เข้าสู่ช่วงหุ้นไทยค่อยๆเดินตามหุ้นโลก
HORIZON MARKET VIEW
•วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงราว 0.15% ถึง 0.52% แม้มีแรงหนุนจากข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเองกับฮามาส แต่ประเด็น GOVERNMENT SHUTDOWN ยังคลุมเครือ หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ประสบความล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเป็นครั้งที่ 6
• ส่วนประเด็นทิศทางดอกเบี้ยของ FED กลับมากังวลอีกครั้ง หลังผลสำรวจจากธนาคารกลางนิวยอร์ก (NEW YORK FED) พบว่า ผู้บริโภคคาดว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น โดยในเดือน ก.ย.68 คาดเงินเฟ้อในอีก 1 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นเป็น 3.4% (เดิม3.2%) อีกทั้งมีสัญญาณมาจากตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย.68 ที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.1%YOY จาก 2.9% ในเดือนก่อนหน้า ดังนั้น หากเงินเฟ้อมีทิศทางขาขึ้นชัดเจนก็อาจเปลี่ยนมุมมองของกรรมการ FED ให้ HAWKISH มากขึ้น
REGION RADAR
•ESTEE LAUDER จะกลับมา TURN AROUND ได้ในรอบ 2 ปีก่อนหน้านี้รายได้ในเอเชียมีการชะลอตัวลงมาต่อเนื่องและเป็นเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นมีการปรับตัวลงค่อนข้างแรง อย่างไรก็ตามตลาดคาดว่ารายได้ในฝั่งเอเชียจะสามารถกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในช่วง 3Q68
• ยอดขายของ ESTEE LAUDER ในช่วง 3Q68 ผ่านช่องทางออนไลน์ในจีนอย่าง TMALL, TAOBAO และ DOUYIN พลิกกลับมาเติบโต 3%YOY โดดเด่นกว่าเป็นบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์นอกอื่นๆ เพราะเป็นเพียงแบรนด์เดียวที่มีการเติบโต จึงแนะนำเก็งกำไร DR: ESTEE80
THAI FOCUS
•คนละครึ่ง พลัส ประโยชน์มากกว่าเดิม ทั้งช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้มแข็งขึ้น โดยประชาชนสามารถใช้จ่ายได้ทั้งค่าอาหาร-เครื่องดื่ม ของใช้ทั่วไป รวมถึงบริการขนส่งสาธารณะ และบริการรายวันต่าง ๆ
• หุ้นคาดได้ประโยชน์ ทางตรงคือ กลุ่มขนส่งอย่าง BTS BEM ส่วนทางอ้อม คือ กลุ่มค่าปลีก อาหาร-เครื่องดื่ม บริการความงาม และท่องเที่ยว อย่าง CPALL BJC CPAXT OSP CBG SPA KISS CENTEL MINT AOT เป็นต้น
SYNAPSE STRATEGY
• ตลาดหุ้นไทยอาจเคลื่อนไหวเหมือนตลาดหุ้นโลกเพิ่มขึ้น หลังสภาพคล่องส่วนเกินล้นระบบ พร้อมกับแรงกดดันทางการเมืองไทยและต่างประเทศลดลง หนุนเม็ดเงินเข้าหุ้นที่มีธีมตามกระแสโลกมากขึ้น
• แนะหุ้นโรงไฟฟ้า รับธีมการเปลี่ยนผ่านพลังงาน และธุรกิจ AI ใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น อีกทั้ง MARGIN เพิ่มขึ้นจากภาวะดอกเบี้ยขาลง รวมทั้งมีเม็ดเงิน ROTATE จากหุ้น AI P/E สูง สลับมาหนุนอีก ชอบโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ UPSIDE สูง GULF, ปันผลสูง EGCO, RATCH ,กำไร 3Q68 ดีBGRIM และเก็งกำไร BPP มีโอกาสเข้า SET100 รอบ 1H69
HORIZON MARKET VIEW
ทิศทางเงินเฟ้ออาจพุ่ง หนุน FED ต้องคงดอกเบี้ยนานขึ้นหรือไม่
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงราว 0.15% ถึง 0.52% แม้มีแรงหนุนจากข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเองกับฮามาส อย่างไรก็ตามประเด็น GOVERNMENT SHUTDOWN ยังคลุมเครือ หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ประสบความล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเป็นครั้งที่ 6 ส่งผลให้การปิดหน่วยงานของรัฐบาลยังคงดำเนินต่อไปด้วยคะแนนเสียง 54 ต่อ 45 ซึ่งคะแนนสนับสนุนไม่ถึง 60 คะแนน แต่ผลโพล GOVERNMENTSHUTDOWN ของ KALSHI ส่วนใหญ่บ่งชี้ว่าจะจบลงภายใน 15 วัน (PROB >80%) และหนุนให้สินทรัพย์เสี่ยงน่าจะปรับขึ้นได้ต่อ
อย่างไรก็ตามประเด็นทิศทางดอกเบี้ยของ FED ต้องกลับมา CONCERN อีกครั้ง หลังผลสำรวจจากธนาคารกลางนิวยอร์ก (NEW YORK FED) พบว่า ผู้บริโภคคาดว่า เงินเฟ้อสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น โดยในเดือน ก.ย.68คาดการณ์เงินเฟ้อในอีก 1 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นเป็น 3.4% (เดิม 3.2%) ซึ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 50K และผู้มีการศึกษาระดับมัธยมปลายหรือต่ำกว่า ดังรูปด้านล่างซึ่งสวนทางกับการที่ FED เพิ่งลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน ก.ย. 68 และน่าจะลดอีกในการประชุมวันที่ 29 ต.ค. 68 และวันที่ 10 ธ.ค. 68 (ตามคาดการณ์ DOT PLOTและ FED WATCH TOOL)
ซึ่งท่าทีของ FED ก็กังวลต่อทิศทางขาขึ้นของเงินเฟ้อสหรัฐฯอยู่แล้ว จากผลกระทบจากภาษีนำเข้า (TARIFFS) ว่าจะเป็นการเพิ่มราคาชั่วคราว หรือเป็นแรงผลักดันเงินเฟ้อระยะยาว ซึ่งมีสัญญาณมาจากตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ย.68 ที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.1%YOY จาก 2.9% ในเดือนก่อนหน้า ดังนั้นหากเงินเฟ้อมีทิศทางขาขึ้นชัดเจน ก็อาจเปลี่ยนมุมมองของกรรมการ FED ให้HAWKISH มากขึ้น และเห็นทิศทางดอกเบี้ยปรับลงน้อยกว่า 2ครั้งในปีนี้ และปีหน้า
REGION RADAR
ESTEE LAUDER จะกลับมา TURN AROUND ได้ในรอบ 2 ปี
รายได้เครื่องสำอางของ ESTEE LAUDER ในฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะรายได้จากจีนมีการหดตัวลงมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี2023 อย่างไรก็ตาม สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ตลาดคาดว่ารายได้ในฝั่งเอเชียจะสามารถกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในรอบ 2 ปี
ยอดขายของ ESTEE LAUDER ในไตรมาส 3 ผ่านช่องทางออนไลน์ในจีนอย่าง TMALL, TAOBAO และ DOUYINมีการเติบโต YOY โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 3% YOY เป็นบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์นอกเพียงแบรนด์เดียวที่มีการเติบโตของยอดขายในไตรมาส 3 นอกจากนี้ ยอดขายในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ESTEE LAUDER มียอดขายเพิ่มขึ้น21% YOY โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม
จากภาพที่เริ่มเห็นบริษัทมีแนวโน้มที่รายได้ในไตรมาส 3 พลิกกลับมาเติบโตอีกครั้ง และยังได้แรงหนุนจากยอดขายเครื่องสำอางในจีนที่โดดเด่น พร้อมกับเริ่มเห็นการทยอยปรับประมาณการขึ้นในเดือนนี้ แนะนำเก็งกำไร ESTEE LAUDER (DR: ESTEE80)
THAI FOCUS
นโยบายการคลัง เตรียมอัดแน่นในช่วง 4 เดือนก่อนยุบสภา ... หุ้นใดบ้างน่าสนใจ
