป็น 1,000 บาท/ราย และในประเทศ 330 บาท/ราย ในการประชุมวันที่ 3 ธ.ค. นี้ ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมี +1.1% นำโดย PTTGC +0.98% หลังรายงานงบ Q3/68 มีผลขาดทุนอยู่ที่ -2,915 ลบ. ใกล้เคียงกับ Consensus สาเหตุจากกำไรจากธุรกิจโอเลฟินล์และอะโรเมติกส์ปรับลดลง กอปรกับมีผลขาดทุนจาก Stock loss, ขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ และส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุน โดยดัชนี SET ก็เริ่มฟื้นตัวตามดัชนีภูมิภาคหลังภาวะชัตดาวน์สหรัฐใกล้ยุติ กอปรกับหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น ค้าปลีก, อาหาร, ไฟแนนท์ คาดจะได้ประโยชน์จาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ม.คนละครึ่งพลัส, ม.เที่ยวไทยคนละครึ่ง และ ม.แก้ไขปัญหาหนี้ภาคประชาชนผ่าน AMC ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ คือ ผลการประชุม ครม.ในการพิจารณา ม.กระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ และรอการรายงานงบ บจ.Q3/68 โดย บจ.ที่ส่งงบแล้ว 156 แห่ง รายงานกำไรดีกว่าคาด BB Consensus +4.1%

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,295 – 1,300 แนวต้าน 1,315 - 1,320 คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวตามดัชนีภูมิภาค หลังภาวะชัตดาวน์สหรัฐใกล้ยุติในสัปดาห์นี้ และรอการรายงานกำไร Q3/68 ของ บจ.ต่าง ๆ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มคาดจะรายงานกำไร Q3/68 เติบโตดี เช่น CPN, WHAUP / เก็งกำไร ERW, CENTEL, AOT, CPAXT, BJC, CRC คาดรายได้ในงวด Q4/68 มีโอกาสฟื้นตัวในช่วง High Season / KTB, KTC, SAWAD, MTC, BAM, CHAYO คาดได้ประโยชน์จาก ม.แก้ไขหนี้รายย่อยผ่านการตั้ง AMC
TOP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 00 บาท) แนวโน้ม 4Q68 คาดกำไรปกติกลับมาฟื้นตัว QoQ ตาม run rate หลังผ่านช่วงการปิดซ่อมบำรุงตามแผน ขณะที่ crack spread ผลิตภัณฑ์หลักอย่าง Gasoline / Jet / Diesel ปรับตัวดีขึ้นมากเพราะความกังวลอุปทานตึงตัวจากรัสเซียและการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นหลายแห่งก่อนเข้าฤดูหนาว โดยเราประเมินกำไรในปี 68-69 ที่ 1.53 หมื่นล้านบาท +53%YoY และ 1.09 หมื่นล้านบาท -29%YoY ตามลำดับ โดย valuation ปัจจุบันยังไม่แพงคาดหวัง Div.Yield ในระดับที่ดีเฉลี่ยราว 5-6% ต่อปี

ERW* (ทะยอยซื้อ /ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 3.31 บาท)Bloomberg Consensus คาดกำไรสุทธิ 3Q68 อยู่ที่ 73 ลบ.(-41%YoY, +16%QoQ) YoY ยังกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยที่ลดลง รวมถึงค่าใช้จ่ายซ่อมแซมโรงแรมจากแผ่นดินไหว อย่างไรก็ตาม QoQ คาดเห็นการฟื้นตัวดีหนุนด้วยมาตรการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ส่วนการดำเนินงานปกติช่วง 4Q68 แม้มีแนวโน้มที่จะยังลดลง YoY แต่ QoQ มีโอกาสฟื้นตัวต่อได้จากแรงหนุนตามฤดูกาลและม. “เที่ยวดีมีคืน 2568” ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี68และ69 กำไรสุทธิของ ERW* จะอยู่ที่ 814 ลบ.(-36%YoY) และ 904 ลบ.(+11%YoY) ตามลำดับ

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ธ.ค.+$0.38 อยู่ที่ $60.13 / บาร์เรล, Brent ม.ค. +$0.43 อยู่ที่ $64.06/บาร์เรล หลังปัญหาขัตดาวน์สหรัฐใกล้ยุติลง ขณะที่โรงกลั่นน้ำมัน Volglograd ของบริษัทลุคออยส์ของรัสเซียได้ระงับการผลิต หลังถูกโดรนของยูเครนโจมตี

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$112.20 อยู่ที่ $4,122.0 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุม ธ.ค. หลังข้อมูลเลกจ้างพนักงานของภาคเอกชนสหรัฐ ต.ค. +183% กอปร Dollar Index อ่อนค่า -0.02% อยู่ที่ 99.589 หลังปัญหาชัตดาวน์ใกล้ยุติลง

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -5.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -32.67 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +25.19 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +2.07 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 32.31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.120 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -20 อยู่ที่ 2,084

(-) BitCoin เช้านี้ -0.59% อยู่ที่ 105,660 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

17 พ.ย. สภาพัฒน์ แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 3/68 และแนวโน้มปี68

สัปดาห์ที2 สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ

อัพเดตสถานการณ์ลงทุน

ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น

หอการค้าไทย

สรท. แถลงสถานการณ์การส่งออก

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

ต่างประเทศ

13 พ.ย. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ต.ค.)

14 พ.ย. CN อัตราการว่างงานของจีน ( ต.ค.)

EU ดัชนีจีดีพี (GDP) (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 3)

Theme Strategy

เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายหลักของรัฐบาลอนุทิน (รัฐบาลระยะสั้น 4 เดือน) เร่งใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick wins, วงจรดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง และ Earning momentum / Seasonal 3Q68-4Q68

(1) ค้าปลีก / บริโภค นโยบายคนละครึ่งพลัส – กระตุ้นกำลังซื้อ, ลดค่าใช้จ่าย CPAXT*, BJC, TNP*, KK*, MOTHER*, ICHI*, CBG*

(2) การเงิน / นอนแบงค์ นโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่อง SME, คาดการณ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย MTC*, SAWAD*, TIDLOR*, KTC*, NCAP*, SINGER*, SGC*, FSMART*, AP*, SPALI*, CPN*, DIF*, 3BBIF*

(3) รับเหมาก่อสร้าง เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการก่อสร้างภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน STECON, CK, SEAFCO*, PYLON*

(4) ท่องเที่ยว ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ AOT, CENTEL*, ERW*

(5) ไอซีที / ดิจิทัล ปราบปรามภัยไซเบอร์, การลงทุนด้าน Digital, Cyber Security, Data Center ADVANC, DELTA*, GULF*, BGRIM*, BCPG*, SECURE*

(6) ด้านสาธารณสุข ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอและเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด KTMS*, BIZ* ลดค่ายาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน การเปิดเผยราคายาให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในซื้อยาเองได้ HL* (เก็งกำไร)

(7) Solar ภาคประชาชน, มาตรการลดหย่อยภาษี Solar rooftop ครัวเรือน / Direct PPA GULF*, GUNKUL*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio October 2025: WHAUP*, PRM*, BCPG*, KLINIQ, TFM*, ADVANC

Analysts

Apichai Raomanachai

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939

Tel 02-829-6999 Ext 2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662