Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

84

 

สภาพคล่องมี แต่ตลาดอบอวลด้วยปัจจัยอ่อนไหว

HORIZON MARKET VIEW
• ศุกร์ที่ผ่านมา ราคาทองคำเริ่มเห็นการปรับฐานร่วงลง -1.73% หลังความกังวล สงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ดูผ่อนคลายลง ล่าสุด ปธน. ทรัมป์มีท่าที อ่อนลง โดยยอมรับว่าภาษีที่ขู่จะใช้กับจีน 100% มีผลบังคับใช้ 1 พ.ย. 68 นั้น “ไม่ สามารถยั่งยืนได้” รวมถึงการประชุมระหว่างผู้นำจีน-สหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ระหว่างการประชุม APEC ที่เกาหลีใต้ในวันที่ 31 ต.ค. –1 พ.ย. 68
• เช้านี้เวลา 9.00 น. มีรายงานตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจของจีน โดย GDP GROWTH ใน 3Q68 ตามคาดการณ์โตเพียง 4.7%YOY (ลดลงจาก 5.2% ใน 2Q68) แม้ยอด ส่งออกทำสถิติสูง แต่การลงทุนภายในประเทศ รวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรม และ ยอดค้าปลีกยังอ่อนแอ ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐด้านโครงสร้างพื้นฐานยังไม่สามารถ ชดเชยการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์และการผลิตได้

 

REGION RADAR
• LOREAL (OR US) ประกาศซื้อธุรกิจ BEAUTY จาก KERING วงเงิน กว่า 4 พันล้านยูโร โดยดีลนี้บริษัทคาดจะสามารถปิดการซื้อขาย ภายในครึ่งปีแรกของ 2026แนะนำเก็งกำไรLOREAL80
• ในช่วงที่เกิดปัญหาธนาคาร SILICON VALLEY BANK ล้มละลาย (8-20 มี.ค.) SECTOR ที่ปรับตัวลงแรงสุดคือ FINANCIALS -8.0% และ ENERGY -7.1% ขณะที่ COMMUNICATION SERVICE +2.7% และ INFORMATION TECHNOLOGY +2.6% ปรับตัวขึ้นได้ดี

 

THAI FOCUS
• โครงการคนละครึ่ง พลัส(งบโครงการ 44,000 ล้านบาท) ให้ประชาชน เริ่มลงทะเบียนแล้ววันนี้ – 26 ต.ค.68 คาดกระตุ้น GDP ได้ราว 0.2%YOY ซึ่งหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์โดยตรง คือ กลุ่มเกษตร-อาหาร BTG CPF TFG
• ส่วนมาตรการอื่นๆ ทั้งรถไฟฟ้า 35–40 บาทตลอดสาย, การลดค่า ไฟฟ้า(FT) ให้ลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย, สนับสนุนเกษตรกร / แก้หนี้ เกษตรกร กระทรวงการคลังคาดว่านโยบายต่างๆจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนก่อนจะยุบสภาต้นปีหน้า

 

SYNAPSE STRATEGY
• ตลาดหุ้นไทยยังอาจพักฐานตามตลาดหุ้นโลก หลังถูกสภาพคล่อง ส่วนเกินผลักขึ้นมาแรงในปีนี้แต่สัปดาห์นี้ยังเผชิญ GOVERNMENT SHUTDOWN นานขึ้น รวมถึงความกังวลปัญหาสินเชื่อในสหรัฐ
• ฝ่ายวิจัยฯ เปรียบเทียบกับเหตุการณ์ ในช่วง SVB ปิดกิจการ ประมาณ 2 สัปดาห์กดดันตลาดหุ้นโลก -1.6% หุ้นกลุ่มการเงินโลก -8% เทียบกับ SET -2.1% SETBANK -3.6% ส่วนกลุ่มที่ OUTPERFORM คือ กลุ่ม DEFENSIVE ต่างๆ อย่าง BGRIM, ADVANC, BDMS, BCH, BH

 

