SET ดูแพง แต่จริงๆ ยังถูก

HORIZON MARKET VIEW

•วานนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นราว 0.6% ถึง 1.1% โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ NVIDIA +2.2%AMD 11.3% ขณะที่รายงานการประชุมของ FED MINUTES บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เผชิญกับความเสี่ยงอยู่ถือเป็นเหตุผลที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่กรรมการ FED ส่วนใหญ่ยังระมัดระวังเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่สูงกว่าเป้า2% โดยอ้างอิงจาก FEDPSPEAK INDEX อยู่ที่ 5 คะแนน(>0) บ่งชี้ว่าค่าเฉลี่ยทิศทางดอกเบี้ยยังคงความ HAWKISH อ่อนๆ
• ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯยังคงมุมมองเดิม โดย DOT PLOT คาดว่าสิ้นปีนี้-หน้าดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 3.75%(ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง) และ 3.25%(ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง)ตามลำดับ ซึ่งคล้ายคลึงกับความน่าจะเป็นในการลดดอกเบี้ยของ FED WATCHTOOL

REGION RADAR
• แนวโน้มราคาชิป DRAM ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาขายชิป DRAMในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมายังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +52% YOY และยอดส่งออกชิป DRAM จากเกาหลีใต้ +49% YOY
• บริษัทที่มี MARKET SHARE มากสุดในตลาด DRAM คือ SKHYNIX จากภาพการเติบโตของทั้งราคาชิป DRAM และยอดส่งออกชิปที่แข็งแกร่ง แนะนำเก็งกำไร SK HYNIX (000660 KS), SAMSUNG(005930 KS) และ MICRON (MU US)

SYNAPSE STRATEGY
• หุ้น DELTA ขึ้นมาเร็วและแรงในช่วงนี้ บดบัง SET ให้ดูแพง คือ SET ที่1304 จุด หากตัด DELTA ออกเหลือ 1113 จุด ส่วน P/E25F จาก15.5 เท่า หากตัด DELTA ออก เหลือ 13.6เท่าเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าภาพรวมยังไม่แพง ถือเป็นโอกาสดีน่าทยอยสะสมหุ้นในเวลานี้
• กลยุทธ์วันนี้ เลือกเก็งกำไรหุ้นตอบรับเชิงบวก กนง. คงดอกเบี้ย อย่างSCB, BBL, KTB หุ้นรับค่าเงินบาทมีโอกาสชะลออ่อนค่า GULF,BGRIM และหุ้นกำไร 3Q68 สวยๆ MAJOR, PR9, MTC, PLANB

THAI FOCUS
• กนง. เสียงแตก 5:2 มีมติ “คงดอกเบี้ย” ไว้ที่ระดับ 1.5% และทิศทางดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลงได้อีก หากมีสัญญาณที่กระทบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยฯ และรุนแรงมากกว่า กนง.ประเมินไว้
• เช่นเดียวกับความเห็นของ ASPS ที่คาด กนง.จะลดดอกเบี้ย 25 BPS.ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ช่วงสั้นแนะนำ เก็งกำไรหุ้นธ.พ.-ประกันBBL SCB KTB BLA TLI, หุ้นรับนโยบายการคลัง ICHI CPALLCPAXT BJC, หุ้นบาทแข็ง GULF BGRIM

HORIZON MARKET VIEW

ปัจจัยแวดล้อมบวกต่อตลาดหุ้นอ่อนๆ แต่หนุนทองคำ ATH เพราะอะไร ?
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นราว 0.6% ถึง 1.1% โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอาทิ NVIDIA +2.2% AMD 11.3% เป้นต้น ขณะที่รายงานการประชุมของ FED MINUTES บ่งชี้ว่า การที่ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้นนั้น ถือเป็นเหตุผลเพียงพอที่FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยแต่กรรมการ FED ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% โดยอ้างอิงจาก FEDPSPEAKINDEX อยู่ที่ 5 คะแนน(>0) บ่งชี้ว่าค่าเฉลี่ยทิศทางดอกเบี้ยยังคงความ HAWKISH อ่อนๆ ดังนั้น ทิศทางดอกเบี้ย

สหรัฐฯยังคงเหมือนเดิม โดย DOT PLOT คาดว่าสิ้นปีนี้-หน้า ดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 3.75%(ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง) และ3.25%(ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง) ตามลำดับ ซึ่งคล้ายคลึงกับความน่าจะเป็นในการลดดอกเบี้ยของ FED WATCH TOOL

ซึ่งการที่ทิศทางดอกเบี้ยยังเหมือนเดิม คือ คาด FED ลดดอกเบี้ยต่อในอัตราเร่งเท่าเดิม ทำให้การ SEARCHFOR YIELD ของนักลงทุนหันไปทางทองคำอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุด GOLD SPOT ทำ ATH ใหม่ อีกทั้งแรงหนุนจากความต้องการทองคำในเอเชีย โดยเฉพาะจีนและอินเดียยังคงสูง + ธนาคารกลางต่างๆยังคงต้องการทองคำเป็น RESERVE มากขึ้นทดแทน DOLLAR INDEX ที่อ่อนค่ามาแรงในช่วงก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงเห็นเม็ดเงินยังไหลเข้ากองทุน ETF ทองคำอย่างต่อเนื่องในเดือน ก.ย.68 ที่ซื้อสุทธิมากสุดนับตั้งแต่ปี 2022 ซึ่งหากไม่มีปัจจัยอื่นๆที่มากดดันหรือเปลี่ยนแปลงไป คาดทำให้ GOLD SPOT ยังยืนอยู่ในระดับสูงต่อไป

