ภาวะตลาด SET Index วันศุกร์ปิดลดลง -16.85 จุด (-1.30%) มาที่ 1274.61 มูลค่าซื้อขาย 3.7 หมื่นลบ. โดยมีแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ซึ่งอาจกระทบอุตสาหกรรมแร่หายากและเทคโนโลยี รวมถึงมีกังวลกับธนาคารภูมิภาคบางแห่งของสหรัฐที่มีปัญหา นักลงทุนสถาบันในปท.ขายสุทธิ -266 ลบ. ต่างชาติขายสุทธิ -2.1 พันลบ. ส่วนรายย่อยซื้อสุทธิ +2.6 พันลบ.

ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ: ธนาคารใหญ่ 8 แห่งของสหรัฐ เช่น JPMorgan Chase, Bank of America, Wells Fargo และธนาคารรายใหญ่อื่นๆ ถูกฟ้องว่าสมคบคิดกำหนดดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดีนานกว่า 30 ปี ส่งผลให้ผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็กต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงเกินจริง นอกจากนั้น คนเกือบ 7 ล้านทั่วสหรัฐร่วมชุมนุม "No Kings" เมื่อ18 ต.ค. เพื่อต่อต้านการใช้อำนาจเกินขอบเขตของทรัมป์
• สหรัฐ: ปธน.ทรัมป์ แสดงท่าทีอ่อนลงต่อจีน หลังกล่าวว่ามาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 100% นั้นไม่ยั่งยืน และยืนยันพบปะปธน.สี จิ้น ผิงนอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก 31 ต.ค.-1 พ.ย.นี้
• ฝรั่งเศส: S&P ปรับลดอันดับเครดิตระยะยาวและระยะสั้นลงเป็น "A+/A-1" แนวโน้ม “Stable”จาก"AA-/A-1+" เนื่องจากฐานะการคลังไม่แน่นอนสูง
• จีน: จับตาการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ณ กรุงปักกิ่ง วันที่ 20-23 ต.ค. ซึ่งจะหารือการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2026-2030)
• ตลาดหุ้นสหรัฐวันศุกร์ปรับขึ้น จากหุ้นธนาคารภูมิภาคฟื้นตัวหลังรายงานผลประกอบการ
•ราคาน้ำมันดิบ WTI & Brent ขยับขึ้นเล็กน้อย เป็น 57-61 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังถูกจำกัดด้วยอุปทานจากกลุ่มโอเปกพลัสที่จะเพิ่มขึ้น ขณะที่อุปสงค์ฟื้นช้า รวมถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครนมีโอกาสคลี่คลายลง สัญญาทองคำลดลง -91.30 US$ สู่ 4,213.30 US$/ออนซ์ จากแรงขายทำกำไร ดัชนีค่าเงิน US$ แข็งขึ้นเป็น 98.49 เงินบาทอ่อนสู่ 32.75 Bt/US$ ส่วน US bond yield 10 ปี เด้งเป็ น 4.01% ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) อ่อนสู่ 103.45 ดัชนี Baltic Dry Index เด้งขึ้นเป็น 2,069

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• โครงการคนละครึ่งพลัส เปิดลงทะเบียน 20-26 ต.ค.นี้ ระยะเวลาใช้สิทธิ 29 ต.ค.-31 ธ.ค.25 คาดว่าโครงการนี้จะทำให้การจับจ่ายใช้สอยคึกคักขึ้น กลุ่มและหุ้นที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งจะมียอดขายดีขึ้น เช่น CPAXT, BJC, CBG, OSP, ICHIกลุ่มธนาคาร คือ KTB ได้อานิสงค์จากการขายผลิตภัณฑ์ cross-selling ให้กับลูกค้าในแอปเป๋าตังส์มากขึ้น, กลุ่มไฟแนนซ์ เช่น AEONTS, MTC, TIDLOR, SAWAD, KTC ได้ประโยชน์จากความสามารถในการชำระคืนหนี้ที่ดีขึ้นหลังจากได้รับเงินจากโครงการคนละครึ่งพลัสมาใช้จ่าย

กลยุทธ์ : ถ้ากลับไปยืนเหนือ 1280 ไม่ได้... ควรระวังการแกว่งลง เมื่อวันศุกร์ SETถอยลงมาปิดต่ำกว่า 1280 หากยังไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 1280 ควรระวังการแกว่งลง โดยมีแนวรับ 1270, 1265-1260 กรณีรีบาวด์ มีแนวต้าน 1280-1285, 1295-1300, 1310-1320 ตามลำดับ

หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ : CPAXT – ได้อานิสงค์จากโครงการ “คนละครึ่งพลัส” จากมีลูกค้าที่เป็นร้านค้าปลีกดั้งเดิม ร้านโชห่วย ทั่วประเทศเป็นจำนวนมากคาดกำไรหลักปีนี้โต 5-10% และขยายตัว8-10% ในปี 2026 ปัจจัยหนุน คือการขยายสาขาและปรับปรุงสาขา, บริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงได้อานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล & เงินสะพัดเลือกตั้ง ณ ราคาปัจจุบันมี P/BV ที่ 0.7 เท่า ราคาเป้าหมายIAA consensus อยู่ที่ 25 บาท

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829