ภาพตลาดและแนวโน้ม Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ Cross Asset Strategy Part 2

สรุปเนื้อหา Data Spotlight จากรายงาน Cross Asset Strategy

รายงานดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าวงจรการผลิตโลกกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ หลังจากเผชิญภาวะชะลอตัวอย่างยาวนานตั้งแต่กลางปี 2022 เป็นเวลากว่า 3 ปี ซึ่งเป็นรอบที่ยืดเยื้อที่สุดนับตั้งแต่ปี 1998 และใกล้เคียงกับช่วงก่อนวิกฤติการเงินโลกปี 2006-2008

สัญญาณฟื้นตัวที่สำคัญที่สุดมาจากดัชนี New Orders ซึ่งถือเป็นตัวชี้นำที่แม่นยำสำหรับวัฏจักรการผลิต โดยเดือนสิงหาคม 2025 พบว่าสหรัฐฯ มี Manufacturing PMI ฟื้นตัวสู่ระดับสูงสุดตั้งแต่พฤษภาคม 2022 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากคำสั่งซื้อภายในประเทศที่ขยายตัวอย่างชัดเจน ขณะที่ยุโรปและจีนก็แสดงสัญญาณสอดคล้องกัน ยูโรโซนมี PMI กลับมาอยู่ที่ 50.7 เป็น ครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี ส่วนจีนขยับขึ้นสู่ 50.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน

จากข้อมูลในอดีต New Orders มักนำหน้าการฟื้นตัวของภาคการผลิตจริงประมาณ 3-6 เดือน ดังนั้น หากแนวโน้มปัจจุบันยังคงต่อเนื่อง ภาคอุตสาหกรรมโลกมีโอกาสเข้าสู่ระยะเริ่มต้นของการฟื้นตัวตั้งแต่ปลายไตรมาส 1 หรือต้นไตรมาส 2 ของปี 2026

การฟื้นตัวของ New Orders ในสามเศรษฐกิจหลักพร้อมกัน ถือเป็นแรงส่งสำคัญที่จะกระตุ้นการค้าโลกในปีหน้า และช่วยหนุนบรรยากาศเชิงบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดเกิดใหม่อย่างไทยที่มีบทบาทเป็นฐานการผลิตสำคัญ นักลงทุนจึงควรเฝ้าติดตามทิศทางของดัชนีนี้อย่างใกล้ชิด ว่าจะสามารถรักษาโมเมนตัมการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ เพื่อใช้เป็นจังหวะในการจัดพอร์ตลงทุนในหุ้นวัฏจักร

สรุปภาพตลาดวานนี้
หุ้นไทยประคองตัว โดย DELTA-AOT ร่วมกันดันตลาดไว้ 10 จุด สู้กับแรงขายของกลุ่มใหญ่อื่นอย่าง PTT GULF CPN KBANK PTTEP BBL CRC SCC ฯลฯ

แนวโน้มตลาดวันนี้
...ประคองบรรยากาศลงทุน
กลยุทธ์คาดแนวรับระยะสัปดาห์ของตลาดหุ้นไทย 1270 จุด หากยังไม่หลุด จะช่วยสร้างบรรยากาศลงทุนหุ้นไทยให้ดูดีได้ต่อเนื่อง โดยขอติดตามดูแรงขายในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ หากไม่มีแรงขายทำกำไรที่เพิ่มขึ้น เราคาดว่าการย่อลงมารอบนี้จะเป็นโอกาสในการซื้อสะสม แต่ถ้าออกมาด้านตรงข้าม เราจะเริ่มลดพอร์ตและมารอรับล่าง…
โดยประเด็นที่น่าสนใจของตลาดในช่วงนี้ จะพบว่าราคาหุ้นซึ่งมีความถูกเป็นทุนเดิม แม้จะเผชิญกับข่าวลบ แต่ราคาหุ้นกลับไม่ค่อยลง เช่น กังวลเรื่องแนวทางการกำหนดค่ายา รพ. ให้ถูกลง แต่ราคาหุ้น รพ.ไม่ปรับฐานลงแรง, ข่าวรัฐบาลสหรัฐฯ หยุดงานเพราะ ขาดงบประมาณ (US Government shutdown) แต่ราคาหุ้น และราคาสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ได้ตอบรับ เป็นต้น

