หลายปัจจัยอ่อนไหว แต่ตลาดยังไม่อ่อนแอ
HORIZON MARKET VIEW
• วานนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ย่อตัวลงราว -0.2% ถึง -1.1% ท่ากลางGOVERNMENT SHUTDOWN ในสหรัฐฯ ที่ยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่นักลงทุนเริ่มกังวลว่าการพุ่งขึ้นอาจเกินพื้นฐานเศรษฐกิจจริง โดยเฉพาะการลงทุนใน AI ที่พุ่งแรงอาจนำไปสู่ฟองสบู่คล้ายยุคดอทคอม
• ทั้งนี้ ดีลระหว่าง OPENAI กับ NVIDIA, AMD และ ORACLE รวมกันอาจเกิน 1ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งดีลที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทกำลังถูกวิจารณ์ว่าเป็น “ดีลหมุนเวียน” ที่อาจสร้างความบิดเบือนในตลาด นอกจากนี้ ถึงแม้ AI จะมีผลิตภัณฑ์ก็จริง แต่การใช้จ่ายยังแซงหน้าการสร้างรายได้
• WORLD BANK เพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจเอเชียตะวันออก-แปซิฟิกปี 2568 เป็น4.8% (เดิม 4.0%) แต่เตือนแรงส่งการเติบโตเริ่มชะลอ โดยเฉพาะไทยและอินโดนีเซีย
REGION RADAR
• FTSE RUSSELL ปรับสถานะเวียดนาม จาก FRONTIER MARKETเป็น EMERGING MARKET มีผลในเดือน ก.ย. 2026 การอัปเกรดคาดดึงเงินทุนต่างชาติไหลเข้าราว $3.5 –$5 พันล้าน
• แม้ตลาดหุ้นเวียดนามมี VALUATION ที่ยังไม่แพง FORWARD P/E2025 เพียงระดับ 11 เท่า และ EPS ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้นอย่างไรก็ตามต่างชาติมีการขายอย่างต่อเนื่อง แนะนำเก็งกำไรหด้วยความระมัดระวัง
THAI FOCUS
• โครงการคนละครึ่ง พลัส(งบโครงการ 44,000 ล้านบาท) เป้าหมายเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านปากท้องของประชาชน ประเมินว่าจะช่วยเพิ่ม GDP ได้ราว 0.3-0.4% และการประชุม กนง.วันนี้BLOOMBERG CONSENSUS ให้น้ำหนักราว 73% ที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยลงจาก 1.50% สู่ระดับ 1.25%
• ดังนั้น นโยบายการคลัง-การเงินเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยถูกจังหวะจึงถือเป็นจังหวะสะสม SET ในยามปัจจัยบวกเริ่มเข้ามา
SYNAPSE STRATEGY
• ต้น เดือน ต.ค. ตลาดหุ้นเผชิญเรื่อง 2G คือ GOLDEN WEEK ตลาดหุ้นจีนหยุด และ GOVERNMENT SHUTDOWN กดดันหุ้นสหรัฐฯหนุนนำให้ FUND FLOW ไหลเข้าตลาดหุ้นแถบเอเชียเหนือ อย่างไต้หวัน, ญี่ปุ่น รวมถึงหุ้นเทคโนโลยีในเอเชียเป็นหลัก
• กลยุทธ์ยังคงแนะนำทยอยสะสมหุ้นมีแน้วโน้มกำไร 3Q68 เติบโตเด่นอาทิTRUE, MAJOR, BGRIM, TKN, ADVANC, KTB, MTC, PR9,BH, PLANB, DELTA, CKP ส่วน DR แนะนำ TAIWAN19
HORIZON MARKET VIEW
ปัจจัยแวดล้อมยังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ๆ
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ย่อตัวลงราว -0.2% ถึง -1.1% ท่ากลาง GOVERNMENT SHUTDOWN ในสหรัฐฯ ที่ยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่นักลงทุนเริ่มกังวลว่าการพุ่งขึ้นอาจเกินพื้นฐานเศรษฐกิจจริง โดยเฉพาะการลงทุนใน AIที่พุ่งแรงอาจนำไปสู่ฟองสบู่คล้ายยุคดอทคอม
ทั้งนี้ ดีลระหว่าง OPENAI กับ NVIDIA, AMD และ ORACLE รวมกันอาจเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งดีลที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทกำลังถูกวิจารณ์ว่าเป็น “ดีลหมุนเวียน” ที่อาจสร้างความบิดเบือนในตลาด เช่น NVIDIA ลงทุนสูงสุดถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ ใน OPENAI เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ ขณะที่ OPENAI ตอบแทนด้วยการซื้อชิป NVIDIA จำนวนมหาศาล ทำให้นักวิชาการเปรียบเทียบดีลหมุนเวียนในยุค AI กับการโฆษณาข้ามกันในยุคดอทคอม นอกจากนี้ ถึงแม้ AI จะมีผลิตภัณฑ์ก็จริง แต่การใช้จ่ายยังแซงหน้าการสร้างรายได้
