Market Wrap-Up
- SET วันที่ 27 ต.ค.68 ปิด +61 จุด อยู่ที่ 1,323.52 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,328 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 2,020 ลบ. รายย่อยซื้อ 2,719 ลบ. สถาบันขาย 2,438 ลบ. และต่างชาติขาย 2,302 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 825 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,KBANK,SCB,CPF,KKP และยอดขายหุ้น GULF,CPALL,ADVANC,PTTGC,TRUE มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,035 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TPIPP,AP,DELTA โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 6,640 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 113,713 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,039 ลบ.
Market View
- DJIA +0.71%,S&P500 +1.23%,Nasdaq +1.86% ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสื่อสาร +3%, เทคโนโลยี +2.0% หลัง รมว.คลังสหรัฐเผยผลการหารือกับจีนที่มาเลเซียอยู่ในทิศทางบวก โดยจีนจะกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐ และชะลอ ม.คุมการส่งออกแร่หายากออกไป 1 ปี ขณะที่สหรัฐจะขยาย ม.ผ่อนผันการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนที่จะสิ้นสุดในวันที่ 10 พ.ย.นี้ ซึ่งรอการหารือระหว่าง ปธน.ทรัมป์ – สี จิ้นผิงในการประชุม Apec วันพฤหัสนี้ สัปดาห์นี้รอรายงานงบ Q3/68 ของกลุ่มเทคโนโลยี เช่น Meta Platform, Microsoft, Alphabet, Amazon และ Apple, วันพุธติดตามผลการประชุมเฟดคาดจะลดดอกเบี้ย 0.25% และฟังถ้อยแถลงของ ปธ.เฟด และวันศุกร์ติดตามข้อมูล US PCE ต.ค.
- Stoxx600 ยุโรป +22% ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร, เทคโนโลยี +1.2% หลังคลายความกังวลต่อภาวะสงครามการค้าสหรัฐ – จีน โดยนักลงทุนรอผลการประชุม ECB ในวันพฤหัสนี้ ซึ่งคาดจะยังคงดอกเบี้ย Deposit ไว้ที่ 2.0% หลังเงินเฟ้อยูโรโซนอยู่ใกล้เคียงระดับเป้าหมายที่ 2.0% และอาจต้องเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 2570 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ โดยวันศุกร์นี้ติดตามข้อมูล CPI ยูโรโซน ต.ค. คาด 2.1% & ก.ย. 2.2% YoY
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ +4% หลังนางซานาเอะ นายก ฯ ญี่ปุ่นเตรียมออก ม.ด้านการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และความหวังเชิงบวกต่อผลการเจรจาข้อตกลงการค้าสหรัฐ – จีน ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.1% หลังรองนายก ฯ จีนได้หารือกับ รมว.คลังสหรัฐที่มาเลเซียต่อประเด็น ม.ภาษีนำเข้าสินค้าจีน, สารเฟนทานิล และภาษีขนส่ง ซึ่งได้บทสรุปในเชิงบวก ส่วน Kospi เกาหลีใต้ +2.57% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโยยี
- SET วานนี้ปิด +73% ปริมาณการซื้อขาย 5.3 หมื่น ลบ. รายย่อยซื้อ 2,719 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 2,020 ลบ. สถาบันขาย 2,438 ลบ. และต่างชาติขาย 2,302 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ นำโดย DELTA +9.76% ส่งผลบวกต่อดัชนี +19.6 จุด หลังรายงานกำไร Q3/68 ดีกว่าคาด +25% จากอุปสงค์อุปกรณ์ไฟฟ้าเกี่ยวกับ Data Center, Server ที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขส่งออกไทย ก.ย. +19% สูงกว่าคาดที่ +7.2% YoY ได้แรงหนุนจากยอดส่งออกคอมพิวเตอร์ & อุปกรณ์ +57.9% YoY ส่วนยอดส่งออกในกลุ่มอาหาร เช่น ไก่แปรรูป, อาหารสัตว์เลี้ยงยังขยายตัวได้ดี ส่งผลบวกต่อหุ้น CPF, TU, ITC ขณะที่กลุ่ม Domestic Play เช่น ค้าปลีก, ท่องเที่ยว ปรับลดลง จากความกังวลต่อแนวโน้มรายได้ Q4/68 อาจชะลอตัวในช่วงการไว้อาลัยแด่สมเด็จพระพันปีหลวง ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามผลการประชุม ครม.ที่เตรียมจะอนุมัติโครงการโซลาร์ชุมขนไม่เกิน 1.5 พัน เมกะวัตต์
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,310 แนวต้าน 1,330 – 1,335 คาดดัชนีทรงตัวรอผลการประชุมเฟดในวันพุธ และการหารือสหรัฐ – จีนในวันพฤหัสนี้ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มโรงไฟฟ้า GULF,BGRIM,GUNKUL ได้ประโยชน์จากโครงการโซลาร์ชุมชุน & Direct PPA / กลุ่มไอซีที ADVANC,TRUE คาดกำไร Q3/68 เติบโตดี กอปรได้แรงหนุนจากเทรนด์การใช้ AI / กลุ่มส่งออกอาหาร TU,ITC,AAI คาดการณ์รายได้ยังขยายตัวได้ดี
- OR* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 16.10 บาท) แนวโน้มกำไร 3Q68 ฟื้นตัว QoQ, YoY หนุนจากค่าการตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น ช่วยชดเชยปริมาณขายน้ำมันที่ลดลงในช่วง low season และปัญหากัมพูชา ขณะที่ปริมาณขายของ café amazon ดีขึ้นและ SG&A ลดลง แนวโน้ม 4Q68 คาดกำไรทรงตัวหรือดีขึ้นเล็กน้อย QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้อ้างอิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ที่ 08 หมื่นล้านบาท +41%YoY และ 1.17 หมื่นล้านบาท +10%YoY