HORIZON MARKET VIEW

ทรัมป์ทำท่าทีอ่อนลงกับจีน
ศุกร์ที่ผ่านมา ราคาทองคำเริ่มเห็นการปรับฐานร่วงลง -1.73% หลังความกังวลสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่าง จีน-สหรัฐฯ ดูผ่อนคลายลง ล่าสุด ปธน. ทรัมป์มีท่าทีอ่อนลงโดยยอมรับว่าภาษีที่ขู่จะใช้กับจีน 100% มีผลบังคับ ใช้ 1 พ.ย. 68 นั้น “ไม่สามารถยั่งยืนได้” อีกทั้ง รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ SCOTT BESSENT และรองนายกรัฐมนตรี จีน HE LIFENG จะพบกันสัปดาห์หน้าในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเตรียมการก่อนการประชุมระหว่างผู้นำจีนสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นระหว่างการประชุม APEC ที่เกาหลีใต้ในวันที่ 31 ต.ค. –1 พ.ย. 68

 

ทั้งนี้ สภาพคล่องล้นระบบ หนุนเม็ดเงินไหลจากสินทรัพย์ปลอดภัยเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกอย่างร้อนแรง โดย ทองคำขึ้นเยอะสุด 66.1%YTD, MSCI ACWI +17.0%, BITCOIN +16.3%YTD เป็นต้น

 

สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับตัวขึ้นได้อย่างแรง จนกินสัดส่วน MARKET CAP ตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก ณ สิ้นปี 2024 จาก 55.23% ลงมาล่าสุดเหลือ 50.15% หรือ 147.3 ล้านล้านเหรียญ ส่วนราคาทองคำ +66%YTD มี สัดส่วนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ทั้งโลก จาก 6.85% ในปี 2024 เป็น 10.34% ในปัจจุบัน

 

ส่วนประเด็นที่น่าติดตามเช้านี้จะมีรายงานตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจของจีน โดยเฉพาะ GDP GROWTH ใน 3Q68 ตามคาดการณ์โตเพียง 4.7%YOY (ลดลงจาก 5.2% ใน 2Q68) แม้ยอดส่งออกทำสถิติสูง แต่การลงทุน ภายในประเทศ รวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกยังอ่อนแอ ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐด้าน โครงสร้างพื้นฐานยังไม่สามารถชดเชยการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์และการผลิตได้

 

REGION RADAR

LOREAL (OR US) ประกาศซื้อธุรกิจ BEAUTY จาก KERING วงเงินกว่า 4 พันล้านยูโร
LOREAL ได้ประกาศซื้อธุรกิจ KERING BEAUTE จากทาง KERING วงเงินกว่า 4 พันล้านยูโร ภายใต้ข้อตกลงนี้ บริษัทจะได้ครอบครองแบรนด์น้ำหอมสุดหรู HOUSE OF CREED สิทธิ์ในการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอางและน้ำหอมของ GUCCI, BOTTEGA VENETA และ BALENCIAGA โดยดีลนี้บริษัทคาดจะสามารถ ปิดการซื้อขายภายในครึ่งปีแรกของ 2026

 

ย้อนรอยช่วงที่ SILICON VALLEY BANK หุ้นกลุ่มไหนสามารถปรับตัวขึ้นได้บ้าง
ในช่วงที่เกิดปัญหาธนาคาร SILICON VALLEY BANK ล้มละลาย (8-20 มี.ค.) SECTOR ที่ปรับตัวลงแรงสุดคือ FINANCIALS -8.0% และ ENERGY -7.1% ขณะที่ COMMUNICATION SERVICE +2.7% และ INFORMATION TECHNOLOGY +2.6% ปรับตัวขึ้นได้ดี

 

INVERSE ETF มีความน่าสนใจในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน
ตลาดเริ่มเกิดความกังวลถึงความเสี่ยงด้านเครดิตของธนาคารในสหรัฐฯ หลังธนาคารภูมิภาค (REGION BANKS) อย่าง ZIONS BANCORPORATION เปิดเผยว่าธนาคารขาดทุนจากสินเชื่อ 2 รายในแคลิฟอร์เนีย โดย ตลาดมีความผันผวนมากขึ้นในช่วงนี้ หากนักลงทุนไม่อยากขายทำกำไรหุ้นในพอร์ต INVERSE ETF เป็นอีก ตัวเลือกที่สามารถช่วยในการ HEDGING พอร์ตได้

 

