Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

85

 

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ Cross Asset Strategy Part 4

สรุปเนื้อหา Megatrend จากรายงาน Cross Asset Strategy

ธีม AI ยังคงเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ที่ทรงพลังที่สุดของช่วงที่เหลือของทศวรรษนี้ โดยตั้งแต่รายงานฉบับแรกที่เราแนะนำในปี 2023 ETF ธีม AI อย่าง CHAT และ AIQ ให้ผลตอบแทนรวมกว่า 116% และ 74% ตามลำดับ สูงกว่าดัชนี Nasdaq100 ที่ 61% แม้ปี 2025 ตลาดจะผันผวนจากนโยบายขึ้นภาษีนำเข้า แต่ CHAT ยังทำผลตอบแทนได้ถึง 51% YTD สอดคล้องกับ AI Value Chain ที่ยังคงอยู่ในช่วง Early Adoption ที่มีช่องว่างการเติบโตอีกมาก

แรงขับเคลื่อนสำคัญอยู่ที่การขยายตัวของ Data Center ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของ AI โดย McKinsey คาดว่าความต้องการพลังประมวลผลจะพุ่งจาก 82 GW ในปี 2025 เป็น 219 GW ในปี 2030 เติบโตเฉลี่ยปีละ 22% ขณะเดียวกัน คลื่นใหม่ของ Agentic AI กำลังเร่งการเปลี่ยนผ่านจาก Generative AI ที่สร้างเนื้อหา ไปสู่ระบบที่ลงมือทำงานได้เองในระดับองค์กร ตัวอย่างเช่น Klarna ใช้ AI Agent แทนพนักงานบริการลูกค้ากว่า 700 คน และ AES ใช้เพื่อลดต้นทุนตรวจสอบความปลอดภัย 99%
Agentic AI จึงไม่ใช่เพียงวิวัฒนาการทางเทคโนโลยี แต่คือ S-Curve ลูกใหม่ของการยกระดับ Productivity และการทำงานแบบอัตโนมัติ ซึ่ง Gartner คาดว่าการใช้งานในองค์กรจะเพิ่มจากน้อยกว่า 1% ในปี 2024 เป็น 33% ภายในปี 2028

ในเชิงกลยุทธ์ ระยะสั้นเราแนะนำให้เน้นกลุ่ม Hardware & Infrastructure ที่รับแรงหนุนโดยตรง ตามด้วย Data, Foundation Model และ Application ในระยะกลาง นักลงทุนสามารถ ”หาจังหวะอ่อนตัว“ ในการทยอยเข้าสะสมผ่าน ETF เช่น CHAT และ AIQ

บทสรุป: AI ไม่ใช่กระแสระยะสั้น แต่คือโครงสร้างใหม่ของเศรษฐกิจโลก และการมาถึงของ Agentic AI จะเร่งวงจรการเติบโตของอุตสาหกรรมให้เข้าสู่ช่วงขาขึ้นในช่วงหลายปีข้างหน้า

 

 



สรุปภาพตลาดวานนี้

หุ้นไทยพักตัว โดย DELTA ยังเป็นตัวค้ำดัชนี และเป็นการสลับมาเล่นกลุ่มธนาคารเพิ่มเติมตามคาด แต่ก็มีกลุ่มโรงไฟฟ้า ที่บวกขึ้นมาเด่น เช่น BPP EGCO และหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวอย่าง BAM ส่วนแรงขายอยู่ในกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ SCC IVL OR เป็นต้น (SCC มี Earning warnings) รวมทั้งกลุ่มขนส่งสาธารณะอย่าง THAI BEM

แนวโน้มตลาดวันนี้
เริ่มสะสมแบงก์
เมื่อวานผลประชุม กนง. (8 ตค.) คงดอกเบี้ยที่ 1.5% ตามที่ตลาดคาด แต่ผลต่อราคาหุ้นที่เชื่อมโยงดูจะไม่ค่อยมีนัยยะ เช่น ธนาคาร (บวกเล็กน้อย) ไฟแนนซ์ (ลบนิดหน่อย) แต่เราคงมุมมองหากลุ่มถัดไปที่จะถูกหมุนเล่นขึ้น แทนหุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือหุ้นตัวอื่นที่เล่นนำตลาดขึ้นในรอบนี้ (ยกตัวอย่างเมื่อวานที่ เห็นหุ้น ล่างเช่น กลุ่มปศุสัตว์ (BTG CPF) และโรงไฟฟ้า (EGCO) บวกดีกว่าตลาด)

