สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(14 ตุลาคม 2568)----InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 14 ตุลาคม 2568 คาดตลาดผันผวนเพิ่ม แต่มองโอกาสรีบาวด์โดยเฉพาะตามแนวรับ ปธน. ทรัมป์ส่งสัญญาณประณีประนอม ไม่ต้องการให้ ศก. 2 ประเทศตกต่ำหากขึ้นภาษีจีน 100% ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่เปิดปรับตัวลงแรงในวันจันทร์ก่อนมาปิดใกล้ระดับสูงสุดของวันเป็นสัญญาณบวก และลงไม่รุนแรงเมื่อเทียบฝั่งตะวันตกก่อนกลับมาขึ้นเมื่อคืน ในประเทศติดตามการออกมาตรการกระตุ้น ศก. เที่ยวเมืองรอง ทางเทคนิค ที่ 1280/1270 มีโอกาสรีบาวด์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1295/1300

ประเด็นสำคัญ
• ปธน. ทรัมป์ได้ขู่จะปรับขึ้นภาษีศุลกากรต่อจีนเพิ่มเติมมากถึง 100% และกล่าวหาจีนใช้การจำกัดการส่งออก Rare Earth เป็นตัวประกันต่อโลก ทำให้ S&P500 ปรับลง 2.7% ในวันที่ 10 ต.ค. แต่ต่อมาในช่วงสุดสัปดาห์ ปธน. ทรัมป์ได้มีท่าทีผ่อนคลายลง ทำให้วานนี้ (13 ต.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแรงซื้อกลับและ S&P500 ฟื้นตัว 1.6%
• ติดตามการประชุม ครม. ในวันนี้ หลังรัฐบาลเผยจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกสัปดาห์ ในสัปดาห์นี้คาดว่าจะออกมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง
• ผู้ว่าฯ ธปท. เผยกำลังจับตาความเสี่ยงภาวะเงินฝืดอย่างใกล้ชิด แม้ยังไม่เห็นการลดลงของราคาสินค้าและบริการเป็นวงกว้าง และคาดว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% ได้ การลดดอกเบี้ยนโยบายยังสามารถลดได้อีกหาก ศก. อ่อนแรงหรือเงินเฟ้อต่ำต่อเนื่อง ส่วนมติ กนง. ในครั้งก่อนมีความเห็นแตกต่างในด้านจังหวะเวลา แต่ทิศทางมีความเห็นตรงกัน
• สรท. ยังเชื่อมั่นว่าการส่งออกไทยในปี 2568 จะสามารถเติบโตได้ 3-5%YoY แม้ในช่วง 2H68 จะชะลอลงจากฐานสูงใน 1H68 และการส่งออกช่วง 8M68 ขยายตัวสูงถึง 13.3%YoY แต่เตือนความเสี่ยงที่อาจกระทบ เช่น การเริ่มบังคับใช้ภาษีศุลกากรสหรัฐฯ, บาทแข็งค่าเร็ว, การเข้าถึงสินเชื่อของ SMEs เป็นต้น
• โฆษกสำนักนายกฯ เผยเตรียมเปิด “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” สำหรับผู้ที่อาจตกหล่นจากการลงทะเบียนรอบแรกที่จะเริ่มในวันที่ 20 ต.ค. นี้ และผู้ที่ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการทบทวน ทั้งนี้จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากสิ้นสุดเฟสแรกแล้ว

กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสแกว่งตัวไซด์เวย์รอปัจจัยหนุนใหม่ๆ ปัจจัยในประเทศติดตามรัฐบาลมีแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกสัปดาห์ซึ่งคาดจะมีส่วนช่วยประคองตลาด ในสัปดาห์นี้คาด รมว. คลังจะเสนอ ครม. พิจารณามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง ส่วนปัจจัยต่างประเทศ คาดกรณีสหรัฐฯ ขึ้นภาษีกับจีน 100% มีท่าทีประณีประนอมมากขึ้น ประเมินผลกระทบต่อหุ้นไทยจำกัด แต่ความผันผวนของตลาดมีโอกาสเพิ่มขึ้น ติดตามตัวเลขส่งออก ต.ค. 2568 ของจีนซึ่งตลาดคาด +5.2%YoY สูงขึ้นจากเดือนก่อนที่ +4.4%YoY และตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ CPI, PPI และยอดค้าปลีก ก.ย. 2568 แม้ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น MoM แต่การชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจทำให้งดเผยแพร่ได้ซึ่งอาจทำให้ตลาดขาดข้อมูลชี้นำ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”

แนวรับ – แนวต้าน : 1280/1270– 1295/1300

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบรอปัจจัยหนุนใหม่ ติดตามมาตรการกระตุ้น ศก. ใหม่ และการรายงานตัวเลข ศก. สำคัญในต่างประเทศ กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม
หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาดผลการดำเนินงาน 3Q68 จะยังเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY และเราแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดีและราคาหุ้นยังมี Upside ได้แก่ ADVANC BCP KTB LHSC OR PTT TRUE
2. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลงเพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC TIDLOR
3. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากรัฐมีแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ เพิ่ม แนะนำ ท่องเที่ยว (CENTEL ERW) จากมาตรการเที่ยวเมืองรอง, ไฟแนนซ์ (MTC TIDLOR) จากมาตรการพักหนี้และให้สินเชื่อรายย่อย, นิคม (WHA AMATA) และโรงไฟฟ้า (GULF BGRIM BCPG) จากมาตรการหนุนพลังงานสะอาดและการลงทุน Data Center 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า แนะนำ KCE HANA TU และ 3) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากกำลังซื้อดีขึ้น โครงการคนละครึ่งพลัสและรัฐบาลมีแผนผลักดันนโยบายสร้างรายได้ลดค่าครองชีพ แนะนำ CPAXT และ BJC (มีฐานลูกค้าโชห่วย ร้านอาหาร), TNP (เป็นร้านธงฟ้า), CPALL, CBG, OSP, ICHI

Daily Top Picks
CENTEL: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากโครงการเที่ยวเมืองรองที่มีกำหนดเข้า ครม. วันนี้ แนวโน้มผลประกอบการ 3Q68 เติบโตต่อเนื่องถึง 1Q69 คาดเพิ่มขึ้น QoQ จากโรงแรมมัลดีฟส์ที่เข้าสู่ High Season มาตรการกระตุ้น ศก. คาดส่งผลดีต่อธุรกิจร้านอาหาร Valuation ยังไม่แพง PER ที่ -0.5SD เป้าหมายระยะสั้นที่ 31.50 บาท

GFPT: มีปัจจัยหนุนจากกำไรปกติ 3Q68 ที่คาดจะดีที่สุดในกลุ่ม (เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ) จากมาร์จิ้นธุรกิจไก่เนื้อที่ดี ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง ผลกระทบจากการขาดแคลนคนงานกัมพูชาจํากัด นำไปสู่การเพิ่มประมาณการกําไรปี 2568 และคำแนะนำขึ้นเป็น Outperform ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากบาทอ่อนค่า เป้าหมายระยะสั้น 10.20 บาท