ดังนั้น ถ้าเรามาถูกทาง คือไม่หลุดจุดแนวรับ จิตวิทยาสำคัญ เราจะหาจังหวะเข้าเก็บหุ้นตามประเด็นลงทุนที่เรา แนะนำสำหรับรอบนี้
1) หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หลังบาทเริ่มกลับมาทรงตัวอ่อนค่า เราแนะนำ หุ้นท่องเที่ยว AOT โรงแรม ส่งออก และหุ้นสินค้าอุปโภคบริโภค
2) หุ้นรับนโยบายรัฐบาลอนุทิน เช่น คนละครึ่งพลัส OSP ICHI CBG CPAXT, เงินกู้ฉุกเฉิน, มาตรการสนับสนุนตลาดหุ้นไทย, WHAUP GUNKUL
3) ประเด็นรายตัว ความคืบหน้าโครงการส่งตัวผู้ป่วยคูเวตมารักษาที่ รพ.ไทย BH, หุ้นเชื่อมโยงราคาพลังงาน โรงกลั่น และปิโตรเคมี ที่เล่นสอดรับกับทิศทางราคาพลังงานตลาดโลก PTTEP PTTGC TOP SCGP IVL เป็นต้น

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้-สะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลงมาตามแนวรับ เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ เพิ่มการเล่นหุ้นตามกระแสการเก็งกำไร

วิเคราะห์ทางเทคนิค
“The final stage of 2025” ดัชนีกำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายไตรมาส 4/25 อย่างไรก็ตามภาพระยะสั้นดูผันผวน มีสลับขึ้นลง ล่าสุด test จุดวัดใจเส้น EMA 25 วัน 1,275 จุด มองได้ 2 ทาง 1. ดีดกลับทันที จะส่งผลให้ดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นทดสอบแนวต้านเดิม 1,290- 1,300 จุด 2.หากหลุดเส้น EMA จะถอยลงเข้าหาแนวรับถัดไป EMA 200 วันซึ่งตรงกับตำแหน่ง Fibonacci retracement 23.6% ที่ 1,250 จุด หรือหากมองในมุมการนับคลื่นคาดว่าจะอยู่ในคลื่นปรับฐาน Corrective wave “C” และน้ำหนักโอกาสเกิดมากที่สุดจะอยู่ที่เงื่อนไข 2
สรุป: ภาพระยะสั้น1-3 วันข้างหน้าจะมีความเสี่ยงของความผันผวนหรือมีโอกาสการปรับฐานย่อย อาจต้องรอให้จบคลื่นขาลง คาดว่าดัชนีจะม้วนตัวกลับขึ้นไปใหม่ เป้าหมายปักธงไว้ที่ 1,330 จุด (เหมือนเดิม) กรณี “bull case” มองไปถึง 1,400 จุด หากดัชนีย่อใกล้ๆ แนวรับ แนะเป็นจังหวะช้อนซื้อครับ
ไฮไลท์หุ้น: แผนแก้มือ...เมื่อ “PTTGC” close gap!/ “GULF” หลังพิงเชือก ต้องปิดเขียวให้ได้/ CPAXT ยังชอบ…มีอยู่ถือต่อ / KTC วางแผนซื้อสวน/ BH สุ่มเสี่ยงหลุดเส้น EMA 200….

What to watch
ธปท. กล่าวถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนของรัฐบาล ที่เตรียมจะทำโครงการ "คนละครึ่งพลัส" และเติมเงินเพิ่มในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้งบประมาณ รวมกว่า 66,000 ล้านบาทว่า หากพิจารณาในส่วนของเม็ดเงินดังกล่าว ซึ่งคิดเป็นมูลค่าราว 0.4% ของ nominal GDP ก็อาจจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ทั้งหมด เนื่องจากมาตรการดังกล่าวถือเป็นเงินโอน ที่ช่วยในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน แต่ไม่ได้ช่วยในเรื่องการสร้างงานเพิ่มขึ้น
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวม 2 โครงการ โดยเฉพาะ "คนละครึ่ง" คาดว่าจะมีผลต่อ GDP ประมาณครึ่งหนึ่งของ 0.4% หรือราว 0.2% ของ GDP
กล่าวถึงกรณีมีการปรับ Outlook ของธนาคารพาณิชย์บางแห่งว่า เป็นการปรับตาม Outlook ของประเทศ ซึ่งธนาคารที่ถูกปรับ Outlook จะเป็นธนาคารที่มีความเชื่อมโยงกับภาครัฐมากกว่าแห่งอื่น จึงทำให้มีการปรับที่สอดคล้องกับ Outlook ของประเทศ อย่างไรก็ดี หากพิจารณาฐานะของธนาคาร และการดำเนินงาน ถือว่ายังอยู่ในระดับที่เป็นปกติ
ครม. ออกแนวทางคนละครึ่ง พลัส ชัดเจนแล้ว คาดกระจายให้สิทธิราว 33 ล้านราย โดยงบปี 2568 + 2569
ดัชนี ISM ภาคผลิตสหรัฐ เริ่มฟื้นตัว จาก 48.7 เป็น 49.2

