Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

80

 

เม็ดเงินมีแนวโน้มเข้าตลาด EMERGING มากขึ้น


HORIZON MARKET VIEW
• ศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลกพลิกกลับมา REBOUND โดยในฝั่งสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นราว 0.6% - 0.97% ส่วนในฝั่งยุโรปดีดตัวราว 0.6% - 0.97% หลังสหรัฐฯเผยดัชนี PCE เดือน ส.ค. 68 ขยายตัว +2.7%YOY ตามคาด ขณะที่ดัชนี COREPCE ทรงตัวอยู่ที่ 2.9%YOY สะท้อนเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังอยู่ภายใต้การควบคุม ถือเป็นแรงหนุนให้ FED เดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ต่อ
• สำหรับประเด็นความเสี่ยงต้องจับตาในสัปดาห์นี้ คงหนีไม่พ้น “GOVERNMENTSHUTDOWN ในสหรัฐฯ” หากสภาคองเกรสไม่ผ่านกฎหมายงบประมาณหรือกฎหมายชั่วคราว ก่อนเที่ยงคืนวันที่ 30 ก.ย. (เข้าสู่วันที่ 1 ต.ค. 68)
• แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกระแสข่าว “GOVERNMENT SHUTDOWN ในสหรัฐฯ”ดูไม่ได้ร้อนแรงเมื่อเทียบกับอดีต อาจไม่ได้กดดันตลาดหุ้นมากนัก


REGION RADAR
•BLOOMBERG ระบุว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นสหรัฐฯ มี VALUATIONค่อนข้างแพงมาก ผ่านค่าเฉลี่ย PERCENTILE ในด้านต่างๆ โดยทีมวิจัยฯ คาดว่าสภาพคล่องส่วนเกินมีโอกาสโน้มเอียงมาที่ฝั่งตลาดหุ้นEMERGING มากขึ้น
• สอดคล้องกับผลสำรวจจาก FUND MANAGER SURVEY (FMS)ประจำเดือนกันยายน 2025 พบว่า FUND MANAGERS ทั่วโลกมีการปรับ OVERWEIGHT ในตลาดหุ้น EM และเริ่มลดน้ำหนักตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลง

SYNAPSE STRATEGY
•ช่วงสั้นๆ ตลาดหุ้นโลกยังบวกได้จาก ตัวเลข PCE สหรัฐออกมาตามคาด ได้ SENTIMENT ดอกเบี้ยขาลงหนุน แต่ VALUATION ตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐเริ่มตึง จึงมีโอกาสย้ายมาตลาด EM มากขึ้น
• ส่วนตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสผันผวน จากการ ROLLOVERสัญญา FUTURES ที่ต่างชาติ SHORT สุทธิมาตลอดเดือน 5.4 หมื่นสัญญา และการ REBALANCE หุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 ที่เกิน 10%บางตัวจากกองทุน วันนี้แนะนำสะสม PTTEP, ICHI, ITC

THAI FOCUS
•นายกฯร่างนโยบายเสร็จสมบูรณ์ และได้ยื่นให้สภาพิจารณาเพื่ออภิปรายในวันที่ 29-30 ก.ย.68 โดยนโยบายของรัฐบาลมีกรอบ “4เดือน 4 ภารกิจหลัก” ที่มุ่งแก้ 4 ด้าน ได้แก่ ภัยเศรษฐกิจ, ภัยความมั่นคง, ภัยธรรมชาติ, ภัยสังคม เป็นต้น ซึ่งหนึ่งในโครงการที่คนให้ความสนใจ คือ โครงการคนละครึ่ง พลัส 60,000 ล้านบาท
• คาดเปิดให้ลงทะเบียนช่วงกลาง ต.ค.68 และเริ่มใช้จ่ายได้เร็วสุด ปลายต.ค.68-ต้น พ.ย.68 เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกชอบ CPAXT,CPALL, BJC กลุ่มเครื่องดื่ม OSP ICHI CBG