- CCET* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 95บาท) คาดกำไร 2H68 ฟื้นตัวจาก1) ยอดขายเริ่มกลับมาหลังผลกระทบreciprocal tariff จำกัดและชัดเจนขึ้น 2) demand สินค้ากลุ่ม storage ยังดี 3) ธุรกิจ smart wearable ขยายตัวส่วน Gross Margin มีแนวโน้มดีขึ้นจากการขายสินค้ามาร์จิ้นสูงได้มากขึ้นซึ่งช่วยลดทอนผลของบาทแข็งค่า สำหรับปี69 มีปัจจัยหนุนจากลูกค้ารายใหม่และ model ผลิตภัณฑ์ใหม่ ปัจจุบัน IAA consensus คาดกำไรปี 69ที่ 3,202 ลบ. เติบโต +17%YoY
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ธ.ค.-$0.19 อยู่ที่ $61.31 / บาร์เรล, Brent ธ.ค. -$0.32 อยู่ที่ $65.62/บาร์เรล หลังกลุ่มโอเปคพลัสอาจเพิ่มกำลังการผลิตอีกใน ธ.ค. เนื่องจากซาอุ ฯ ที่ต้องการแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด
Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$118.10 อยู่ที่ $4,019.70 /ออนซ์. หลังถูกขายทำกำไรจากระดับราคาสูงสุดที่ $4,381/ออนซ์ กอปร รมว.คลังสหรัฐเผยการเจรจาข้อตกการค้ากับจีนอยู่ในทิศทางบวก
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -3.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -70.37 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +72.0 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -5.32 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี่แข็งค่าอยู่ที่ 32.60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 3.980 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -15 อยู่ที่ 1,976
(-) BitCoin เช้านี้ -0.93% อยู่ที่ 114,217 ดอลลาร์สหรัฐ
(+)GDP เกาหลีใต้ Q3/68 +1.7% & Q2/68 +0.6% YoY
Economic Calendar
ในประเทศ
30 ต.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
ต่างประเทศ
28 ต.ค. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี ( ต.ค.)
29 ต.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
30 ต.ค. EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป
EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ( ต.ค.)
US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC
US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 3)
31 ต.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน ( ต.ค.)
EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ต.ค.)
US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index (ก.ย.)
Theme Strategy
เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายหลักของรัฐบาลอนุทิน (รัฐบาลระยะสั้น 4 เดือน) เร่งใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick wins, วงจรดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง และ Earning momentum / Seasonal 3Q68-4Q68
(1) ค้าปลีก / บริโภค นโยบายคนละครึ่งพลัส – กระตุ้นกำลังซื้อ, ลดค่าใช้จ่าย CPAXT*, BJC, TNP*, KK*, MOTHER*, ICHI*, CBG*
(2) การเงิน / นอนแบงค์ นโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่อง SME, คาดการณ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย MTC*, SAWAD*, TIDLOR*, KTC*, NCAP*, SINGER*, SGC*, FSMART*, AP*, SPALI*, CPN*, DIF*, 3BBIF*
(3) รับเหมาก่อสร้าง เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการก่อสร้างภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน STECON, CK, SEAFCO*, PYLON*
(4) ท่องเที่ยว ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ AOT, CENTEL*, ERW*
(5) ไอซีที / ดิจิทัล ปราบปรามภัยไซเบอร์, การลงทุนด้าน Digital, Cyber Security, Data Center ADVANC, DELTA*, GULF*, BGRIM*, BCPG*, SECURE*
(6) ด้านสาธารณสุข ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอและเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด KTMS*, BIZ* ลดค่ายาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน การเปิดเผยราคายาให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในซื้อยาเองได้ HL* (เก็งกำไร)
(7) Solar ภาคประชาชน, มาตรการลดหย่อยภาษี Solar rooftop ครัวเรือน / Direct PPA GULF*, GUNKUL*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio October 2025: TNP*, PRM*, BJC, BCPG*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Meena Tunlayanitigun
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662
Tel 02-829-6999 Ext 2201
Email : meena.tu@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th