อีกประเด็นที่หนึ่งจากรางานของWORLD BANK ประจำเดือน ต.ค. ได้เพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกแปซิฟิกปี 2568 เป็น 4.8% (เดิม 4.0%) หลังการเติบโตของเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในภูมิภาค และสถานการณ์ทางการเงินภายนอกที่ผ่อนคลายลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก
ส่วน “ไทย” WORLD BANK ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2568 เติบโต 2.0% (เดิม 1.6%) และในปี 2569คาดว่าจะชะลอตัวลงสู่ 1.8% หลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบายที่สูงซึ่งอาจเป็นปัจจัยถ่วงการเติบโตของการบริโภคและการลงทุน นอกจากนี้ยังหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
REGION RADAR
ตลาดหุ้นเวียดนามได้เข้าใน FTSE EMERGING MARKET
ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงในปีนี้ (YTD) +33% ขณะที่ MSCI ASEAN INDEX ปรับตัวขึ้นราว 10%โดยการปรับตัวขึ้นแรงของตลาดหุ้นเวียดนามได้แรงหนุนจากการเก็งกำไรที่ตลาดหุ้นเวียดนามจะเข้าสู่ FTSEEMERGING MARKET และล่าสุด FTSE RUSSELL ปรับสถานะเวียดนาม จาก FRONTIER MARKET เป็นEMERGING MARKET มีผลในเดือน ก.ย. 2026 การอัปเกรดคาดดึงเงินทุนต่างชาติไหลเข้าราว $3.5 – $5พันล้าน
ในด้านของ VALUATION ยังไม่แพง แม้ตลาดหุ้นหุ้นเวียดนามจะปรับตัวขึ้นมาอยู่แถวระดับจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ราคาหุ้นมีการซื้อขายที่ FORWARD P/E 2025เพียงระดับ 11 เท่า (+0.1SD) นอกจากนี้ EPS ของตลาดหุ้นเวียดนามถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับที่ตลาดหุ้นเวียดนามขึ้นมาก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ต่างชาติขายหุ้นเวียดนาม 4.04 พันล้านเหรียญ (YTD) และ ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิเพียงวันเดียวที่เหลือขายสุทธิทั้งหมด
แนะนำเก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง : ดัชนี VIETNAM DIAMOND (DR: FUEVFUND) และ (DR: E1VFVN3001)จากการที่ตลาดหุ้นเวียดนามได้ถูกเข้าคำนวณในดัชนี FTSE EMERGING MARKET
หรือว่านี่จะเป็น “โอกาส” ในความวุ่นวายทางการเมืองของฝรั่งเศส
การลาออกของนายกรัฐมนตรี SEBASTIEN LECORNU สะท้อนถึงความไม่มั่นคงของรัฐบาลฝรั่งเศส เสี่ยงทำให้เกิดความล่าช้าในการจัดทำงบประมาณและการปฏิรูปการคลัง จนสร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์ฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม ดัชนี CAC 40ร่วงลงตัวต่อเนื่องมากว่า1 ปี พร้อมกับเริ่มมีมุมมองว่าราคาที่ดิ่งลง ได้สะท้อนความกังวลไปในระดับหนึ่งแล้ว
ซึ่งนักลงทุนบางส่วนเริ่มมองหาโอกาสในกลุ่ม “หุ้นที่มีรายได้จากต่างประเทศ” ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารถูกขายทำกำไรหลังจากเป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในปีนี้โดยหุ้นฝรั่งเศสที่มีรายได้จากต่างประเทศ ปรับขึ้น 6% ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. ขณะที่หุ้นในประเทศทรงตัว อีกทั้งหุ้น CAC 40 ซื้อขายที่ราคาถูกกว่าดัชนี EURO STOXX 50 ซึ่งเคยเกิดขึ้นเฉพาะช่วงวิกฤตใหญ่ สำหรับหุ้นของฝรั่งเศสที่มี DR ในไทย เช่น LVMH, HERMES, LOREAL,SANOFI