THAI FOCUS

นโยบายการคลังอัดแน่นช่วงปลายปี คาดหนุน GDP เพิ่มขึ้น 0.4%
นโยบายของรัฐบาลอนุทินเน้น 3 เรื่องหลักที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายประชาชน ซึ่งโครงการที่คนให้ความสนใจ คือ 1. โครงการคนละครึ่ง พลัส(งบโครงการ 44,000 ล้านบาท ให้ประชาชนเริ่มลงทะเบียนแล้ววันนี้คาดกระตุ้น GDP ได้ ราว 0.2% 2.รถไฟฟ้า 35–40 บาทตลอดสาย มีราคาต่อเที่ยวที่กำหนดไว้ จะช่วยลดค่าเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะคนทำงานที่ต้องต่อรถหลายสาย 3.การลดค่าไฟฟ้า(FT) ให้ลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย โดยเป็น ช่วงเวลา ก.ย.–ธ.ค.68 และ ม.ค.–เม.ย. 69 4.สนับสนุนเกษตรกร / แก้หนี้เกษตรกร ซึ่งกระทรวงการคลังคาดว่า นโยบายต่างๆในช่วง 4 เดือนก่อนจะยุบสภาในช่วงต้นปีหน้า จะกระตุ้น GDP ได้ราว 0.4% ซึ่งฝ่ายวิจัยฯคาดว่า GDP GROWTH ปีนี้ของไทยไม่น่าต่ำกว่า 2.2%YOY เนื่องจากสมมุติฐานหาก GDP GROWTH QOQ ไตรมาส 3-4 = 0%(DOWNSIDE การเกิด TECHNICAL RECESSION จำกัด) จะได้ GDP GROWTH YOY ปีนี้ตาม ตัวเลขดังกล่าว ส่วนหุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว 1.กลุ่มค้าปลีก CPALL BJC CPAXT 2.กลุ่ม เครื่องดื่ม OSP CBG SAPPE 3.กลุ่มเกษตร-อาหาร BTG CPF TFG 4.กลุ่มเช่าซื้อ MTC SAWAD เป็นต้น

 

อย่างไรก็ตามมีข้อท้าทาย คือ นโยบายต่างๆต้องใช้งบประมาณสูง โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งและการอุดหนุน ค่าไฟอาจมีข้อถกเถียงเรื่องความคุ้มค่าและความยั่งยืนของฐานะการคลัง ซึ่งสอดคล้องกับการเตือนของ IMF แนะให้รัฐบาลไทยลดหนี้สาธารณะให้ต่ำกว่า 60% ของ GDP ในระยะกลาง และกลับไปใช้เพดานหนี้ที่ 60% เพื่อ สร้างพื้นที่ทางการคลังไว้รับมือวิกฤต รวมถึงควรลดการกู้เงินนอกงบประมาณ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและ หลีกเลี่ยงหนี้ที่ไม่คาดคิด ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวไปจะส่งผลต่อการประเมิน RATING ของไทยในอนาคต จึงทำให้ นโยบายต่างๆที่ตั้งไว้ อาจต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการใช้จ่าย

 

SYNAPSE STRATEGY

ตลาดหุ้นยังอยู่ในสภาวะอ่อนไหว เน้นหุ้น DEFENSIVE
ตลาดหุ้นยังอยู่ในสภาวะอ่อนไหว หลังช่วงที่ผ่านมานักลงทุนมีการใช้ LAVERAGE หนัก ซื้อหุ้น S&P500 ด้วย ยอด MARGIN DEBT ที่สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ 1.12 ล้านล้านเหรียญ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกขึ้นมาแรง แต่ช่วง นี้อาจเห็นการพักฐานของตลาดหุ้นโลกบ้าง หลังผู้บริหารเริ่มขายสุทธิมากขึ้น และสัปดาห์นี้ยังเผชิญ GOVERNMENT SHUTDOWN นานขึ้น รวมถึงความกังวลต่อปัญหาสินเชื่อในสหรัฐกดดันอีก

 

ดังนั้นฯ ฝ่ายวิจัยฯ เปรียบเทียบกับเหตุการณ์ ในช่วง SVB ปิดกิจการประมาณ 2 สัปดาห์ กดดันตลาดหุ้นโลก - 1.6% หุ้นกลุ่มการเงินโลก -8% เทียบกับ SET -2.1%SETBANK -3.6% ส่วนกลุ่มที่ OUTPERFORM คือ กลุ่ม DEFENSIVE ต่างๆ อย่าง BGRIM, ADVANC, BDMS, BCH, BH

 

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

มีความหวัง By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เชื่อว่า นักลงทุน มีชีวิตอยู่ได้ ด้วยมีความหวัง มีความฝัน วันนี้ ก็หวังว่า หุ้นไทย จะเคลื่อนไหว .....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้