วานนี้พรรคภูมิใจไทย เปิดรายละเอียดการใช้จ่ายตามโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งเป็นการต่อยอดจากโครงการ “คนละครึ่ง” มาสู่ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากกว่าเดิม ทั้งช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้มแข็งขึ้น โดยประชาชนสามารถใช้จ่ายได้ทั้งค่าอาหารเครื่องดื่ม ของใช้ทั่วไป รวมถึงบริการขนส่งสาธารณะ และบริการรายวันต่าง ๆ ขณะเดียวกัน ยังเปิดโอกาสให้ร้านค้าขนาดเล็ก วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศ เข้าร่วมโครงการได้อย่างทั่วถึง(ซึ่งไม่ถูกระงับสิทธิ หรือถูกเรียกเงินคืนจากโครงการนี้) โดยกระทรวงการคลังคาดว่ามาตรการนี้จะหนุน GDP ได้ราว0.3%-0.4%YOY ส่วนหุ้นคาดได้ประโยชน์จากโครงการคนละครึ่ง พลัส ทางตรงคือ กลุ่มขนส่งอย่าง BTS BEMส่วนทางอ้อม คือ กลุ่มค่าปลีก อาหาร-เครื่องดื่ม บริการความงาม และท่องเที่ยว อย่าง CPALL BJC CPAXT OSP CBG SPA KISS CENTEL MINT AOT เป็นต้น
ส่วนอีกด้านหนึ่ง รมว.คมนาคมให้นโยบายเร่งด่วน 5 ข้อกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)เดินหน้าภารกิจที่ “เห็นผลเร็ว + วางรากฐานอนาคต” อาทิ เร่งเบิกจ่ายงบปี 2569, ผลักดัน “ร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC)”, เดินหน้า โครงการ LANDBRIDGE ,ระบบ “ตั๋วร่วม–ค่าโดยสารร่วม” (COMMON
TICKET SYSTEM) และจัดการจราจรอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์ คือ นิคม AMATA WHAก่อสร้าง CK STEC UNIQ โลจิสติคส์-ขนส่ง PSL TTA WICE รถเมล์ไฟฟ้า EA NEX เป็นต้น
อย่างไรก็ตามบางโครงการถือเป็นโครงการใหญ่ และใช้งบประมาณค่อนข้างสูง จึงต้องติตตามว่าระยะเวลา เดือนก่อนยุบสภาจะสามารถสร้างความคืบหน้าได้มากน้อยเพียงใด
SYNAPSE STRATEGY
ภาพลวงตา จริง SET INDEX ยังไม่ค่อยขึ้น และมี P/E ไม่แพงนะ
ตลาดหุ้นไทยอาจเคลื่อนไหวเหมือนตลาดหุ้นโลกเพิ่มขึ้น หลังสภาพคล่องส่วนเกินล้นระบบ พร้อมกับแรงกดดันทางการเมืองไทยและต่างประเทศลดลง สอดคล้องกับข้อมูล CORRELATION คร่อมช่วงข้อมูลทุกๆ 1 เดือน ในระยะ 2 ปี ระหว่าง SET กับ MSCI ACWI พบว่า ในภาวะปกติมีค่า CORRELATION สูงถึง 0.4 – 0.6 แต่ถ้ามีเหตุการณ์เฉพาะตัวกดดันช่วงนั้นระดับ CORRELATION ก็จะลดลงอย่างมีนัยฯ ตามภาพทางด้านล่าง
ประเด็นดังกล่าว หนุนให้ช่วง 4Q68 สภาพคล่องส่วนเกินหรือเม็ดเงินมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยที่มีธีมตามกระแสโลกมากขึ้น
กลยุทธ์ในช่วงนี้จึงแนะหุ้นโรงไฟฟ้า รับธีมการเปลี่ยนผ่านพลังงาน และธุรกิจ AI ใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น อีกทั้ง MARGINเพิ่มขึ้นจากภาวะดอกเบี้ยขาลง รวมทั้งมีเม็ดเงิน ROTATE จากหุ้น AI P/E สูง สลับมาหนุนหุ้นโรงไฟฟ้าอีก สะท้อนได้จากช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ดัชนี S&P500 UTILITIES เป็น SECTOR ที่ปรับตัวขึ้นแรงสุด 10.4% ชนะ S&P500
ที่ขึ้นมา 2.8%
กลับมาที่ตลาดหุ้นไทย แนะนำหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ UPSIDE สูง GULF, ปันผลสูง EGCO, RATCH ,กำไร 3Q68 ดี BGRIM และเก็งกำไร BPP มีโอกาสเข้า SET100 รอบ 1H69
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์