HORIZON MARKET VIEW
อยู่กับความคาดหวังดอกเบี้ยขาลง
ศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลกพลิกกลับมา REBOUND โดยในฝั่งสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นราว 0.6% -0.97% ส่วนในฝั่งยุโรปดีดตัวราว 0.6% - 0.97% หลังสหรัฐฯ เผยดัชนี PCE เดือน ส.ค. 68 ขยายตัว +2.7%YOY ตามคาดขณะที่ดัชนี CORE PCE ทรงตัวอยู่ที่ 2.9%YOY สะท้อนเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังอยู่ภายใต้การควบคุม ถือเป็นแรงหนุนให้FED เดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ต่ออย่างไรก็ดีในช่วงสั้นตลาดหุ้นอาจจะยังมีแรงหนุนจากธีม LIQUIDITY DRIVEN โดยมีสัญญาณจาก FED ชะลอการดึงสภาพคล่องออกจากระบบ (ชะลอการทำ QT) พร้อมกับการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งเหตุการณ์คล้ายคลึงกับช่วงปี 2019 (ม.ค. - ส.ค.) ภาวะดังกล่าวผลักดัชนีS&P500 ปรับตัวสูงขึ้นราว 16.2%(ปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นราว 9.4%YTD)

สำหรับประเด็นความเสี่ยงต้องจับตาในสัปดาห์นี้ คงหนีไม่พ้น “GOVERNMENT SHUTDOWN ในสหรัฐฯ” หากสภาคองเกรสไม่ผ่านกฎหมายงบประมาณหรือกฎหมายชั่วคราว (CONTINUING RESOLUTION: CR) ก่อนเที่ยงคืนวันที่ 30 ก.ย. (เข้าสู่วันที่ 1 ต.ค. 68) รัฐบาลสหรัฐฯ จะเข้าสู่ ภาวะ SHUTDOWN กระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน กรณียืดเยื้อ อาจกระทบการจ้างงานและการใช้จ่าย ซึ่งในอดีตมักสร้างความผันผวนในตลาดหุ้นระยะสั้น

แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกระแสข่าว “GOVERNMENT SHUTDOWN ในสหรัฐฯ” ดูไม่ได้ร้อนแรงเมื่อเทียบกับอดีต บวกกับผลการสำรวจ POLYMARKET เผยความน่าจะเป็นในการเกิด GOVERNMENT SHUTDOWN ในปี 2025 ลดลงมาเหลือ 68% ทำให้ประเด็นความกังวล SHUTDOWN อาจไม่ได้กดดันตลาดหุ้นมากนัก


REGION RADAR
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เข้าสู่ช่วงแพงBLOOMBERG ระบุว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นสหรัฐฯ มี VALUATION ค่อนข้างแพงมาก ผ่านการวัดในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น TRAILING P/E, FORWARD P/E, P/B, EV/EBITDA และอื่นๆ พบว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในตอนนี้อยู่ในPERCENTILE ใกล้ระดับ 100% ซึ่งเป็นค่าสูงสุดในรอบกว่า100 ปี


เปรียบเทียบ เทียบ P/E ตลาดหุ้นทั่วโลก ในแนวกว้าง และลึก
ระดับ P/E ของตลาดหุ้นในฝั่ง DEVELOPED MARKET มี VALUATION แพงกว่าตลาดหุ้นในฝั่ง EMERGINGMARKET อย่างมีนัยสำคัญ โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ มี P/E อยู่ที่ระดับ 26.7 เท่า และราคาซื้อขายเฉลี่ยในช่วง 5 ปีย้อนหลังที่ระดับ (+2.2 SD)ขณะที่ตลาดหุ้นไทยมี P/E อยู่ที่ระดับ 13.7 เท่า และราคาซื้อขายเฉลี่ยในช่วง 5 ปีย้ดอนหลังที่ระดับ (-1.9 SD)

FUND MANAGER SURVEY มีมุมมอง OVERWEIGHT ตลาดหุ้น EM มากขึ้น
ผลสำรวจจาก FUND MANAGER SURVEY (FMS) ประจำเดือนกันยายน 2025 พบว่าFUND MANAGERSทั่วโลกมีการปรับ OVERWEIGHT ในตลาดหุ้น EM, กลุ่มธนาคาร และกลุ่มสื่อสาร เป็นต้น ขณะที่ได้ปรับUNDERWEIGHT ในตลาดหุ้นฝั่ง DM อย่าง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ, ตลาดหุ้นญี่ปุ่น และหุ้นในกลุ่มพลังงาน เป็นต้น

หุ้นกลุ่มสุขภาพเอเชียร่วง หลัง TRUMP เตรียมเก็บภาษีนำเข้ายา 100%
ปธน. ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีนำเข้ายา 100% ได้แก่ ยาแบรนด์ (BRANDED PHARMACEUTICALS) ยาที่มีสิทธิบัตร (PATENTED PHARMACEUTICALS) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 68 เป็นต้นไป ยกเว้นบริษัทที่กำลังก่อสร้างโรงงานผลิตยาในสหรัฐฯ


หุ้นกลุ่มยาในเอเชียร่วงทันทีหลังข่าวประกาศ อาทิ
ออสเตรเลีย : CSL -4.1%, TELIX PHARMA -3.4%, NEUREN PHARMACEUTICALS -3.2%
ญี่ปุ่น : SUMITOMO PHARMA -4.8%, DAIICHI SANKYO -3.5%, TAKEDA -1.1%, ASTELLAS -1.5%,EISAI -1.6%, CHUGAI -2.5%
เกาหลีใต้: SK BIOPHARMACEUTICALS -2.8%, YUHAN -2.2%, SAMSUNG BIOLOGICS -3.9%
นอกจากนี้ ปธน. ทรัมป์ยังได้ภาษีไปยังหลายอุตสาหกรรม ได้แก่รถบรรทุกนำเข้า 25%, ตู้ครัวและอ่างล้างหน้า50%, เฟอร์นิเจอร์หุ้มเบาะ 30% โดยใช้กฎหมาย SECTION 232 ของ TRADE EXPANSION ACT ซึ่งให้อำนาจประธานาธิบดีในการเก็บภาษีโดยไม่ต้องผ่านสภา หากนำเข้าเป็นภัยต่อความมั่นคง (เคยใช้กับการเก็บภาษีรถยนต์ ทองแดง เหล็ก และอลูมิเนียม)

 

TRUMP ลงนามคำสั่งซื้อ TIKTOK สหรัฐฯ มูลค่า $14 พันล้าน
ช่วงเช้าที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ ประกาศลงนามคำสั่งซื้อ TIKTOK สหรัฐฯ มูลค่า 14 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้มีรายงานว่า ORACLE, SILVER LAKE และ MGX จากอาบูดาบีกำลังเจรจาเพื่อเข้าลงทุนในกิจการใหม่นี้แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดเผยว่าพันธมิตรแต่ละรายจะถือหุ้นราว 15% และอาจได้รับสิทธิ์ที่นั่งในคณะกรรมการบริหารอย่างไรก็ดียังมีความไม่แน่นอนจากฝั่งจีน แม้ทรัมป์อ้างว่าได้รับการอนุมัติจากจีน แต่จีนยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ โดยกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุเพียงว่า “ข้อตกลงใด ๆ ต้องเป็นไปตามกฎหมายจีน” ขณะที่สถานทูตจีนยังไม่ตอบรับต่อคำกล่าวของทรัมป์