REGION RADAR
แนวโน้มราคาชิป DRAM ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
ชิปหน่วยความจำ (DRAM) หรือที่เรียกกันว่า MEMORY CHIP ก่อนหน้านี้ ชิป DRAM จะถูกใช้ในโทรศัพท์PCและโน๊ตบุ๊คเป็นหลัก แต่ภายหลังชิป DRAM เริ่มถูกนำมาใช้ในธุรกิจ AI มากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ DATA CENTERซึ่งราคาขายชิป DRAM ในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมายังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +52% YOY

ราคา SPOT PRICE ของ DRAM ปรับตัวขึ้นแรงใน 2 เดือนที่ผ่านมา โดยเดือน ก.ย.ราคาเพิ่มขึ้น 25% YOY จากDEMAND ที่ต้องเอาไปใช้ใน DATA CENTER ที่มากขึ้น นอกจากนี้ ยอดส่งออก DRAM ของเกาหลีใต้ยังคงแข็งแกร่งในเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 49% YOY

แนะนำเก็งกำไร SK HYNIX (000660 KS) เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีสัดส่วน MARKET SAHRE ในชิป DRAM มากที่สุดและรายได้ของ DRAM คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70% ของรายได้รวม อีกทั้ง VALUATION ยังค่อนข้างถูกFORWARD P/E 2025 อยู่ที่ระดับ 7 เท่า, SAMSUNG (005930 KS) รายได้หลักยังคงมาจากชิปและมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอื่นเพิ่มเติม อาทิ ธุรกิจ SMARTPHONE และเครื่องใช้ไฟฟ้า, MICRON (MU US) การเติบโตในปีนี้อยู่ในระดับที่สูงจากความต้องการและราคาของชิป DRAM ที่เพิ่มขึ้น

THAI FOCUS
กนง. มีมุมมอง “เชิงรับ” มากกว่าที่ตลาดคิด
วานนี้ การประชุม กนง. เสียงแตก 5:2 มีมติ “คงดอกเบี้ย” ไว้ที่ระดับ 1.5% ซึ่งไม่เป็นไปตามตลาดคาด ที่มองว่าจะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยสู่ 1.25% โดยคณะกรรมการฯ ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับจังหวะเวลาและประสิทธิผลของนโยบายการเงินภายใต้ขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (POLICY SPACE) ที่มีจำกัด ซึ่งการลดดอกเบี้ยที่ผ่านมาอยู่ระหว่างการส่งผ่านไปยังภาคเศรษฐกิจ

สำหรับคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 2.2% (เดิม 2.3%) และปีหน้าโต 1.6% มีขยายตัวใกล้เคียงกับที่
กนง. เคยประเมินไว้ โดยภาคส่งออกเริ่มได้รับผลกระทบจาก TARIFF สหรัฐฯ ขณะที่การท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มชะลอลงก่อนจะทยอยฟื้นตัว ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ จากปัจจัยด้านอุปทาน ด้านสินเชื่อรวมยังหดตัวและคุณภาพสินเชื่อกลุ่มเปราะบางยังด้อยลงทั้งนี้ ทิศทางดอกเบี้ยของไทยมีแนวโน้มปรับตัวลดลงได้อีก หากมีสัญญาณที่กระทบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยฯ และรุนแรงมากกว่า กนง. ประเมินไว้ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การกลับมาของนักท่องเที่ยวและการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ, ความเสี่ยงของภาวะเงินฝืด, การขยายตัวของสินเชื่อและค่าเงินบาท

ประเด็นดังกล่าวกดดันตลาดหุ้นช่วงสั้น ส่วนระยะถัดไปฝ่ายวิจัยฯ มองว่าเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มเติบโตช้าลงโดยเฉพาะภาคส่งออกจาก TARIFF สหรัฐฯ ที่จะมีผลบังคับใช้จนกว่าศาลสูงสุดจะตัดสิน อาจเป็นปัจจัยหนุนให้กนง. เปิดประตูลดดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้งราว 25 BPS. ในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้หรือช่วงต้นปีหน้าดังนั้น ในช่วงสั้นแนะนำเก็งกำไรหุ้นธ.พ.-ประกัน BBL SCB KTB BLA TLI, หุ้นรับนโยบายการคลัง ICHI CPALLCPAXT BJC, หุ้นบาทแข็ง GULF BGRIM

YNAPSE STRATEGY
ภาพลวงตา จริง SET INDEX ยังไม่ค่อยขึ้น และมี P/E ไม่แพงนะหุ้น DELTA ขึ้นมาเร็วและแรงในช่วงนี้โดยในช่วง1 เดือน DELTA +32% หนุน SETเกือบ 50 จุด ขณะที่ภาพรวมSET INDEX ปรับตัวขึ้นมาเพียง 38 จุดเท่านั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งที่บดบัง SET ให้ดูแพง และหากพิจารณาที่ SET ที่1304จุด หากตัด DELTA ออกเหลือ 1113จุด

ส่วน P/E25F ของ SET INDEX จาก 15.5 เท่า หากตัด DELTA ออก เหลือ 13.6 เท่า เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังไม่แพง ถือเป็นโอกาสดีน่าทยอยสะสมหุ้นในเวลานี้

ส่วนกลยุทธ์วันนี้ เลือกเก็งกำไรหุ้นตอบรับเชิงบวก กนง. คงดอกเบี้ย อย่าง SCB, BBL, KTB หุ้นรับค่าเงินบาทมีโอกาสชะลออ่อนค่อ GULF, BGRIM และหุ้นกำไร 3Q68 สวยๆ

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์