Pi Daily เงินบาทอ่อนค่าแรงจากการแข็งค่าของ Dollar Index ดีกับกลุ่มส่งออกและท่องเที่ยว แต่ SET INDEX อาจปรับฐานเพราะแรงขายใน DELTA ที่ติด Cash Balance เน้นกลยุทธ์เลือกเป็นรายตัวที่น่าสนใจ
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิด 243 จุด (-0.5%) เนื่องจากสหรัฐฯ ยังไม่มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจทำให้นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่ฤดูประกาศผลประกอบการ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.5% หลังจากอิสลาเอลและฮามาสบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
หน่วยงานในสหรัฐฯยังคงปิดทำการต่อไปทำให้สหรัฐฯ ไม่มีการประกาศตัวเลขใดๆออกมาในเชิงเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตามหุ้น Technology บางตัวในสหรัฐฯ ยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง (NVIDIA +1.8% META +2.2%) ความคาดหวังเกี่ยวกับ Technology AI ยังคงดำเนินต่อไป แต่อีกสินทรัพย์ที่น่าจับตามองได้แก่ Dollar Index ที่แข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยยะทดสอบระดับ 99.4 และกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าแรงทดสอบระดับ 32.77 จากก่อนหน้าที่ 31.5 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ สาเหตุที่ Dollar Index กลับมาแข็งค่าเป็นไปได้ว่ามาจากการอ่อนค่าของ EURO จากปัญหาการเมืองในฝรั่งเศสและแรงกดดันต่อเศรษฐกิจใน EU ประกอบกับค่าเงินเยนที่อ่อน หลังจากที่ผู้นำญี่ปุ่นท่านใหม่ส่งสัญญาณต่อ BOJ ว่าการขึ้นดอกเบี้ยควรทำอย่างระมัดระวัง (มุมมอง Dovish) แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับกระแสเงินทุนต่างชาติแต่เชื่อว่ามีผลไม่มากกับตลาดหุ้นเพราะช่วง YTD เงินบาทแข็งค่าจาก 34.8 มาที่ 31.5 แต่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 9.6 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้การอ่อนค่าของเงินบาทจะเป็นปัจจัยสนับสนุนหุ้นในกลุ่มส่งออก (ITC TU) และท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW) สำหรับปัจจัยในประเทศในเชิงเศรษฐกิจไม่มีอะไรใหม่ๆหลังจากทราบผลประชุม ครม. และนโยบายการเงินไปแล้ว แต่กับตลาดหุ้นไทยล่าสุดตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศให้ DELTA เข้าสู่การเข้า Cash Balance เริ่มต้นวันที่ 10 – 30 ต.ค. ระยะสั้นอาจสร้างแรงกดดันต่อ DELTA และด้วย Market Capitalization อันดับแรกจะทำให้ SET มีความผันผวน แต่เงินที่ไหลออกอาจไปยังกลุ่มอื่นๆ เช่น ธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก จากกระแสดอกเบี้ยขาลงที่ชะลอระยะสั้นและมาตรการกระตุ้นของภาครัฐฯที่เน้นการบริโภครวมไปถึงสื่อสารที่ Market Capitalization ใหญ่เช่นกัน คืนนี้ยังไม่มีปัจจัยสำคัญต้องติดตามเพราะสหรัฐฯ ยังคงปิดหน่วยงานเช่นเดิม วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1295 – 1320 ตลาดน่าจะเริ่มพักตัวจาก Sentiment ที่กลางๆ ของต่างประเทศผสานกับคาดว่าจะเจอแรงขายใน DELTA ตามการที่ติดบัญชี Cash Balance ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนจังหวะดัชนีปรับฐานอาจมองเป็นโอกาสสะสมในหุ้นที่พื้นฐานดี เช่น ธนาคาร (SCB KTB) ค้าปลีก (BJC CPALL CPAXT) ส่วนระยะสั้นการ Trading อาจเลือกหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว (AOT AWC CENTEL MINT ERW) ส่งออก (ITC TU) Sentiment เชิงบวกจากการอ่อนค่าของเงินบาท
AWC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 2.60 บาท)
เริ่มต้นบทวิเคราะห์ AWC ใหม่ด้วยคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 2.60 บาท เนื่องจาก 1) โอกาสในการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวจากสินทรัพย์กรรมสิทธิ์ และถือสัญญา GOR หรือสิทธิซื้อและพัฒนาสินทรัพย์คุณภาพในอนาคตจาก TCC Group เป็นเจ้าแรก 2) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) แข็งแกร่ง แม้มีโมเดลธุรกิจที่เน้นการลงทุนสูงแบบ Assets-heavy และ 3) ปันผลที่สูงเมื่อเทียบกับกลุ่มธุรกิจเดียวกันในตลาด
ITC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 16.00 บาท)
ผลประกอบการงวด 2Q25 เริ่มเห็นการฟื้นตัวจาก 1Q25 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 2%QoQ ขณะที่ปัจจัยบวกที่เห็นได้มีคือการรักษาระดับกำไรขั้นต้นให้ยังอยู่ในระดับ 25% ได้ ขณะที่แนวโน้มในช่วง 2H25 คาดรายได้ยังเติบโตได้ดีอยู่ทั้งจากคำสั่งซื้อใหม่ที่รอส่งมอบอีกมากกว่า 1,600 ล้านบาท