Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

144

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ Sentiment ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และไทยปรับตัวดีขึ้น
KEY FINDINGS:

สหรัฐฯ: ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สอดคล้องกับเครื่องมือชี้วัด Sentiment ที่ส่งสัญญาณดีขึ้น โดยดัชนี Fear & Greed Index ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในโซน Neutral ขณะที่ความเชื่อมั่นนักลงทุนของ AAII สะท้อนมุมมองเชิงบวกที่เพิ่มขึ้น และมุมมองเชิงลบที่ลดลง ส่งผลให้ Bull-Bear Spread กลับมาสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ก.ค. 2025

ไทย: ดัชนี SET ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% จากสัปดาห์ก่อนหน้า สอดคล้องกับสัญญาณเชิงบวกจาก BLS Greed & Fear Barometer ที่ฟื้นตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบสามสัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากหลายองค์ประกอบ โดยเฉพาะดัชนี Bull-to-Bear และ Volume Index ที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม Market Breadth ยังคงอ่อนแรงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง สะท้อนว่าการปรับขึ้นของตลาดยังคงกระจุกตัวอยู่ในหุ้นบางกลุ่มเท่านั้น


US MARKET SENTIMENT TRACKER:
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความคาดหวังในการผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่องของเฟด และกระแสลงทุนใน AI แม้ว่าจะมีข้อถกเถียงเรื่องฟองสบู่ของหุ้นเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม ขณะที่เครื่องมือชี้วัด Sentiment ส่งสัญญาณดีขึ้นเล็กน้อย—CNN Fear & Greed Index ปรับตัวขึ้นจาก 52 จุดเป็น 53 จุด โดยยังคงอยู่ในโซน Neutral หนุนจาก Market Momentum ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และ Put to Call Ratio ที่ปรับลดลง อย่างไรก็ตาม Market Breadth ได้ปรับตัวลดลงสะท้อนว่าการปรับขึ้นของตลาดถูกหนุนจากหุ้นในในจำนวนที่ลดลง

ส่วนผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนของ AAII สะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดในช่วง 6 เดือนข้างหน้าที่เพิ่มขึ้นเล็ก โดยนักลงทุนมีมุมมองฝั่ง Bullish เพิ่มขึ้นจาก 42.9% เป็น 45.9% (และสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 37.5%) ขณะที่มุมมองฝั่ง Bearish ลดลงจาก 39.2% เหลือ 35.6% (แต่ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 31.0%) ส่งผลให้ Bull-Bear Spread ปรับเพิ่มขึ้นจาก 3.8% สู่ระดับ 10.3% ซึ่งกลับมาสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 6.5% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ก.ค. 2025 ส่วนผลสำรวจพิเศษของ AAII ในสัปดาห์นี้สอบถามว่าผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าหุ้นขนาดไหนจะให้ผลตอบแทนโดดเด่นในช่วง 6 เดือนข้างหน้า พบว่า 34% ตอบว่าหุ้นขนาดเล็ก, 29% ตอบว่าหุ้นขนาดใหญ่, 17% ตอบว่าหุ้นขนาดกลาง และ 20% ไม่แน่ใจ/ไม่มีความเห็น สะท้อนว่านักลงทุนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับหุ้นขนาดเล็กมากขึ้น

THAI MARKET SENTIMENT TRACKER:
ในส่วนของตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET ปรับตัวขึ้น 2% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่มาตรวัด BLS Greed & Fear Barometer กลับมาปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ โดยมาตรวัดเพิ่มขึ้นจาก 62 เป็น 65 คะแนน ซึ่งยังอยู่ในโซน Greed หนุนจากการปรับเพิ่มขึ้นของเกือบทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดัชนี Bull-to-Bear ที่เพิ่มขึ้นจากระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อยที่ 29.2% สู่ระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อยที่ 46.3% และดัชนี Volume Index ที่กลับมาปรับขึ้นอีกครั้ง รวมถึง Momentum Strength ที่ปรับตัวขึ้นจาก 13.7 จุดเป็น 18.2 จุด อย่างไร ก็ตาม Market Breadth ได้ปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง

