Pi Daily รอติดตามผลประกอบการและเงินเฟ้อไทย Consensus คาดการณ์ว่ายังลดลงเทียบกับปีก่อน คาดหวังการลดดอกเบี้ยและจะดีกับตลาดหุ้นรวมถึงกลุ่มการเงินและอสังหา

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 109 จุด (-0.2%) ขณะที่ S&P500 , Nasdaq ก็ปิดในแดนลบเช่นกันรับแรงกดดันจากหุ้น Meta, MS ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.1% ได้แรงหนุนจากการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันศุกร์ยังคงผันแปรไปตามผลประกอบการที่รายงานออกมาโดยเฉพาะหุ้น Amazon ที่ปรับขึ้นเด่น 9.5% จากการที่รายงานผลประกอบการ 3Q25 พบว่ากำไรสุทธิขยายตัว 38%YoY แม้จะใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ แต่ตลาดให้น้ำหนักกับ AWS (Amazon Web Service) ที่รายได้ขยายตัว 20%YoY พร้อมกับกำไรจากการดำเนินงานที่ขยายตัว 9%YoY ในฝั่งของธุรกิจ AWS การเติบโตในธุรกิจ Cloud ไม่ว่าจะเป็น Alphabet , Microsoft Azure สะท้อนว่า AI Demand ยังแข็งแกร่ง ส่วนสินทรัพย์อื่นๆอย่าง US Bond Yield เริ่มกลับมาปรับลง สะท้อนมุมมองเชิงผ่อนคลายกับการบริหารนโยบายการเงินของ FED จากความคิดของนักลงทุน CME FED Watch ล่าสุดให้น้ำหนัก 63% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน ธ.ค. มองเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้นๆ ต่อตลาดหุ้นไทยรวมไปถึงกลุ่มอย่างอสังหาและการเงิน ส่วนปัจจัยในประเทศธนาคารแห่งประเทศไทยได้รายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือน ก.ย. พบว่าดีขึ้นโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม และขณะเดียวกันก็ส่งผลให้กิจกรรมภาคบริการปรับเพิ่มขึ้นทั้งในภาคการค้าและการขนส่ง นอกจากนี้ยังได้อีกแรงหนุนจากการท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ มองบวกกับหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยวประกอบไปด้วย (CPALL CENTEL CPAXT ERW) ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของสหรัฐฯจากสถาบัน ISM Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 49.4 วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1300 – 1320 ตลาดยังมีปัจจัยหนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดดอกเบี้ยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจประกอบกับสถิติตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงปลายปีมักให้ผลตอบแทนเป็นบวก ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนเน้นเป็นรายตัวในหุ้นที่มีปัจจัยหนุน อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL CPAXT) ธนาคาร (SCB) การเงิน (MTC) อสังหาฯ (AP SPALI) ศูนย์การค้า (CPN)

CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท)
2H25 ผลประกอบการมีโอกาสเห็นการเพิ่มขึ้นจาก 1H25 ได้ทั้งจากการเปิดศูนย์ใหม่และการโอนคอนโดในช่วงปลายปี โดยเรายังคงกำไรสุทธิทั้งปีที่ 17,258 ล้านบาท นอกจากนี้ราคาหุ้นยังมีแรงหนุนจากการที่ CPN ประกาศซื้อหุ้นคืนวงเงิน 5,000 ล้านบาท

SPALI (ถือ / ราคาเป้าหมาย 16.00 บาท)
ปี 2026 แม้คาดผลประกอบการต่ำกว่าที่เดิมตลาดคาดการไว้ แต่มีแนวโน้มเติบโต YoY จากฐานต่ำ หนุนจาก 1) โครงการใหม่ที่เลื่อนมาเปิดสูงตั้งแต่ต้นปี 2) คาดอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวกลับมาปกติที่ 35-36%