วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังสหรัฐเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนปรับตัวลงต่ำกว่าคาดการณ์ มีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่ม Big-Cap อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ ขนส่ง พลังงาน และไอซีทีส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,288.29 จุด +13.26 จุด +1.04% มูลค่าการซื้อขาย 35,286.71 ลบ.Program Trading -1,291.95 ลบ. ต่างชาติ-178.44 ลบ. TFEX -806 สัญญา ตราสารหนี้+334.84 ลบ.

ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 78.62 จุด หรือ +0.17% โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลตลาดแรงงานจากภาคเอกชนอย่างระมัดระวัง ในช่วงเวลาที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯถูกปิดดำเนินการ หรือชัตดาวน์ เป็นวันที่สอง
+ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.9% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 28-29 ต.ค.
+ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า การระงับซื้อถั่วเหลืองสหรัฐฯ ของจีน จะเป็นประเด็นสำคัญที่สุดในการหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในการพบกันภายในราวหนึ่งเดือนข้างหน้า
+ ธอส. เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศที่ประกาศขายใน 2Q68 มีจ่านวน 189,382 หน่วย เพิ่มขึ้น 34.6%YoY และมีมูลค่า 758,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6%YoY และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน พบว่าจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 4.7%QoQ และมูลค่าเพิ่มขึ้น 26.4%QoQ
+นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงแผนแก้หนี้ภาคประชาชนรายละไม่เกิน 1 แสนบาทว่าจะมีการใช้งบประมาณจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2.6 หมื่นล้านบาทซึ่งเป็นวงเงินที่เหลืออยู่จากโครงการคุณสู้เราช่วย น่ามาใช้เป็นทุนบริหารให้กับลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียหรือค้างชำระเกิน 90 วัน มีมูลหนี้ไม่เกินรายละ 1 แสนบาท

ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 1.30 ดอลลาร์ หรือ -2.1% ปิดที่ 60.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 4 หลังมีการคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกพลัส จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกในเดือนพ.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เลื่อนการรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ออกไปจากกำหนดการเดิมในวันนี้ (3 ต.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ชัตดาวน์
- สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
- กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ส่งจดหมายถึงสภาคองเกรสเพื่อแจ้งว่าแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนได้เจาะเข้าระบบรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ของกระทรวงการคลังในเดือนนี้ และได้ทำการจารกรรมเอกสารของกระทรวง ซึ่งถือว่ามีความร้ายแรง
- ก.พาณิชย์ เผยดัชนีราคาผู้ผลิตไทย เดือน ก.ย.68 หดตัวตามอุปทานส่วนเกินในตลาดที่สูงขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่า พร้อมประเมินแนวโน้มไตรมาส 4 ยังหดตัวต่อเนื่อง จากการแข่งขันที่ยังรุนแรงและบาทแข็งค่าต่อเนื่อง

แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่หนุนตลาด นักลงทุนยังจับตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเข้า ครม. ในสัปดาห์หน้า ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงยังกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,280-1,295 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : MTC SAWAD TIDLOR THANI NCAP SAK
- ปลดล็อกขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารช่วง 14.00-17.00 น. : CBG MENA BJC CPALL CPAXT TNP KK MOTHER
- โครงการคนละครึ่งพลัส : CPALL BJC CPAXT CBG OSP SAPPE TNP MOTHER