IMPLICATION:
การปรับตัวดีขึ้นของ Sentiment ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นต่อทิศทางนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของเฟด รวมถึงความคาดหวังเชิงบวกต่อกระแสการเติบโตของเทคโนโลยี AI อย่างไรก็ตาม การที่อัตราส่วน Put/Call Ratio ลดลงใกล้ระดับต่ำสุดที่เคยเกิดขึ้นในเดือนกันยายน ประกอบกับภาวะ Market Breadth ที่แคบลงต่อเนื่อง บ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่ตลาดอาจเผชิญความผันผวนจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น
สำหรับตลาดหุ้นไทย สัญญาณจาก BLS Greed & Fear Barometer ปรับตัวดีขึ้นอีกครั้ง โดยได้แรงหนุนจากแทบทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะดัชนี Bull-to-Bear และ Volume Index ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี อย่างไรก็ตาม ระดับของ Volume Index ล่าสุดเริ่มเข้าใกล้โซน Overbought สะท้อนถึงภาวะเก็งกำไรที่ร้อนแรงขึ้น ขณะที่ Market Breadth ยังปรับตัวอ่อนลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง บ่งชี้ว่าการปรับขึ้นของตลาดยังคงกระจุกตัวในหุ้นบางกลุ่ม ภาพรวมดังกล่าวทำให้แรงรีบาวด์ของดัชนี SET มีแนวโน้มจำกัดอยู่บริเวณแนวต้านสำคัญราว 1,320 จุด และหากสามารถปรับตัวขึ้นเหนือระดับดังกล่าวได้ ก็มีโอกาสที่ตลาดจะยังไม่สามารถยืนระยะได้อย่างมั่นคง

สรุปภาพตลาดวานนี้
หุ้นไทยบวกต่อวานนี้ โดย DELTA ยังเป็นตัวนำ และมีกลุ่มโรงไฟฟ้าบวกขึ้นมาร่วมด้วยเกือบยกแผง ทั้ง BPP EGCO BCPG RATCH GUNKUL BGRIM GULF WHAUP CKP ซึ่งสะท้อนภาพ Sector Rotation (แค่หวยยังไม่ออกธนาคารแบบที่ประเมิน และยังถูกขาย) ส่วนหุ้นใหญ่มีแรงขาย THAI (ประเด็นเฉพาะตัวจากกระแสข่าวลือเรื่องเปลี่ยนกรรมการ) และ SCC

แนวโน้มตลาดวันนี้
DELTA ส่งไม้ต่อให้กลุ่มถัดไป
ภาพตลาดวานนี้ เป็นการขึ้น โดยมีกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และโรงไฟฟ้า เป็นตัวบวกหลัก ซึ่งเป็นประเด็นจากกระแส Data Center – AI ในต่างประเทศ โดยโรงไฟฟ้าที่บวกเด่นช่วงนี้ สังเกตุได้ว่าเป็นตัวที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ เป็นหลัก และการเล่นตามกระแสค่าไฟในสหรัฐฯ อาจแพงขึ้น เพื่อรองรับการใช้ไฟของ DC-AI หนุน BCPG BPP EGCO กอรปกับนโยบายการผลักดัน Direct PPA ของ รมว. พลังงาน หนุนตัวอื่นๆ ไปด้วยในตัว
ดังนั้น เรายังคงมองว่าการเล่นของตลาดช่วงนี้เป็นลักษณะ Sector Rotation เพราะเข้า-ออกกันเกือบทั้งกลุ่มฯ แต่วันนี้ คาดว่าภาพจะเปลี่ยนกลุ่มชัด หลัง DELTA ที่รับหน้าที่ดันมาตลอด ถูกเตือนมาตรการ Trading Alert ของ ตลท. มีโอกาสถูกใช้เป็นข้ออ้างขายทำกำไรได้ เหมือนค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (ดูรายละเอียดในรายงาน DELTA วันนี้)
จึงประเมินกรอบดัชนี 1300-1320 (ขึ้นอยู่กับความเหวี่ยงของ DELTA เป็นหลัก) จากนั้น คาดว่าเม็ดเงินร้อน และอยู่ในโหมดคึก จะวิ่งไปเข้ากลุ่มอื่นทันที ไม่พักนาน
เราเน้นโฟกัส 3 กลุ่ม ในช่วงนี้ ได้แก่ 1) กลุ่มธนาคาร (นอกจากรับเม็ดเงินหมุนกลุ่ม ยังดักมาตรการแก้หนี้ภาครัฐฯ ด้วย) หุ้นเด่น KTB ที่งบฯ เด่นสุด (แต่สั้นๆ อาจจะมีย่อให้รับ จากกรณี THAI ที่ลงแรงเมื่อวาน) ตามมาด้วย KBANK BBL, 2) กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF (มี idea call วันนี้) WHAUP BGRIM และ 3) กลุ่มท่องเที่ยว ลุ้นมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวสัปดาห์หน้า รวมทั้งการรายงานตัวเลข นทท. ช่วง Golden week ที่ผ่านมา แนะ AOT AAV ERW CENTEL

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้-สะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลงมาตามแนวรับ เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ เพิ่มการเล่นหุ้นตามกระแสการเก็งกำไร

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET Index ทะลุจุดยอดเดิมที่ 1,311 จุด…สำเร็จ ระหว่างวันขึ้นแตะจุดสูงสุด 1,317 ลักษณะ “Cup and Handle” บ่งชี้รูปแบบขาขึ้น Bull run ขณะที่ภาพหลัก major trend ดัชนียังอยู่ในคลื่นขาขึ้น “Impulse wave 3” strong ที่สุด….Price Pattern “Double bottom” บ่งชี้จุดกลับตัวแม่นยำ! (คล้ายรูปแบบในอดีต) นอกจากนี้โมเมนตัม RSI level > 50 บ่งชี้ภาวะความแข็งแกร่งด้านราคา ส่วนเงื่อนไขสุดท้ายที่รอ “ วอลุ่ม “ เริ่มขยับเพิ่มขึ้นแล้ว ดังนั้นเป้าหมายที่เคยปักธงไว้ 1,330 จุด…ไม่ไกลเกินเอื้อม
เงื่อนไขปิดความเสี่ยง: กันพลาด ห้าม SET ลงต่ำกว่าเส้น EMA 25 วัน 1,285 จุด
Note: DELTA ติด Cash Balance เริ่ม 10 - 30 ต.ค. น่าจะส่งผลให้หุ้นปรับตัวลง หากเงินออกจาก DELTA จะกระจายเข้าสู่หุ้นใหญ่ SET50 ทดแทน สรุป: หาก DELTA ลง อาจมีผล impact ต่อ SET ไม่มากเหมือนก่อน…..
ไฮไลท์หุ้นเด่น: ไฟฟ้าแรงขนาดนี้! เลือก “ซื้อ”หุ้นตัวไหนดี / แผนแก้มือ “KTB” เชียร์ซื้อ….แต่หุ้นยังไม่ขึ้น/ AOT เตรียม take off ทะลุด่านสำคัญ! / GULF ลุ้นกลับตัว….ขาขึ้นรอบใหม่ / ERW รอทะลุเส้น EMA 200 วัน!…..ติดตามแผนเทรด+มุมมองกราฟในหน้าถัดไปครับ

 


What to watch
ครม. เตรียมคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกสัปดาห์ช่วงเดือนนี้ ส่วนสัปดาห์หน้ารอลุ้น มาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ, ถัดไป การเติมสภาพคล่องและแก้หนี้เสีย (ดัน AMC แก้หนี้ประชาชน) เป็นต้น คาดส่งผลบวกต่อราคาหุ้นเชื่อมโยง เช่น ท่องเที่ยว การบิน ค้าปลีก // ส่วนการปรับโครงสร้างการลดหย่อนภาษี
คลังอยู่ระหว่างศึกษาเกณฑ์ลดหย่อนภาษียกชุด ให้มีกรอบชัดเจน และมีเพดานต่อคนต่อปี โดยหลักๆ ติดตามในเดือน พ.ย. ซึ่งคาดว่าจะมีแนวทางเรื่องการออกมาตรการลดหย่อนใหม่ๆ ด้วย เช่น TISA เป็นต้น
ประเด็นไทย-กัมพูชา ต้องติดตาม 1) ข้อเสนอ สหรัฐฯ - ไทย ที่อยู่ระหว่างการยื่นเสนอแนะกัน ถึงเงื่อนไขที่สหรัฐฯ ต้องการให้หาทางออกข้อพิพาท และไทยได้ตอบเงื่อนไขกลับไปเมื่อวานนี้ และ 2) เหตุการณ์ใน พท. ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.
นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของเฟดในปีนี้ หลังสหรัฐเผชิญภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอในภาคเอกชนสหรัฐ
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนต.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 89.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค.


หุ้นแนะนำวันนี้
GULF นอกจาก Sector Rotation แล้ว รายงาน Idea Call เชิงพื้นฐานวันนี้ ชี้ว่า GULF ได้อานิสงค์จากประเด็นการใช้ไฟ DC ในสหรัฐฯ และโอกาส re-rate valuation กลับจากการประมูลในไทยรอบใหม่
แนวรับ 45 ต้าน 48.75/50 Stop loss 42.5

 

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

DELTA
เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)
อดีตบอกอะไรเรา เกี่ยวกับหุ้น DELTA?
ตั้งแต่เราปรับเพิ่มคำแนะนำ DELTA เป็น “ซื้อเก็งกำไร” ตั้งแต่ 1 ต.ค. ราคาหุ้นขึ้นมาแล้ว 30% ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดให้หุ้นอยู่ใน Trading Alert List (Level 1) จนถึงวันที่ 30 ต.ค. ซึ่งอาจทำให้ราคาหุ้นชะลอตัวระยะสั้น แต่กลยุทธ์ยังคง “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” เนื่องจาก DELTA เป็นหุ้นไทยตัวเดียวที่ถือเป็นตัวแทนหุ้น AI หนึ่งเดียวของไทย (pure AI play)
จากสถิติที่ผ่านมา DELTA เคยถูกมาตรการกำกับดูแลถึง 10 ครั้ง แบ่งเป็น 8 ครั้งระดับ 1 และ 2 ครั้งระดับ 2 โดยผลตอบแทนเฉลี่ยของช่วงที่ถูกจับตาพบว่า รอบที่ราคาลดลงมี 8 ครั้ง: เฉลี่ย -15% (ช่วงระหว่าง -3% ถึง -29%) แต่ก็มีรอบที่ราคาขึ้น 2 ครั้ง เฉลี่ย +3% และสำหรับ Level 2 ซึ่งมีข้อจำกัดเข้มงวดกว่า ราคามักลดลงเฉลี่ย -21% นอกจากนี้ เมื่อย้อนดูช่วงสำคัญในอดีต ได้แก่
Phase 1 (ม.ค.–ส.ค. 2021): เป็นรอบที่ DELTA ถูกจับตานานครั้งแรกและเกิดพร้อมกับช่วงที่กำไรเริ่มชะลอ ราคาหุ้นปรับลง 48%
Phase 2 (เม.ย.–ก.ค. 2023): รอบแรก (3–21 เม.ย.) หุ้นร่วง 22% จาก 114 เหลือ 89 บาท แต่หลังพ้นมาตรการราคากลับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 120 บาทใน 19 มิ.ย. และ รอบสอง (20 มิ.ย.–10 ก.ค.) กลับเข้าสู่มาตรการอีกครั้งและจบรอบการปรับขึ้นของเฟสนื้ โดยต่างจากรอบอื่น ตรงที่กำไร 2Q–3Q23 ทำสถิติสูงสุดช่วยหนุนราคาหลังพ้นการกำกับPhase 3 (พ.ย.–ธ.ค. 2024): แม้กำไร 3Q24 ทำจุดสูงสุด แต่กำไร 4Q24 ที่อ่อนแรงทำให้ราคาหุ้นดีดขึ้นสั้นๆ หลังพ้นการกำกับก่อนร่วงจาก 150 บาท ลงมา 70–80 บาท

