Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: MMM โรดโชว์ ก่อนขาย PO 64.2 ล้านหุ้น ชูศักยภาพโมเดลธุรกิจ "มินิมาร์ทอสังหาฯ" ด้าน 4เซียนหุ้น เคาะเป้า 10-10.40 บาท/หุ้น

163

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (10 ตุลาคม 2568 )-----บมจ.เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล หรือ MMM เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน โชว์ศักยภาพโมเดลธุรกิจ "มินิมาร์ทอสังหาฯ" ครอบคลุมบริการที่ปรึกษางานขายโครงการ-บริหารงานขายโครงการ-บริหารงานขายแบบวางหลักประกันการซื้อ (Hybrid)-ซื้อขายอสังหาฯ ผ่านเครือข่ายนายหน้าอิสระ เดินเกมรุกลุยโรดโชว์ต่อเนื่อง เตรียมความพร้อมก่อนเสนอขายหุ้น PO 64.2 ล้านหุ้น นำร่องย้ายเทรดจาก LiVEx สู่ mai เป็นรายแรก


นางสาวณิชา โรจน์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MMM หนึ่งในผู้นำด้านตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การให้บริการที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดแก่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ และซื้อขายอสังหาฯ เปิดเผยว่า ภายหลังที่บริษัทฯ ได้มีการนำเสนอข้อมูลให้กับกลุ่มนักลงทุนทั่วไป (โรดโชว์) ตลอดช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบเกี่ยวกับรายละเอียดข้อมูลของการดำเนินธุรกิจ รวมถึงศักยภาพ จุดเด่น และโอกาสการเติบโตของบริษัทฯ  ภายใต้แนวคิด "เพื่อนคู่คิด นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์" ก่อนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (PO) จำนวนไม่เกิน 64,200,000 หุ้น หรือคิดเป็น 21.40% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท

และยังสะท้อนถึงการเตรียมความพร้อมของบริษัทฯ ในการย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ LiVEx ไปยังตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) รายแรกของตลาดหลักทรัพย์ LiVEx เพื่อรองรับการขยายตัวและเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงนักลงทุนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน MMM ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยทุกประเภทให้กับเจ้าของโครงการ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เช่น นนทบุรี ชลบุรี และระยอง ผ่านการวางกลยุทธ์ทางการตลาด โดยการขายโครงการผ่านเครือข่ายนายหน้าอิสระ และการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย โดยซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีสภาพดีมาปรับปรุงก่อนนำออกจำหน่ายผ่านเครือข่ายนายหน้าอิสระ ธุรกิจของ MMM แบ่งออกเป็น 3 ประเภท

1. ที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) โดยเป็นตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว ให้กับเจ้าของโครงการ เพื่อให้บริการแนะนำติดต่อผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ตลอดจนประสานงานเพื่อให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาฯ ระหว่างผู้ซื้อและเจ้าของโครงการจนกว่าแล้วเสร็จ

2. การบริหารงานขายโครงการ (BU2) เป็นตัวแทนขายและรับประกันการขายแต่เพียงผู้เดียว เพื่อให้บริการ แนะนำ ติดต่อผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ตลอดจนประสานงานเพื่อให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ระหว่างผู้ซื้อและเจ้าของโครงการจนกว่าแล้วเสร็จ

และ MMM ยังมีการให้บริการบริหารงานขายแบบวางหลักประกันการซื้อ (Hybrid) ซึ่งเป็นการรวมรูปแบบการให้บริการที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) ในช่วงแรก และสิทธิในการเลือกเป็นการบริหารงานขายโครงการแบบรับประกันการขาย (BU2) ในช่วงที่สอง

3. การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) เป็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีสภาพดีนำมาปรับปรุงเพื่อจำหน่าย

"MMM มีโมเดลธุรกิจที่โดดเด่น ด้วยการวางตำแหน่งเป็น "มินิมาร์ทอสังหาฯ" โดยมุ่งเน้นการกระจายความเสี่ยงผ่านการบริหารโครงการที่หลากหลายทั้งในด้านประเภทและทำเลที่ตั้ง อาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการวางแผนการตลาดที่ครอบคลุม ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีความสัมพันธ์อันดีกับเครือข่ายเอเจนต์อิสระ ส่งผลให้สามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมีความร่วมมือกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในการบริหารการขาย เพื่อให้สามารถส่งมอบโครงการได้ทันตามกรอบระยะเวลาการขายที่กำหนด"

สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ทาง MMM เตรียมนำไปขยายธุรกิจ เพื่อใช้ในการวางเป็นเงินประกันสัญญาในธุรกิจการให้บริการที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) และสัญญาการให้บริการบริหารงานขายโครงการ (BU2) รวมทั้งสัญญาการให้บริการบริหารงานขายแบบวางหลักประกันการซื้อ (Hybrid) อีกทั้งยังใช้เพื่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) และส่วนที่เหลือเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรองรับการขยายธุรกิจ เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้านการเป็นที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ ควบคู่กับการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

และจากความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องได้สะท้อนถึงผลการดำเนินงานในปี 2565 - 2567 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 168.08 ล้านบาท 255.66 ล้านบาท และ 357.88 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิ และอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 35.09 ล้านบาท 47.74 ล้านบาท และ 80.76     ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 20.62 ร้อยละ 18.49 และร้อยละ 22.39 และงวด 6 เดือนแรกปี 2568 มีรายได้จากการขายและบริการ 339.41 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 63.30 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 18.58% ตามลำดับ ส่งผลให้ MMM มีความสามารถในการทำกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นกลุ่ม LiVEx ได้ถึง 6 ไตรมาสติดต่อกันนับตั้งเแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ LiVEx เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2566 จนถึงงวดปัจจุบัน   

 




  4 โบรกฯ สแกนหุ้น น้องใหม่ "MMM"
 เคาะราคาเป้าหมาย 10.00-10.40 บาท/หุ้น 



4 โบรกเกอร์ ประสานเสียง สแกนหุ้นน้องใหม่ บมจ.เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล "MMM"  ให้กรอบราคาเป้าหมาย 10.00-10.40 บาทต่อหุ้น พร้อมชูความโดดเด่นเป็นผู้นำด้านการเป็นที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร



บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MMM หนึ่งในผู้นำด้านตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การให้บริการที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดแก่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ และซื้อขายอสังหาฯ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ที่ปรึกษางานขายโครงการแบบตัวแทนจำหน่าย  แต่เพียงผู้เดียว (BU1) 2. การบริหารงานขายโครงการพร้อมรับประกันการขาย (BU2) รวมทั้งสัญญาการให้บริการบริหารงานขายแบบวางหลักประกันการซื้อ (Hybrid) ซึ่งเป็นการรวมรูปแบบ BU1 และ BU2 เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารงานขาย และ 3. การซื้อ-ปรับปรุง-จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพ(BU3) โดยบริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (PO) จำนวนไม่เกิน 64,200,000 หุ้น หรือคิดเป็น 21.40% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท

สำหรับการเข้าระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปใช้ในการขยายธุรกิจ เพื่อวางเป็นเงินประกันสัญญาในธุรกิจการให้บริการที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU2) และสัญญาการให้บริการบริหารงานขายโครงการ (BU2) รวมทั้งสัญญาการให้บริการบริหารงานขายแบบวางหลักประกันการซื้อ (Hybrid) อีกทั้งยังใช้เพื่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) และส่วนที่เหลือเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรองรับการขยายธุรกิจ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการเป็นที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ ควบคู่กับการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

"MMM มีโมเดลธุรกิจที่โดดเด่นแตกต่างจากธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน ภายใต้โมเดลธุรกิจที่ขยายตัวได้รวดเร็ว สร้างผลตอบแทนสูง ด้วยความเสี่ยงที่ต่ำ โดยมุ่งเน้นการกระจายความเสี่ยง ผ่านการบริหารโครงการหลากหลายประเภทและทำเล พร้อมทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด และเครือข่ายเอเจนต์อิสระขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้สามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นภายใต้ Business Model ดังกล่าว จะส่งผลให้ บริษัทฯ สร้างผลการดำเนินงานได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ"  

สอดรับกับบทวิเคราะห์ ทั้ง 4 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ประเมินราคาเหมาะสมของหุ้น MMM ที่ระดับ 10.00-10.40 บาท/หุ้น    

บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเหมาะสมหุ้น MMM ที่ 10.40 บาท อิง P/E ที่ 13 เท่า ในปี 2569E คิดเป็น PEG ที่ 0.26 เท่า จากปัจจัย 1) การขยายพอร์ตอสังหาฯ ที่มีความต้องการสูง 2) เครือข่ายนายหน้าอิสระที่ครอบคลุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ และ 3) มูลค่าพอร์ตอสังหาฯ ที่ขยายตัวแบบทวีคูณ พร้อมทั้งได้คาดการณ์กำไรสุทธิที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 57.6% CAGR ในช่วงปี 2567-2570E ซึ่งได้แรงหนุนจากการขยายตัวของสต็อกอสังหาฯ ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 ที่มีอยู่ในมือ    808 ยูนิต และจำนวนนายหน้าอิสระที่เพี่มขึ้น

พร้อมมองความน่าสนใจผ่านกลยุทธ์ 3M ได้แก่ 1. Maximize profitability: สร้าง GPM ที่ทรงตัวสูง คาดว่าไม่ต่ำกว่าระดับ 43% ในช่วงปี 2025-2027, 2. Multiplying leverage: ขยายฐานรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดคาดว่า 127.39% (y-y), 57.38% (y-y) เป็น 820.33 ล้านบาท และ 1.30 พันล้านบาท ในปี 2025E-2026E ตามลำดับ, 3. Minimize risk (การรับความเสี่ยงในระดับที่คุ้มค่า)

ดังนั้นจากกลยุทธ์ในธุรกิจตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่น คาดการณ์กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยต่อปี CAGR อยู่ที่ 49.4% ในช่วงปี 2025E-2027E ทำให้ในกำไรสุทธิ อยู่ที่ 142  ล้านบาท, 241 ล้านบาท และ 316 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่คาด SG&A/sales มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องสู่ระดับ 20.6% และ 19.9% ในปี 2026-2027 จากสัดส่วนต้นทุนแปรผันที่ขยายตัวตามรายได้ในธุรกิจ BU1 และ BU2