THAI FOCUS
นโยบายการคลัง-การเงินเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยถูกจังหวะ
นโยบายการคลังตัวชูโรงอย่าง คนละครึ่งพลัส ครม. เพิ่งเคาะมาตรการดังกล่าวผ่านเรียบร้อย วงเงิน 4.4 หมื่นล้านบาท สำหรับผู้มีสิทธิ์ 20 ล้านคน ตั้งเป้าว่าโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียน และบรรเทาค่าครองชีพให้ประชาชน เปิดให้ประชาชนลงทะเบียน 20 –26 ต.ค.68 และเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.68 (ประชาชนทั่วไปจะได้รับเงิน 2,000 บาท ส่วนผู้ที่อยู่ในระบบภาษีจะได้รับเงินเพิ่มเป็น 2,400 บาท ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง) ซึ่งกระทรวงการคลัง ประเมินว่า โครงการครั้งนี้น่าจะช่วยเพิ่ม GDP ไทยจากเดิมราว 0.3-0.4%(ผลกระทบของโครงการคนละครึ่งต่อ GDP ในอดีตราว 0.1%-0.4%) ทำให้ประมาณการของเราที่ตั้งไว้ว่าGDP GROWTH QOQ =0% ของไตรมาส 3-4 ขยับขึ้นเป็นบวกได้ และหนุน GDP GROWTH ตลอดปีให้เกิน2.2%YOY ได้ไม่ยาก
ส่วนนโยบายการเงินจะมีการประชุม กนง.วันนี้ ซึ่ง BLOOMBERG CONSENSUS ให้น้ำหนักราว 73%(นัก
เศรษฐศาสตร์ 19 ใน 26 ราย) ที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยลงจาก 1.50% สู่ระดับ 1.25% ตามเหตุผลต่างๆ อาทิเศรษฐกิจไทยในช่วง 2H68 มีแนวโน้มชะลอตัวลง, อัตราเงินเฟ้ทั่วไปติดลบ 6 เดือนต่อกัน, ภาคการส่งออกท่องเที่ยวชะลอลง และ ความกังวลเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าการปรับลดดอกเบี้ย25 BPS. จะหนุนระดับ PE ขึ้น 0.72เท่า และดัน TARGET SET INDEX จะขยับขึ้นมาได้ราว 62จุด
อย่างไรก็ตามหากการประชุม กนง.วันนี้คงดอกเบี้ย เพื่อที่จะเก็บกระสุนไว้ลดดอกเบี้ยรอบ ธ.ค.68 คงมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจไทยในช่วง 4Q68 มีการกระตุ้นผ่านมาตรการภาครัฐฯอยู่แล้ว, ค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าตามกลไก DOLLAR แข็งค่าในช่วงนี้และ BOND YIELD 10 ปีของไทย ขยับขึ้นเป็น 1.41% ใกล้เคียงกับดอกเบี้ย
นโยบายที่ 1.5%
ดังนั้นนโยบายการคลัง-การเงินเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยถูกจังหวะ แม้อาจมีการเก็บกระสุนจาก กนง.ต่อการลดดอกเบี้ยรอบนี้ อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยฯมองว่าการประชุม 2 ครั้งที่เหลือของปี(วันนี้ และ ธ.ค.68) ต้องเห็นการลดดอกเบี้ยสัก 1 ครั้ง 0.25% อยู่ดี จึงถือเป็นจังหวะสะสม SET ในยามปัจจัยบวกเริ่มเข้ามา
SYNAPSE STRATEGY
หาหุ้นกำไรงวด 3Q68 ดี น่าทยอยสะสม
ช่วง 1 - 7 ต.ค. ตลาดหุ้นเผชิญเรื่อง 2G คือ GOLDEN WEEK ตลาดหุ้นจีนหยุดช่วงสัปดาห์แรกของเดือน ต.ค.และ GOVERNMENT SHUTDOWN กดดันหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ประเด็นหนุนนำให้สภาพคล่อง และ FUND FLOWไหลเข้าตลาดหุ้นแถบเอเชียเหนือเป็นหลัก อย่างตลาดหุ้นไต้หวันถูกต่างชาติซื้อสุทธิ 2.0 พันล้านเหรียญ (MTD),ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ 2.8 พันล้านเหรียญ และไทยถูกซื้อสุทธิเล็กน้อย 16 ล้านเหรียญ รวมถึงหุ้นเทคโนโลยีในเอเชียเป็นหลัก
กลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะนำทยอยสะสมหุ้นมีแน้วโน้มกำไร 3Q68 เติบโตเด่น อาทิ TRUE, MAJOR, BGRIM,TKN, ADVANC, KTB, MTC, PR9, BH, PLANB, DELTA, CKP ส่วน DR แนะนำ TAIWAN19
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์