Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

88

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 26 ก.ย.68 ปิด -9.52 จุด อยู่ที่ 1,278.74 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,245 ลบ. ต่างชาติขาย 914 ลบ.สถาบันซื้อ 153 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 307 ลบ. และรายย่อยซื้อ 453 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,556 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น PTT,GPSC,TU,PTTGC,CPF และยอดขายหุ้น DELTA,KBANK,ADVANC,SCC,CPN มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,167 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ AEONTS,SCC,MEGA โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 4,682 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 27,390 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 953 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.65%, S&P500 +0.59%, Nasdaq +0.44% นำโดยกลุ่มสาธารณูปโภค +1.59%, สินค้าฟุ่มเฟือย +1.45% ได้ปัจจัยหนุนข้อมูล US PCE ส.ค. +2.7% YoY เป็นไปตามคาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนคาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.78% ได้แรงหนุนจากกลุ่มประกันภัยยุโรป +2.1%, ก่อสร้าง & วัสดุ +1.1% และ Arcelor Mittal ผู้ผลิตเหล็กอันดับ 2 ของโลก +2.6%
  • Market View
  • DJIA -0.2%, S&P500 -0.3%, Nasdaq -0.7% WoW หลัง ก.พาณิชย์สหรัฐรายงาน US GDP Q2/68 +3.8% สูงกว่าครั้งที่ 2 ที่ +3.3% QoQ กอปรกับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงอยู่ที่ 218,000 & คาด 235,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐยังขยายตัวได้ดี ขณะที่รายงาน US PCE ส.ค. +7% YoY และ Core PCE ส.ค. +2.9% YoY เป็นไปตามคาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนยังคาดเฟดมีโอกาส 88% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 29 ต.ค. แต่ดัชนีหุ้นสหรัฐถูกกดดัน หลัง ปธ.ทรัมป์เตรียมเก็บภาษีนำเข้ารายอุตสาหกรรม เช่น ยาที่มีแบรนด์ 100%, รถบรรทุก 25%, เครื่องครัว & อุปกรณ์ห้องน้ำ 50% และเฟอร์เจอร์เบาะ 30% ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 ต.ค. กอปรกับมีโอกาสเกิดภาวะ Government Shut Down หากงบประมาณรายจ่ายไม่ผ่านรัฐสภาในช่วงปลายเดือนนี้ สัปดาห์นี้วันพุธติดตาม ADP ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ก.ย., วันศุกร์ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ย.คาด 55,000 & ส.ค. 22,000 ราย
  • Stoxx600 ยุโรป +0.07% WoW นำโดยดัชนีหุ้นโปรตุเกส +3.2%, ดัชนีหุ้นกรีซ +0.9% WoW หลังภาวะเศรษฐกิจในประเทศปรับดีขึ้น ส่งผลบวกไปยังฐานะการคลังของประเทศด้วย โดยได้แรงหนุนจากกลุ่มไฟแนนท์, ประกันภัยยุโรป, และทรัพยากรพื้นฐานที่ปรับขึ้นตามราคาทองแดง ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตยา & ผู้ผลิตรถบรรทุกปรับลดลง หลัง ปธน.ทรัมป์เตรียมปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มเหล่านี้ สัปดาห์นี้วันพุธติดตาม PMI ภาคผลิต & บริการยูโรโซน ก.ย. และ CPI ยูโรโซน ก.ย. คาด 2.2% & ส.ค. 2.0% YoY
  • MSCI Asia Pacific X Japan -1.6% WoW โดยดัชนีฮั่งเส็ง -1.6%, Kospi เกาหลีใต้ -1.7% WoW จากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี & AI หลังภาวะเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวดีกว่าคาด อาจส่งผลให้เฟดชะลอการลดดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.2% WoW ทรงตัวรอผลการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนใน ต.ค. เพื่อวางเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนในช่วง 5 ปีข้างหน้า ส่วนดัชนีนิเกอิ +0.7% WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มส่งออก หลังค่าเงินเยนอ่อนค่าลง กอปรข้อมูล Tokyo Core CPI ก.ย. +2.5% & คาด +2.8% YoY ดังนั้น BOJ อาจจะคงดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 30 ก.ย. สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นจีนเริ่มเปิดในช่วง Golden Week 1 – 8 ต.ค.
  • SET -1.08% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 6 หมื่น ลบ. -18.7% WoW ต่างชาติขาย 1,350 ลบ. สถาบันขาย 4,031 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 892 ลบ. และรายย่อยซื้อ 6,273 ลบ. WoW โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงชายกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง -5.3% WoW หลังเกิดเหตุแผ่นดินยุบบริเวณหน้า รพ.วชิระ ส่งผลลบต่อหุ้น CK,STECON ส่วนกลุ่มอิเล็ก ฯ -2.2% WoW จากแรงขาย DELTA ที่จะถูกปรับลดน้ำหนักในช่วงการรีบาลานท์ SET 50 ช่วงต้น ต.ค. ขณะที่ Fitch Rating คงเครดิตไทยที่ BBB+ แต่ปรับ Outlook จาก Stable ลงสู่ Negative สาเหตุจากหนี้สาธารณะที่แนวโน้มสูงขึ้น แต่ดัชนียังได้แรงหนุนจากกลุ่ม Domestic Play เช่น ค้าปลีก, ไฟแนนท์ ที่คาดจะได้ประโยชน์จาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick Win เช่น โครงการคนละครึ่งพลัสที่คาดจะเริ่มเบิกจ่ายได้ในช่วงปลาย ต.ค., ม.ลดค่าครองชีพๆ เช่น ค่าโดยสารขนส่งสาธารณะ, ค่าไฟฟ้า ส่วนการหารือระหว่างนายก ฯ กับ Fetco นั้นได้รับข้อเสนอเกี่ยวกับ ม.ยกเว้นภาษีเงินปันผลที่ลงทุนระยะยาว, การให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีกองทุน Thai ESG แบบถาวร ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาล      

    Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,260 - 1,270 แนวต้าน 1,290 - 1,300 คาดดัชนีได้แรงหนุนจากการทยอยออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง ต.ค. กอปร กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 8 ต.ค. แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีกอุปโภค CPALL,CPAXT,BJC,TNP,ICHI,COCOCO/ ไฟแนนท์ SAWAD,MTC,TIDLOR,KTC,TISCO คาดได้จะประโยชน์จาก ม.กระตุ้นกำลังซื้อ / เก็งกำไร TEAMG,COM7,ADVICE มีสัญญาณบวกทางเทคนิค
  • DITTO* (IAA Consensus 14.00 บาท), TEAMG* (IAA Consensus N.A.) มีประเด็นเก็งกำไรจากการแถลงนโยบายของรัฐบาลอนุทินเรื่องผลักดันการจัดตั้งตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ได้มาตรฐานสากล โดย DITTO มีโครงการโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อใช้ประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต และมีแผนการระดมทุนโดยการออกโทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงกับโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อนำคาร์บอนเครดิตออกจำหน่าย ขณะที่ TEAMG ได้รับใบอนุญาตจาก อบก. ให้เป็นผู้ทวนสอบและรับรองก๊าซเรือนกระจก ส่วนในแง่ผลการดำเนินงาน 2H68 DITTO มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง YoY จากงาน DMS/BPO กรมที่ดิน และ Cybersecurity ที่ลงทุนต่อยอดใน GrowPro ส่วนงานรับเหมาวิศวกรรมมีงานใหม่โครงการปรับปรุง Aquarium ภูเก็ต รวม Backlog ณ สิน2Q68 ที่ 2 พันล้านบาท นอกจากนี้การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก NETBAY เพิ่มขึ้นยังเป็นตัวหนุนผลประกอบการ สำหรับ TEAMG นั้นมี Backlog 5.3 ล้านบาทรองรับการเติบโต โดยมีงานใหม่ที่รับมาในช่วง 1H68 เช่น โครงการออกแบบสนามบิน โครงการตรวจวัดโครงสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน รวมถึงได้รับประโยชน์จากการปรับหลักเกณฑ์ราคากลางการจ้างที่ปรึกษาฉบับใหม่สำหรับงบประมาณปี 69 ที่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 14%
  • KCG* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมายBloomberg Consensus 11.00 บาท)กำไรสุทธิ 1H68 อยู่ที่ 221 ลบ. +33%YoY หนุนจากสินค้ากลุ่ม Dairy และกลุ่ม Food and Bakery Ingredient ขณะที่ในส่วนของต้นทุนค่าใช้จ่าย ได้ประโยชน์จาก Solar Roof รวมถึงการเปิดใช้งาน KCG Logistic Park ด้านการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ไตรมาส3 อาจกดดันบ้างตามฤดูกาล แต่จะเข้าสู่ High Season ในไตรมาส4 และมีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิ KCG* ปี68 และ69 จะอยู่ที่ 446 ลบ.(+10%YoY) และ 517 ลบ.(+16%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI พ.ย.+$0.74 อยู่ที่ $65.72 / บาร์เรล, Brent พ.ย. +$0.71 อยู่ที่ $70.13/บาร์เรล หลังรัสเซียสั่งห้ามส่งออกน้ำมันดีเซลบางส่วนจนถึงสิ้นปีนี้ และขยายเวลาห้ามส่งออกน้ำมันเบนซินออกไป ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น หลัง NATO ประกาศจะตอบโต้รัสเซีย หากมีการละเมินน่านฟ้าของประเทศในกลุ่มสมาชิก NATO

 

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+37.90 อยู่ที่ $3,809.0 /ออนซ์  ปรับขึ้น +2.5% WoW หลังรายงาน US PCE ส.ค. +2.7% YoY ไปเป็นตามคาดการณ์ ส่งผลให้เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุม ต.ค.

 

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ซื้อสุทธิ +375.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -42.78 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +306.74 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +111.13 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าอยู่ที่ 32.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.166 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -7 อยู่ที่ 2,259

(+) BitCoin เช้านี้ +2.41% อยู่ที่ 112,260 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

30 ก.ย.     ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

 

ต่างประเทศ

30 ก.ย.     CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ก.ย.)

                US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี  (ก.ย.)

                US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS ( ส.ค.)

01 ต.ค.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ก.ย.) 

                US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิค (ก.ย.) 

                US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(ก.ย.)

                US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

02 ต.ค.     US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

03 ต.ค.     US อัตราการว่างงาน (ก.ย.)

US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (ก.ย.)

US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (ก.ย.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ก.ย.)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง,  Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง    

 

(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*

 

(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*

 

(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*

 

(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*

 

(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*

 

(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio September 2025: SEAFCO*, CPN*, PTTGC*, GULF*, CBG*

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999 Ext  2201

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้