หุ้นแนะนำวันนี้
AOT วันนี้ BLS Research ออกรายงาน Upgrade และเป็นหุ้นแนะนำ Idea call รอบนี้
แนวรับ 41 ต้าน 42.25 Stop loss 40

รายงานพื้นฐานวันนี้

AOT (idea)
ท่าอากาศยานไทย
PSC คือ game changer
เราปรับคำแนะนำ AOT ขึ้นเป็น “ซื้อ” พร้อมราคาเป้าหมายใหม่ที่ 47 บาท หลังจากนโยบายที่ริเริ่มโดย ท่านรักษาการ President และขณะนี้ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเป็น President คนใหม่ ซึ่งทำให้ทิศทางกลยุทธ์ของ AOT มีความชัดเจนมากขึ้น
1) เป็นผู้ขับเคลื่อนการปรับขึ้นค่า PSC ให้เกิดได้จริง โดยคาดว่าจะได้รับพิจารณาจากกรมการบินพลเรือนภายใน 1–2 เดือนนี้ และจะมีผลหลังประกาศ 4 เดือน ดังนั้น เราคาดว่าจะเริ่มมีผลเดือนเมษายน 2026 ค่า PSC ผู้โดยสารระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้น 200 บาท และในประเทศเพิ่มขึ้น 100 บาท เราประเมินว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ปี 2026 ประมาณ 6.5 พันล้านบาท หรือโต 24% และในปี 2027 จะเห็นผลเต็มปี รายได้ PSC จะขยายตัวได้อีกกว่า 21%
2) แนวทางปรับโครงสร้างรายได้ กลับมาเน้นธุรกิจการบินอย่างชัดเจน จากเดิมสัดส่วน Aero: Non-Aero ที่ 54:46 ในปี 2024 คาดจะเป็น 61:39 ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป แม้จะพึ่งพา Aero มากขึ้น แต่เพราะ PSC มีผลเชิง Leverage ต่อกำไรสูง เราคาดว่า ROE และ Net Margin จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และไปกลบรายได้ที่หายไปจาก Duty free ทำให้กำไรกลับไปแตะระดับก่อนโควิดในปี 2027
3) ถัดไปนโยบายสำคัญ คือ Smart Investment ที่ปรับทบทวนแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับภาพการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป ลดความเสี่ยงการลงทุนเกินจำเป็น โดยเราคาดเลื่อนปีที่มีการลงทุนก้อนใหญ่ไปอยู่ช่วง 2028–29 แต่ยังคง Capex รวมปี 2025–29 ที่ 8.6 หมื่นล้านบาท โดยโครงการหลักครอบคลุม สุวรรณภูมิ East Terminal, ดอนเมือง, ภูเก็ต และเชียงใหม่
โดยรวม การมาของ President คนใหม่ ทำให้กลยุทธ์ของ AOT ชัดเจนขึ้น โดยมี PSC ขาขึ้น และ Smart Investment เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก หนุนให้กำไรฟื้นกลับสู่ระดับ 2019 ได้ภายในปี 2027

TRUE
ทรู คอร์ปอเรชั่น
Overhang คลี่คลาย และกำไรเร่งตัว 2H25
ศาลปกครองกลางยกฟ้องคดี TRUE–DTAC ทำให้ความเสี่ยงทางกฎหมายลดลง แม้ผู้บริโภคยังอุทธรณ์ได้ แต่การควบรวมเสร็จสมบูรณ์แล้ว ไม่คาดว่ามีผลกระทบเพิ่มเติม
คาดกำไรหลัก 3Q25 ที่ 4.9 พันล้านบาท (+67% YoY, +16% QoQ) จากต้นทุนเครือข่ายลดลงตามค่าไฟฟ้าและการย้ายคลื่นจากเช่าเป็นคลื่นที่ซื้อเอง แม้มีค่าใช้จ่ายพิเศษ 2.1 พันล้านบาท กำไรสุทธิยังพลิกบวกที่ 2.7 พันล้านบาท (+35% QoQ)
แนวโน้ม 4Q25 คาดกำไรหลักและสุทธิ 5.1 พันล้านบาท (+52% YoY, +6% QoQ) หนุนจาก iPhone 17, seasonality และไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเพิ่มเติม
เราปรับประมาณการกำไรหลักปี 2025 ขึ้น 11% เป็น 1.85 หมื่นล้านบาท (+102% YoY) และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเล็กน้อยจาก 14.00 บาท เป็น 14.30 บาท
Fundamental view: Overhang ด้านกฎหมายสิ้นสุด หนุน Sentiment ขาขึ้นต่อเนื่องใน 2H25 โดยมี Catalyst จาก iPhone 17 และ cost saving ชัดเจน คงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน