ภาวะตลาด SET Index วานนี้ ปิดทรงตัวที่ 1305.04 (-0.20 จุด) มูลค่าซื้อขาย 3.4 หมื่นลบ. ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้น หลังจาก กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายรอบ 8 ต.ค.25 ไว้ที่ 1.50% ขณะที่หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์อ่อนตัวลง ส่วนหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีถูกกระทบจากคาดการณ์กำไรหลักงวด 3Q25Fยังอ่อนแอขณะที่กลุ่มโรงพยาบาลก็กังวลกับโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” นักลงทุนสถาบันในปท.และต่างชาติขายสุทธิ -204 และ -333 ลบ. ส่วนรายย่อยซื้อสุทธิ +1.0 พันลบ.
ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ: ชัตดาวน์ต่อเป็นวันที่ 8 จึงไม่มีรายงานตัวเลขศก.สำคัญจากหน่วยงานสหรัฐ...ตลาดติดตามรายงานผลประกอบการ 3Q25 ที่จะเริ่มสัปดาห์หน้า
• สหรัฐ: ตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง เป็นปัจจัยผลักดันให้เฟดลดดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนต.ค.นี้ แม้กรรมการยังระมัดระวังเงินเฟ้อที่สูง
• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ Mix ดัชนีดาวโจนส์ ปิดลดลงเล็กน้อยแต่ดัชนี S&P500และดัชนี Nasdaq ทำ new high จากแรงซื้อหุ้นเทคโนโลยี สัญญาทองคำพุ่งขึ้น +66.1 US$ สู่ 4,070.5 US$/ออนซ์ ทำ new high จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ส่วนน้ำมันดิบ WTI & Brent ขยับขึ้น +1% เป็น 62-66 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านดัชนีค่าเงิน US$ แข็งขึ้นเป็น 98.8; ค่าเงินบาทอ่อนมาที่ 32.55 Bt/US$ ส่วน US bond yield 10 ปี อ่อนเป็น 4.10% ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ทรงที่ 104.75 ดัชนี Baltic Dry Index เด้งขึ้นเป็น 1,963
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• ไทย: วานนี้ (8 ตค.) กนง.มีมติ 5 : 2 คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% โดยธปท.ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี25 เป็นขยายตัว 2.2% (จากเดิมที่ 2.3%) และปี 2026 โต 1.6% (จากเดิมที่ 1.7%) สะท้อนผลกระทบมาตรการภาษีสหรัฐ สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 25-26 คาดไว้ที่ 0.0% และ 0.5% และทยอยกลับสู่เป้าหมายที่ 2.0% ในปี 2027
• ไทย: คาดอัตราดอกเบี้ยของไทยยังอยู่ในทิศทางขาลง เพราะต้องการแรงกระตุ้นต่อ เราคาดว่ากนง.จะลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1.25% ในการประชุมเดือนธ.ค.2025 และลดอีก0.25% เป็น 1.00% ใน 1Q26 และคงอยู่ในระดับดังกล่าวถึงสิ้นปี 2026
• ไทย: FETCO เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงที่ 153.62...ปัจจัยหนุนตลาดหุ้นมากที่สุด คือ มาตรการกระตุ้นภาครัฐ ส่วนปัจจัยที่กังวลมากสุด คือ วินัยการคลัง สำหรับหมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดพาณิชย์ (COMM) ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดสื่อสิ่งพิมพ์ (MEDIA)
• กลุ่มโรงพยาบาล: คาดโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ที่ให้ร.พ.แจงราคายา-ผู้ป่วยเลือกซื้อยาข้างนอกได้ กระทบกำไรหลักไม่มาก เนื่องจากปัจจุบันทำกันอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์แพร่หลาย โดยรวมคาดกระทบกำไรไม่เกิน 3-5%
กลยุทธ์ : ยืนเหนือ 1300 ได้ ยังมีโอกาสแกว่งขึ้นทดสอบแนวต้าน 1312-1315, 1320-1330...ในทางเทคนิคหากดัชนี สามารถยืนเหนือ 1300 ได้อย่างมั่นคง ก็มีโอกาสแกว่งขึ้นทดสอบ 1312-1315, 1320-1330 แต่ถ้าหลุด 1300 จะมีแนวรับระยะสั้น 1290-1285, 1270
หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ : ERW– คาดบริษัทจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง เนื่องจากมีโรงแรม Hop Inn กระจายอยู่หลายจังหวัด (ใน2Q25 โรงแรม Hop Inn ทำ EBITDA คิดเป็น 22% ของทั้งหมด) และERW มีรายได้จากโรงแรมในไทยคิดเป็น 90% ของรายได้ทั้งหมด นอกจากนั้นได้อานิสงค์จากอัตราดอกเบี้ยขาลงด้วยโดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงทุกๆ 0.25% จะทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง 25 ล้านบาท/ปี แนะนำซื้อสะสม ให้ราคาพื้นฐาน 3.0 บาท
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829