กลยุทธ์แนะนำสะสมหุ้นธนาคาร ไว้เล่นรอบๆนี้ ด้วยเหตุผลในการซื้อรอบนี้หลังราคาหุ้นธนาคารปรับฐานลงมาในโซน Oversold คือ เป็นหุ้นรับประโยชน์ทางอ้อมจาก มาตรการรัฐ เช่น คนละครึ่งพลัส, AMC แก้หนี้เสีย กอปรกับแบงก์ชาติเมื่อวานที่คงดอกเบี้ย 1.5% ในจังหวะพอดีกับช่วงเวลาเก็งกำไรงบการเงินไตรมาส 3 ซึ่งอาจจะไม่ได้เติบโตดีทุกธนาคาร แต่มีบางธนาคารที่เห็นกำไรพิเศษจากเงินลงทุน จากราคาหุ้นการบินไทย เช่น KTB (BBL) และ Valuation ยังถูกเมื่อเทียบกลุ่มและภูมิภาค

ปัจจัยที่ต้องตามและคาดมีผลต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสัปดาห์ ตัวเลขเศรษฐกิจในภูมิภาค เช่น ส่งออกไต้หวัน, ดัชนีภาคการผลิตมาเลเซีย, การประชุมธนาคารกลาง ฟิลิปินส์ ส่วนสัปดาห์หน้ารอลุ้น มาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ, การเติมสภาพคล่องและแก้หนี้เสีย เป็นต้น คาดส่งผลบวกต่อราคาหุ้นเชื่อมโยง เช่น ท่องเที่ยว การบิน ค้าปลีก

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้-สะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลงมาตามแนวรับ เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ เพิ่มการเล่นหุ้นตามกระแสการเก็งกำไร

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET Index พยายามทะลุจุดยอดเดิมที่ 1,311 จุด แต่! ยังไม่สำเร็จ ระว่างวันขึ้นแตะจุดสูงสุด 1,314 จุด แต่ยืนไม่ได้ อย่างไรก็ตามยังมีลุ้นทะลุทำจุดสูงใหม่ เนื่องจากดัชนียังอยู่ในรอบคลื่นขาขึ้นหลัก “Impulse wave 3” ขณะที่ Price Pattern “Double bottom” บ่งชี้จุดกลับตัวแม่นยำ! (ขึ้นจาก 1,270 จนถึงปัจจุบัน) นอกจากนี้โมเมนตัม RSI level > 50 บ่งชี้ภาวะความแข็งแกร่งด้านราคา แนวโน้มระยะสั้นดัชนีอาจมีเล่นสลับพักตัวบ้าง หากไม่หลุดเส้น EMA 25 วัน 1,280 จุด แนะ Hold ถือหุ้นไว้ได้

Note: การที่ดัชนีเมื่อวานปิดต่ำลักษณะ “Shooting star” อาจส่งผลให้มีโอกาสพักตัว ปรับฐานสั้นๆได้ในวันนี้....
ไฮไลท์หุ้นเด่น: แผนเทรดเล่นรอบ....เมื่อ COM7 ทะลุ high / จังหวะซื้อ KTB มาแล้ว!/ BTG ขาลงเปลี่ยนเป็น “ขึ้น” / ERW จ่อทะลุเส้น EMA 200 วัน/ SCC แนะ Short against port

 

 

What to watch

นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของเฟดในปีนี้ หลังสหรัฐเผชิญภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอในภาคเอกชนสหรัฐ

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนต.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 89.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค.

ครม. ไฟเขียว คนละครึ่งพลัส อัดงบ 4.4 หมื่นล. ปชช. ลงทะเบียน 20-26 ต.ค.นี้ สำหรับกลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน 20 ล้านคน พลัสที่ 1 เพิ่มช่วงอายุ ตั้งแต่ 16 ปี สามารถเข้าร่วมโครงการได้ พลัสที่ 2 เพิ่มวงเงินใช้จ่าย จาก 150 บาท/วัน เป็น 200 บาท/วัน พลัสที่ 3 เพิ่มสิทธิพิเศษ ให้ผู้ที่อยู่ในระบบภาษีได้ 2,400 บาท พลัสที่ 4 เพิ่มโอกาส ให้ร้านค้าขนาดเล็ก นิติบุคคล ไมโครเอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชนเข้าร่วมได้ พลัสที่ 5 เพิ่มทักษะ ให้ร้านค้า Upskill/Reskill ในระยะต่อไป เปิดรับลงทะเบียนร้านค้าตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.-19 ธ.ค.68 เปิดรับลงทะเบียนประชาชน ตั้งแต่วันที่ 20-26 ต.ค.68 ประชาชนผู้ได้รับสิทธิสามารถใช้สิทธิโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-31 ธ.ค.68

หุ้นแนะนำวันนี้

KTB BLS Research แนะนำเป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มรอบนี้ (Idea call)
แนวรับ 24.7 ต้าน 26 Stop loss 24

Tactical port ถอด IVL เพิ่ม KTB

 

 

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

Econ

กนง. คงดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% คาดสิ้นปีลดอีก 1 ครั้ง เหลือ 1.25%
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% แม้จะมองว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนคลายเพื่อเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่การลดอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านมายังอยู่ระหว่างการส่งผ่านไปยังภาคเศรษฐกิจ การให้น้ำหนักด้านจังหวะเวลาและประสิทธิผลของนโยบายการเงินภายใต้ขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (Policy space) ที่มีจำกัดจึงเป็นสิ่งจำเป็น
Implications:
จะเห็นได้ว่า กนง. ให้ความสำคัญด้านการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐฯ เป็นหลัก ส่วนอัตราเงินเฟ้อและการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเป็นประเด็นรองที่ยังจำเป็นต้องติดตาม
เราจึงคงมุมมองเดิมว่า กนง. น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง (25 bps) เหลือ 1.25% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งก็คงเป็นรอบการประชุมในวันที่ 17 ธันวาคม 2025 และอาจมีโอกาสลดอีก 1 ครั้ง (25 bps) เหลือ 1.0% ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2026 เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวชัดเจนจากผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐฯ
ด้วยขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (Policy space) ที่มีจำกัด ทำให้ประสิทธิผลของการส่งผ่านนโยบายการเงินไปสู่ระบบเศรษฐกิจมีน้อยลง เราจึงคาดว่าจะสิ้นสุดวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน (Easing cycle) ที่ 1.0%

SCC
ปูนซิเมนต์ไทย
เตือนกำไร 3Q25 อ่อนแอกว่าคาดเดิม ก่อนฟื้นไตรมาสถัดไป
คาดกำไรหลัก 3Q25 อยู่ที่ 716 ล้านบาท (พลิกจากขาดทุน YoY แต่ลดลง 77% QoQ) ต่ำกว่าคาดเดิม และคาดขาดทุนสุทธิ 81 ล้านบาท จากผลประกอบการกลุ่มเคมีที่อ่อนลงทั้ง YoY และ QoQ จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ลดลง และค่าใช้จ่ายเริ่มต้นของ Long Son Petrochemicals ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์ (CBM) และ Packaging ยังเติบโต YoY จากยอดขายและราคาขายเฉลี่ย (ASP) ที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดกำไรหลักจะฟื้นทั้ง YoY และ QoQ โดยกลุ่มเคมีดีขึ้นจากส่วนต่างราคาที่ขยาย โดยส่วนต่าง HDPE/Naphtha ขยายขึ้นจาก 316 เหรียญ/ตัน ใน 4Q24 เป็น 329 เหรียญ/ตัน ใน 4Q25-to-date จากการลดกำลังการผลิตทั่วภูมิภาค ส่วน CBM ฟื้นจากโครงการก่อสร้างในประเทศและอาเซียนที่เพิ่มขึ้น ส่วน Packaging ได้แรงหนุนจากต้นทุนพลังงานลดลงและยอดขายตามฤดูกาล
Fundamental view: ในเชิงพื้นฐานเรายังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 290 บาท ส่วนในการจับจังหวะลงทุน เรามองระยะสั้น ผลประกอบการที่อ่อนแอใน 3Q25 จะกดดันราคา เป็นโอกาสทยอยสะสม เพื่อเล่นดัก 4Q25 ที่ฟื้นตัว

 


SCGD
เอสซีจี เดคคอร์
ใกล้ถึงจุดต่ำสุด ก่อนฟื้นตัวกลับในปี 2026 จากต้นทุนลด
คาดกำไรสุทธิ 3Q25 อยู่ที่ 300 ล้านบาท (+59% YoY, +35% QoQ) จากการควบคุมต้นทุนและขาดค่าใช้จ่ายพิเศษด้านโครงสร้างองค์กร แม้ยอดขายยังอ่อนตามฤดูกาลและตลาดอสังหาฯ ในต่างจังหวัดที่ชะลอ โดยใน 3Q25 ยอดขายคาดลดลง 11.5% YoY และ 4.4% QoQ เหลือ 5.8 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้น (GM) คาดขยายเป็น 28.5% (จาก 26.0% ใน 3Q24) หนุนโดยการใช้พลังงานชีวมวลและพลังงานแสงอาทิตย์มากขึ้น ต้นทุนพลังงานที่ลดลง และการเจรจาลดต้นทุนจากซัพพลายเออร์ ขณะที่ SG&A ลดลงทั้ง YoY และ QoQ หลังไม่มีค่าใช้จ่ายปรับปรุงองค์กรราว 60 ล้านบาทเหมือนไตรมาสก่อน
แม้ยอดขายระยะสั้นยังไม่ฟื้นเต็มที่ แต่เรามองว่า 3Q25 เป็นจุดต่ำสุดของรอบนี้ โดย SCGD มีโครงสร้างต้นทุนที่ Lean ขึ้นและประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น พร้อมรับอานิสงส์จากตลาดที่อยู่อาศัย ในประเทศที่คาดจะเริ่มกลับมาปกติ และคำสั่งส่งออกไปเวียดนาม–อินโดฯ ที่ทยอยดีขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณของการฟื้นตัว
Fundamental view: คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท มองปัจจุบัน Downside จำกัด และมีโอกาสทยอย Re-rate ในปีหน้า

THCOM
ไทยคม
มองไกลกว่าช่วงกำไรอ่อนตัวระยะสั้น
คาดกำไรหลัก 3Q25 เหลือเพียง 6 ล้านบาท (-80% YoY, -28% QoQ) จากรายได้ดาวเทียม Thaicom-4 ลดลง และขาดทุนจาก LTC ที่ถูกกดดันด้วยค่าเงินกีบลาว ส่วน 4Q25 คาดกำไรหลักยังลดลง YoY แต่ฟื้นตัว QoQ จากรายได้ Thaicom-8 และ USO phase-2 ฟื้นตัว และเราปรับคาดการณ์ปี 2025 จากขาดทุนหลัก 44 ล้านบาทเป็น 60 ล้านบาท และลดราคาเป้าหมายเหลือ 10.30 บาท (จาก 10.60 บาท) แต่เรายังแนะนำให้ Let-profit-run จากปัจจัยหนุน ดังนี้
1) งบกลาโหมหนุนโอกาสใหม่: โดยเฉพาะจากประเด็นไทย-กัมพูชา คาดว่าแนวโน้มให้งบด้านความมั่นคงและการสอดแนมเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ THCOM มี MOU กับกองทัพอากาศในการพัฒนาเทคโนโลยีดาวเทียมขนาดเล็กและ UAV ซึ่งจะเป็นฐานต่อยอดในโครงการด้านความมั่นคงในอนาคต
2) โอกาสใหญ่จาก USO phase-3: กสทช. เตรียมเปิดประมูลโครงการ USO phase-3 มูลค่า 5–6 พันล้านบาท โดยเราคาดว่า THCOM มีศักยภาพสูงสุดในประเทศ และด้วยความร่วมมือกับ GULF ซึ่งเชี่ยวชาญระบบพลังงาน บริษัทน่าจะได้สัดส่วนงานราว 40–50% ของโครงการ รวมถึงมีต้นทุนอุปกรณ์ต่ำจากอำนาจต่อรองของ GULF (คาด TOR สรุปใน ต.ค. 2025) มอง upside ระยะยาว 12–20% และเพิ่มมูลค่าเป้าหมายราว 0.86 บาทต่อหุ้น

 

 

 

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

PTG สุดยอด! คว้ารางวัล "Employer Branding" ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน

PTG สุดยอด! คว้ารางวัล "Employer Branding" ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน

กนง.คงดอกเบี้ย By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม ตลาดหุ้นไทย เข้าสู่โหมด 1,300 จุด บวกลบ สลับกันไป หลัง จบข่าว เมื่อ กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คง.....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้