คาด SET Index แกว่งตัว Sideways to sideways down: แรงกดดันคาดมาจากความผิดหวังในระยะสั้น จากการประชุมกนง.ในวันนี้ ประกอบกับมีแรงกดดันจากความน่าดึงดูดของทองคำ หากแต่มองทางลงจำกัด โดยคาดแรงพยุงมาจากโครงการคนละครึ่งพลัสที่ได้รับการเห็นชอบจากครม.เมื่อวานนี้
แนวรับ-ต้าน
1,295 –1,310
กลยุทธ์การลงทุน
1) มาตรการภาครัฐ: BJC, CPALL, CPAXT,DOHOME, GLOBAL, ICHI, KTB, TKS, TNP
2) Golden week:ADVANC, CENTEL, ERW, MINT
3) เก็งงบ 3Q68: BH, DELTA, KBANK, KKP,HANA, KCE, SCB, PRM, PSL, STECON, TTA
4) พลังงาน: PTTEP, SPRC, TOP
กนง.อาจไม่รีบ แต่คงไม่ใจร้ายจนเกินไป
คาดกนง.คงดอกเบี้ย แต่ไม่ส่งสัญญาณ Hawkish: ติดตามการประชุมกนง.ในวนั นี้ซึ่งเราคาดว่า กนง.จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% เนื่องจากมองว่าคณะกรรมการฯมีแนวโน้มรอติดตามข้อมูลพัฒนาการทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงการส่งผ่านของนโยบายการเงนิ หลังได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลงไปในการประชุมครั้งก่อน
หน้า ประกอบกับเพื่อเป็นการรักษา Policy space ไว้ อย่างไรก็ดี เรามองว่ากนง.คงไม่ได้ส่งสัญญาณในเชิง Hawkish นัก กล่าวคืออาจเห็นการส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ในการลดอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป สอดรับกับภาพเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ส่วนการตอบรับของ SET Index เรามองมีโอกาสเห็นการตอบรับเชิงลบในระยะสั้นท่ามกลางความผิดหวัง ของนักลงทุน หลังตลาดคาดเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง สะท้อนจาก Survey ของ Bloomberg ที่คาดว่ากนง.จะปรับลดลง 0.25% สู่ระดับ 1.25% ในการประชุมข้างต้น
ทองคำทำสถิติใหม่ ทะลุ $4 พัน: นอกจากนี้ คาด SET Index จะถูกกดดันจากความน่าดึงดูดใจของสินทรัพย์ปลอดภัย สอดรับกับราคาทองคำ COMEX ที่ปรับตัวขึ้น 0.71% ปิดที่ $4,004.4 ต่อออนซ์ซ่ึงนับเป็นครัง้ แรกที่ปิดเหนือระดับ $4 พัน ท่ามกลางความหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด แม้คณะกรรมเฟดยังมีมุมมองที่
แตกต่างกัน โดยคุณสตีเฟ่น มิแรน เผยว่าเขาต้องการใหอัตราดอกเบี้ยกลับสู่ระดับที่เป็นกลางเร็วกว่าคณะกรรมเฟดคนอื่นๆ พร้อมเสริมว่าความเข้มงวดเพิ่มเติมของนโยบายการเงินอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในอนาคต แตกต่างจากคุณเจฟฟรีย์ ชมิด ซึ่งให้ความสำคัญกับภาวะเงินเฟ้อ พร้อมระบุว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันเป็นจุดที่เหมาะสมแล้ว
ครม.ไฟเขียวคนละคร่งึพลัส: มองทางลงจำกัด โดยคาด SET Indexจะได้แรงพยุงจากมาตรการภาครัฐ หลังเมื่อวานนี้ที่ประชุมครม.เห็นชอบให้ดำเนินโครงการคนละครึ่งพลัส ซ่ึงจะเริ่มใช้ได้ในวันที่ 29ต.ค.-31 ธ.ค.68 โดยแหล่งเงินงบประมาณจะใช้จากงบฯกระตุ้นเศรษฐกิจของปี 69 จำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท และงบฯกลางรายจ่ายสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น 1.9 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 4.4หมื่นล้าน นอกจากนี้ ทางเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกายังเผยว่าการใช้งบฯกลางจำนวน 1.9 หมื่นล้านบาท ข้างต้นไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย
ปัจจัยเพิ่มเติม
(+) นอกจากโครงการคนละคร่งึพลัสรฐั บาลจะมีมาตรการอื่นออกเพิ่มอีกทุกสัปดาห์และ Winผลลัพธ์ที่ประชาชนทั่วไปพ่อค้าแม่ค้า และผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีจะได้รับประโยชน์และช่วยให้เกิดการกระจายตัวทางเศรษฐกิจไปทั่วประเทศ
(+) ก.ท่องเที่ยวฯเผยระหว่างวันที่ 29 ก.ย.-5 ต.ค.68 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 604,598 คน เพิ่มขึ้น 16.39% w-w จากการเข้าสู่ Highseason และการมีวันหยุดต่อเนื่องในหลายประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาเป็นอันดับ 1 ที่ 132,021 คน เพิ่มข้ึน 67.02% w-w
(+)World Bank คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2% ในปี 2568 ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นประมาณการจากเดิมในเดือนก.ค.68 ที่มองว่าจะโตได้เพียง 1.8%
(-) กรมธุรกิจพลังงานเผยภาพรวมการใช้น้ามันเชื้อเพลิงในช่วง 8M68 มีปริมาณอยู่ที่ 155.23 ล้านลิตร/วัน ลดลง 0.5% y-y โดย NGV มีปริมาณการใช้ลดลงสูงสุดที่ 16% ตามด้วย LPGลดลง 5% และน้ามันดีเซลหมุนเร็วลดลง 2.2%
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธรีดา ชาญยิ่งยงค์- นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชนพัฒน์ สุวิยานนท์ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์