ปัจจุบัน ถือเป็น Phase 4 เราคาดว่า 3Q25 จะมีกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนการดีดตัวหลังวันที่ 30 ต.ค. (ผลประกาศงบคืนวันที่ 24 ต.ค.) หากกำไรออกมาดีกว่าคาด รอบนี้อาจคล้ายกับ Phase 2 ที่หุ้นฟื้นแรงหลังพ้นการกำกับ ในทางตรงข้าม หากผลประกอบการต่ำกว่าคาด หรือ SET เพิ่มความเข้มงวด (Level 2 หรือขยายระยะเวลา Level 1) การฟื้นตัวอาจจบเร็วกว่าที่คาด โดยในกรณีนั้น DELTA อาจย่อลงสู่ระดับ Valuation เฉลี่ยราว 55 เท่า PER หรือเทียบเท่าราคาเป้าหมายใกล้ 125 บาท

นอกจากนี้ น่าสังเกตว่า DELTA มักถูกเข้ามาตรการเมื่อ PER ลากขึ้นแตะใกล้ 90 เท่า แต่รอบนี้สูงถึงประมาณ 135 เท่า แม้กำไร 3Q25 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่ EPS trailing ก็จะเพิ่มเพียงเล็กน้อยจาก 1.46 บาท เป็นราว 1.50 บาทเท่านั้น ซึ่งสะท้อนว่าการฟื้นตัวต่อจากนี้ยังต้องอาศัยแรงหนุนจากกำไรที่เกินคาดมากกว่าปัจจัยเชิงเทคนิค

 

 

 


GULF (Idea)
กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์
แรงส่ง จาก PJM สู่ EEC: ศูนย์ข้อมูลจุดพลังการเติบโตของ GULF
เราออก Idea Call แนะนำ ซื้อ หุ้น GULF วันนี้ (ราคาเป้าหมาย 76.50 บาท) มองประเด็นบวก ได้แก่
1) ราคาหุ้นอ่อนแต่พื้นฐานยังแข็งแรง: GULF ปรับตัวลงตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน คล้ายช่วงหลัง IPO ปี 2017 ก่อนเข้าสู่รอบขาขึ้นหลายรอบ ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแรงและความกังวลเชิงนโยบายดูเกินจริง จึงมองว่ามีโอกาส re-rating ได้อีกระลอกเมื่อแนวโน้มกำไรชัดเจนขึ้น
2) แรงหนุนจากตลาดไฟฟ้า PJM (US): ค่าไฟในตลาด PJM RTO (หน่วยงานการไฟฟ้าของสหรัฐฯ) ยังคงอยู่ในระดับสูงและอาจเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูลที่โตเร็วกว่ากำลังผลิตใหม่ โดยโรงไฟฟ้า Jackson ของ GULF จะได้รับประโยชน์เต็มปีใน 2025–27 คาดเพิ่มกำไรปีละ 700–800 ล้านบาท
3) กำลังซื้อไฟฟ้าใหม่หนุนการเติบโตระยะยาว: แผน PDP ฉบับใหม่คาดว่าจะปรับ peak demand ขึ้น เพื่อสะท้อนความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มจาก EV และศูนย์ข้อมูล ซึ่งอาจนำไปสู่การเปิดประมูลโครงการ IPP ใหม่ใน EEC โดยทุกการเพิ่มกำลังผลิต 500 MW จะหนุนกำไรระยะยาวราว 1.6–2.4% หรือ 1.36 บาทต่อหุ้น
4) เติบโตแบบมีสัญญารองรับแล้ว (Contract-backed growth): คาดกำไรหลักปี 2025–32 เติบโตเฉลี่ย 8.2% ต่อปี จากทั้งโครงการในมือและโรงไฟฟ้าใหม่ใน pipeline ขณะที่รายได้จากโรงไฟฟ้าต่างประเทศช่วยกระจายความเสี่ยง
5) Valuation / Upside: GULF ซื้อขายที่ PER ปี 2026 ราว 24 เท่า และกำไรยังมี upside จากการปรับขึ้นค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้า Jackson ใน US และโอกาส re-rating จากการประมูล PPA รอบใหม่

