วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway ออกข้าง เนื่องจากตลาดตอบรับข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไปแล้ว ขณะที่มีแรงซื้อนำโดยหุ้น DELTA ซึ่งหนุนดัชนีราว 5 จุด ตามด้วยแรงซื้อในหุ้น AOT เป็นปัจจัยหนุนดัชนี อย่างไรก็ตาม มีแรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มอสังหาฯ และพลังงาน เป็นปัจจัยกดดันดัชนีส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,293.61 จุด +5.32 จุด +0.41% มูลค่าการซื้อขาย 35,659.08 ลบ.(ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี+14.87 จุด +1.16%) Program Trading -1,504.17 ลบ. ต่างชาติ-623.50 ลบ.TFEX +18,419 สัญญา ตราสารหนี้+1,974.22 ลบ.

ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 238.56 จุด หรือ +0.51% ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกทำสถิติสูงสุดใหม่หลังการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้การปิดทำการหรือการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่สาม
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ -0.66% ปิดที่ 60.88 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ตลอดทั้งสัปดาห์ร่วงลง 8.1% หลังมีข่าวความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปกพลัสจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน และล่าสุดกลุ่มโอเปกพลัสมีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. โดยมีเป้าหมายเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดกลับคืนมา
+ FedWatch ของ CME Group นักลงทุนมองว่า การปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนต.ค.ของ FED แทบจะเป็นสิ่งที่แน่นอนแล้ว และยังให้น้ำหนัก 84% ว่าจะมีการปรับลดเพิ่มเติมอีกในเดือนธ.ค.
+ ซานาเอะ ทาคาอิจิ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งปูทางสู่การขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น โดยทาคาอิจิเป็นที่รู้จักในฐานะนักการเมืองที่สนับสนุนการดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินและการคลัง
+ ตลท. สรุปมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-3 ตุลาคม 2568 แยกเป็นสถาบันในประเทศขายสุทธิ 6,053.34 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 19,505.60 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 95,652.00 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 121,210.94 ล้านบาท
+ คาดมาตรการ “คนละครึ่งพลัส” จะเข้าที่การพิจารณาของที่ประชุมครม.ในวันพรุ่งนี้ (7 ต.ค.)

ปัจจัยลบ
-สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียยิงมิสไซล์และส่งโดรนจำนวนหลายร้อยลำเข้าโจมตีหลายจุดเมื่อช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา ขณะที่ “ปูติน”ผู้น ารัสเซียขู่สัมพันธ์รัสเซีย-สหรัฐฯ พังทลายแน่ หากวอชิงตันส่ง 'ขีปนาวุธโทมาฮอว์ก' ให้ยูเครน
- รัฐบาลสหรัฐฯ จะเริ่มปลดพนักงานรัฐบาลกลางจำนวนมาก หากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เห็นว่าการเจรจากับพรรคเดโมแครตในสภาเพื่อหาทางยุติภาวะชัตดาวน์นั้นไปต่อไม่ได้
- รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ประจำเดือนก.ย. ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันศุกร์นั้นไม่ได้ถูกประกาศออกมา เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล
-รัฐบาลสหรัฐฯ จะยังคงปิดทำการหรือชัตดาวน์ต่อหลังวุฒิสมาชิกลงมติในวันศุกร์ (3 ต.ค.) เป็นครั้งที่ 4 ปฏิเสธแผนแก้ไขงบประมาณชั่วคราวที่เสนอโดยพรรครีพับลิกันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีความขัดแย้งอยู่ที่ข้อเรียกร้องของพรรคเดโมแครตให้ขยายระยะเวลาสิทธิ์การช่วยเหลือด้านเฮลท์แคร์ซึ่งกำลังจะหมดอายุ ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับประชากรกลุ่มรายได้น้อยหลายล้านคนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้างโดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนยังจับตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเข้า ครม. ในสัปดาห์นี้คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,285-1,300 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : MTC SAWAD TIDLOR THANI NCAP SAK
- ปลดล็อกขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารช่วง 14.00-17.00 น. : CBG MENA BJC CPALL CPAXT TNP KK MOTHER
- โครงการคนละครึ่งพลัส : CPALL BJC CPAXT CBG OSP SAPPE TNP MOTHER