 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเหมาะสมที่ 10 บาท อิง PE 13.3 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย PE หุ้นอสังหาฯ ขนาดกลางถึงเล็กในไทย รวมถึงหุ้นลักษณะใกล้เคียงกัน ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนามและสิงคโปร์ สะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตรายได้ และกำไรในอนาคต  ซึ่งคาดว่าจะดีกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ส่วนสถานะการเงินคาดว่าจะมีความแข็งแกร่ง มีทุนวางเงินประกันเพื่อขยายธุรกิจเพิ่มเติม ขณะที่มีการจ่ายเงินปันผลทุกไตรมาสตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ เมื่อ 18 ธ.ค.2566  และด้วยการเป็นตัวแทนขายอสังหาฯ รูปแบบใหม่มีต้นทุนต่ำ แต่ให้อัตรากำไรสูง และมี Business Model ที่สร้างผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง

ทำให้มีคาดการณ์การเติบโตของ MMM ว่า จะมีรายได้/กำไรเติบโตเฉลี่ย 3 ปี ได้ที่ระดับ 51-52% (2568-2570) โดยจะมาจากการเติบโตของกลุ่ม BU1 และ BU2 ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 22 ต่อปี และ ROE ระดับสูงร้อยละ 21.6 ในปี 2568  

" MMM เป็นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนน้อยมีความเสี่ยงต่ำ โดยเป็นตัวกลาง ไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุน  และความเสี่ยงจากการพัฒนาเลือกทรัพย์ที่สร้างเสร็จแล้ว พร้อมทำการตลาดได้ทันที กระจายความเสี่ยง ขยายโครงการได้หลากหลายเพิ่มทางเลือก ด้วยเงินลงทุนวางเงินประกันที่ต่ำ, ปรับกลยุทธ์ได้ตามสถานการณ์, ฐานะการเงินแข็งแกร่งมีสภาพคล่องสูง สร้างรายได้ทันที ไม่ต้องรอการพัฒนา ปลอดเงินกู้ยืม และภาระดอกเบี้ย สามารถสร้างกระแสเงินสดได้รวดเร็ว จ่ายปันผลสม่ำเสมอ, ศักยภาพการทำกำไรโดดเด่น อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อปี สำหรับปี 2568E-2570E อยู่ที่ราว 46% ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 22% ต่อปี ส่วนอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิสูง 3-year CAGR = 51% ในขณะที่ ROE และ ROA โดดเด่นกว่าอุตสาหกรรม"



บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินราคาเหมาะสมที่ 10 บาท เทียบกับ P/E ของหุ้นในหมวดอสังหาริมทรัพย์ (PROP) ทั้งใน SET (P/E 13 เท่า) และใน mai (PRI 8.1 เท่า, BKA 9 เท่า, JAK 10.1X และ TITLE 33.2X) โดยใช้ Prospective P/E ที่ระดับ 13.5 เท่า ทั้งนี้ประเมินกำไรสุทธิต่อหุ้นในปี 2569 ราว 0.74 บาท พร้อมทั้งประเมินการเติบโตของรายได้จากการบริการในปี 2568E-2569E ราว 804   ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124% YoY และ 1,070 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% YoY ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ระหว่างปี 2567-2569E เท่ากับ 44% ต่อปี โดยใช้สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในปี 2568E ที่ระดับ 45% ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิ ในช่วงปี 2568E-2569E ที่ราว 160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95% YoY และ 219 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% YoY ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ระหว่างปี 2567-2569E เท่ากับ 39% ต่อปี



บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเหมาะสมที่ 10 บาท โดยเปรียบเทียบกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างจากลักษณะธุรกิจของบริษัทที่ใกล้เคียงและพึ่งพิงกับอุตสาหกรรมดังกล่าว ขณะที่ปัจจุบันยังไม่มีคู่เทียบบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์ใกล้เคียงกับ MMM ทั้งนี้มองว่าบริษัทควรเทรดใกล้เคียงระดับ PER กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างที่ปัจจุบันเทรดราว 14 เท่า เนื่องจากยังอยู่ในช่วงของการเติบโต โดยมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นภายหลัง PO ตามกลยุทธ์การขยายเครือข่ายและ portfolio มากขึ้น โดยคาดการณ์กำไรสุทธิ ปี 2568E ที่ 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86% YoY และปี 2026 ที่ 214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42%YoY 



 

---จบ---

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

DELTA ถล่ม SET By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้านี้หุ้นไทย โดนถล่ม เจอแรงขาย DELTA เซ่น ตลท. ประกาศให้ ...

"SMO" จับมือ "APM–FSS" โรดโชว์ จ.ราชบุรี โชว์ศักยภาพธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ นักลงทุนตอบรับดีเยี่ยม

"SMO" จับมือ "APM–FSS" โรดโชว์ จ.ราชบุรี โชว์ศักยภาพธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ นักลงทุนตอบรับดีเยี่ยม

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้