CPAXT
ซีพี แอ็กซ์ตร้า
กำไรผ่านจุดต่ำสุด เตรียมฟื้นในระยะต่อไป
คาดกำไรหลัก 3Q25 ของ CPAXT อยู่ที่ 2.20 พันล้านบาท (-9% YoY, -4% QoQ) ต่ำกว่าคาดเดิม 8% จากแรงกดดันมาร์จิ้นของ Lotus’s ที่เผชิญการแข่งขันราคารุนแรงและคนเปลี่ยนพฤติกรรมใช้สินค้าราคาถูกลง ทั้งนี้ เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2025–27 ลง 4–6% สะท้อนกำลังซื้ออ่อนและการแข่งขันสูง แต่เชื่อว่ากำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดยคาดฟื้น QoQ ใน 4Q25 ตามฤดูกาลและมาตรการรัฐ เช่น “คนละครึ่งพลัส” ที่อาจหนุน GDP 0.1–0.2% และ SSS เพิ่มราว 0.4–0.8% ต่อไตรมาส
ส่วนปี 2026 เราคาดกำไรโต 13% YoY เป็น 12.5 พันล้านบาท หนุนจากการฟื้น SSS, ซินเนอร์ยี Makro–Lotus’s และรายได้เต็มปีจากธุรกิจฟู้ดเซอร์วิสในมาเลเซีย ทำให้ยอดขายรวมโต 4% YoY และ EBITDA margin เพิ่มขึ้น 20bps เป็น 7.7%
Fundamental view: เรามองว่ากำไร 3Q25 คือจุดต่ำสุดของรอบนี้ และแนวโน้ม 4Q25–2026 จะเห็นการฟื้นตัวชัดเจน หนุนจากกำลังซื้อและซินเนอร์ยี แนะนำ “ซื้อ” พร้อมเลื่อนราคาเป้าหมายไปสิ้นปี 2026 ที่ 25 บาท

 

 

 

SCGP
เอสซีจี แพคเกจจิ้ง
แนวโน้มกำไรยังแกร่งต่อ
เราคาดกำไรหลัก 3Q25 ที่ 998 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% YoY แต่ลดลง 7% QoQ และกำไรสุทธิอยู่ที่ 998 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73% YoY ทรงตัว QoQ การเติบโต YoY ได้แรงหนุนจากกำไรที่สูงขึ้นของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร (IPB) ซึ่งรวม Fajar ขณะที่กำไร QoQ ลดลงจากกำไรธุรกิจเยื่อและกระดาษ (FB) ที่ลดลงและกำไร IPB ที่ชะลอเล็กน้อย ทั้งนี้ ปริมาณขายกระดาษบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ปลายน้ำคาดว่าจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากดีมานด์ที่แข็งแกร่งในไทยและอาเซียน รวมถึงการสต็อกสินค้าก่อนช่วงเทศกาล ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์ปลายน้ำคงที่

แนวโน้ม 4Q25 คาดกำไรหลักจะขยายตัว YoY ได้แรงหนุนจาก IPB และ Fajar ที่มีกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปริมาณขายสูงขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานลดลง รวมถึงค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลง แม้ธุรกิจเยื่อ (Fibrous) ยังถูกกดดันจากราคาขายเยื่อที่ลดลง YoY แต่ภาพรวมกำไรหลักมีแนวโน้มทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขายและราคาขาย

เราคาดกำไรหลักของ SCGP จะเติบโตต่อเนื่องในช่วง 2H25–2026 จากดีมานด์ที่แข็งแรงในอาเซียน การฟื้นตัวของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร และ synergy จากดีล M&A ที่อยู่ระหว่างการปิดภายใน 4Q25

Fundamental view: คงคำแนะนำ “ซื้อ” (ราคาเป้าหมาย 21 บาท) มองเป็นช่วงเก็บสะสมก่อนดีลใหม่หนุนมูลค่าหุ้นในระยะถัดไป


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

DELTA ถล่ม SET By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้านี้หุ้นไทย โดนถล่ม เจอแรงขาย DELTA เซ่น ตลท. ประกาศให้ ...

"SMO" จับมือ "APM–FSS" โรดโชว์ จ.ราชบุรี โชว์ศักยภาพธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ นักลงทุนตอบรับดีเยี่ยม

"SMO" จับมือ "APM–FSS" โรดโชว์ จ.ราชบุรี โชว์ศักยภาพธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ นักลงทุนตอบรับดีเยี่ยม

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้