สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(10 ตุลาคม 2568)--"Krungsri Tech Day 2025" งานที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านไอทีและดิจิทัล เต็มไปด้วยไอเดีย แรงบันดาลใจ และโอกาสใหม่ๆ สำหรับโลกธุรกิจและเทคโนโลยี โดย กรุงศรี ฟินโนเวต (Krungsri Finnovate) ได้ร่วมเป็นส่วนสำคัญของงาน พร้อมจัดเต็มกิจกรรมตลอดวัน ทั้งการขึ้นเวทีแบ่งปันมุมมองการลงทุนในยุคเศรษฐกิจผันผวน การออกบูทแสดงศักยภาพในฐานะ CVC เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามาพูดคุยหาความร่วมมือหรือลงทุนในสตาร์ทอัพผู้นำด้านนวัตกรรม พร้อมร่วมให้คำปรึกษาในโซน Business Clinic สำหรับองค์กรที่สนใจทำงานหรือร่วมลงทุนกับสตาร์ทอัพ รวมถึงพาสตาร์ทอัพในพอร์ตมาร่วมออกบูทและจัด Workshop พิเศษ จาก PEAK และ ChocoCRM ตอกย้ำบทบาทของกรุงศรี ฟินโนเวตในการขับเคลื่อนระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทย และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างองค์กร นักลงทุน และผู้ประกอบการรุ่นใหม่
หนึ่งในไฮไลต์ของงานคือเวที Tech Talk หัวข้อ "Turning Tough Times into Growth with Corporates and Startups" โดยมี คุณปาลิดา อธิศพงศ์ Acting Managing Director and Head of Portfolio Growth, Krungsri Finnovate ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองการลงทุนในยุคเศรษฐกิจผันผวน พร้อมสะท้อนภาพรวมของวงการสตาร์ทอัพไทยที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ท่ามกลางคำถามถึง "ความเงียบ" ของตลาด และการชะลอตัวของนักลงทุนหลังยุคยูนิคอร์น
CVC ยังแข็งแกร่ง: "เลือกมากขึ้น" เพื่อบริหารเงินทุนอย่างรอบคอบ
คุณปาลิดาเปิดเผยว่า แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมสตาร์ทอัพไทยจะดู "เงียบลง" แต่ CVC ยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน โดยกรุงศรี ฟินโนเวตได้ลงทุนในสตาร์ทอัพไทยไปแล้วกว่า 4,500 ล้านบาท ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
กรุงศรี ฟินโนเวตยังคงเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง แต่ "เลือกมากขึ้น" เพื่อให้สอดคล้องกับจังหวะของตลาดและบริหารเงินทุนอย่างรอบคอบ เพื่อรองรับการหมุนเวียนของรอบการลงทุนในอนาคต คุณปาลิดาระบุว่า ปัญหาหลักของตลาดในขณะนี้ไม่ใช่การขาดดีลลงทุน แต่เป็น "ช่องทาง Exit ในประเทศที่ยังมีจำกัด" ซึ่งทำให้วงจรเงินทุนหมุนช้ากว่าที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบวกจากการ Exit และการเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ที่คาดว่าจะเห็นความเคลื่อนไหวชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ปีนี้ถึงปีหน้า ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการ "ปลดล็อกวงจรเงินทุน" และสร้างแรงส่งใหม่ให้ตลาดสตาร์ทอัพในระยะยาว
AI คือตัวเร่งธุรกิจ: "ชัยชนะอยู่ที่ Execution"
คุณปาลิดาย้ำว่า AI คือเทคโนโลยีที่หนีไม่พ้น และเป็น "ตัวเร่ง" สำคัญสำหรับธุรกิจทุกขนาด เพราะช่วยให้การทดลองผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ใหม่ๆ ทำได้รวดเร็วขึ้นและมีต้นทุนต่ำลง ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาโปรดักต์ การขาย หรือการบริหารจัดการภายในองค์กร
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ได้มองเพียงการใช้ชื่อเทคโนโลยี แต่ให้ความสำคัญกับ "เส้นทางทำกำไรที่ชัดเจน" และทีมผู้ก่อตั้งที่มีความสามารถในการ Execution และปรับตัวได้รวดเร็ว
"AI เป็นเทคโนโลยีที่หนีไม่พ้น แต่ชัยชนะอยู่ที่ทีมที่ปรับตัวได้เร็ว และมองเห็นเส้นทางทำกำไรได้จริง" — คุณปาลิดา กล่าว
คุณปาลิดากล่าวเพิ่มเติมว่า โอกาสการลงทุนต่อจากนี้จะมุ่งไปที่เทคโนโลยีที่ผสาน AI เข้ากับอุตสาหกรรมเฉพาะทาง (Vertical) เช่น Green Energy, Wealth, และ ESG โดยเฉพาะสตาร์ทอัพที่สามารถเชื่อมโยง AI เข้ากับโจทย์ธุรกิจและสร้างผลลัพธ์เชิงรายได้อย่างเป็นรูปธรรม
"เทคโนโลยีคือตัวเร่ง แต่จุดแข็งของแบรนด์ คือตัวจริงที่จะพาเติบโต"
ในช่วงท้าย คุณปาลิดาฝากข้อคิดถึงผู้ประกอบการว่า ในยุคที่เทคโนโลยีหมุนเร็ว ผู้ก่อตั้งควรเริ่มจาก "จุดแข็งของตัวเอง" และใช้เทคโนโลยีเป็น "ตัวเร่ง" เพื่อขยายศักยภาพและความเร็วในการเติบโต โดยไม่ลดทอนสิ่งที่เป็น Core Strength ของธุรกิจ พร้อมย้ำว่า เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนคือการรักษาจุดแข็งและคุณค่าของแบรนด์ไว้ให้มั่นคง