THAI FOCUS
ปัจจัยในประเทศ ยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังรัฐบาลเตรียมอภิปรายต่อสภา 29 -30 ก.ย.68
หลัง ครม.อนุทิน 1 เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว หลังจากนี้ นายกฯร่างนโยบายเสร็จสมบูรณ์แล้ว และได้ยื่นให้สภาพิจารณาเพื่ออภิปรายในวันที่ 29-30 ก.ย.68 การแบ่งเวลาอภิปรายตั้งเบื้องต้นว่า คณะรัฐมนตรี + พรรคพันธมิตรรัฐบาล ได้รวมกัน 6 ชั่วโมง (ไม่รวมเวลาที่นายกฯ แถลง) ,สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ 3 ชั่วโมง และฝ่ายค้าน ได้ 15 ชั่วโมง ขณะที่หัวนโยบายของรัฐบาลมีกรอบ “4 เดือน 4 ภารกิจหลัก” ที่มุ่งแก้ 4 ด้าน ได้แก่ ภัยเศรษฐกิจ, ภัยความมั่นคง, ภัยธรรมชาติ, ภัยสังคม เป็นต้น ซึ่งหนึ่งในโครงการที่คนให้ความสนใจ คือ โครงการคนละครึ่งพลัส(งบโครงการ60,000 ล้านบาท (คิดเป็น 0.33%ต่อ GDP)) ให้สิทธิ 33 ล้านคน (อายุ 16 ปีขึ้นไป) โดยแบ่งเป็น
3 กลุ่ม ดังนี้


1. ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (13 ล้านคน) รัฐบาลเติมเงินเพิ่ม 1,700 บาท (บัตรสวัสดิการให้เดิม 300 บาท)รวมเป็น 2,000 บาท ใช้ได้ 2 เดือน (พ.ย. –ธ.ค. 68) ตามวงเงินที่มีจริง
2. ผู้ที่ไม่อยู่ในระบบภาษี (9 ล้านคน) รัฐบาลจ่ายให้ คนละ 2,000 บาท (คนละครึ่ง 50:50) ใช้ได้ 2 เดือน (พ.ย. –ธ.ค. 68)จำกัดใช้ไม่เกิน 200 บาท/วัน
3. ผู้ที่อยู่ในระบบภาษี (11 ล้านคน) รัฐบาลจ่ายให้คนละ 2,400 บาท (คนละครึ่ง 50:50) ใช้ได้ 2 เดือน (พ.ย. –ธ.ค.68)จำกัดไม่เกิน 200 บาท/วันโดยคาดเปิดให้ลงทะเบียนช่วงกลาง ต.ค.68 และเริ่มใช้จ่ายได้เร็วสุด ปลายต.ค.68-ต้น พ.ย.68 ประเมินความชัดเจนดังกล่าว เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกชอบ CPAXT, CPALL, BJC กลุ่มเครื่องดื่ม OSP ICHI CBG เป็นต้น

ส่วนอีก 1 กระบวนการของรัฐบาลชุดนี้ที่ตั้งใจจะยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังจากแถลงนโยบาย ซึ่งสถิติในอดีตบ่งชี้ว่าก่อนจะเกิดการยุบสภา 4 เดือนในช่วงของ 4 ยุครัฐบาล ได้แก่ นายกทักษิณ(2006) นายกอภิสิทธ์(2011) นายกยิ่งลักษณ์(2013) นายกประยุทธ์(2023) SET INDEX ปรับขึ้นเฉลี่ย 6.5% ซึ่งหวังว่าในช่วง 4 เดือนก่อนจะยุบสภาในครั้งนี้SET น่าจะทยอยปรับขึ้นต่อได้ส่วนผลตอบแทนเฉลี่ยของหุ้นรายตัวที่ปรับขึ้นได้ดีกว่า SET ในอดีต คือBH CPN CENTEL BDMS MINT KTB AOT AMATA เป็นต้น

SYNAPSE STRATEGY
ตลาดหุ้นไทยอาจผันผวน จาก ROLLOVER FUTURES และ REBALANCE ช่วงสั้นๆช่วงสั้นๆ ตลาดหุ้นโลกยังบวกได้จาก ตัวเลข PCE สหรัฐออกมาตามคาด ได้ SENTIMENT ดอกเบี้ยขาลงหนุน แต่VALUATION ตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐเริ่มตึง จึงมีโอกาสย้ายมาตลาด EM มากขึ้น


ส่วนตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสผันผวน จากการ ROLLOVER สัญญา FUTURES ที่ต่างชาติ SHORT สุทธิมาตลอดเดือน 5.4 หมื่นสัญญา และการ REBALANCE หุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 ที่เกิน 10% บางตัวจากกองทุนวันนี้แนะนำสะสม PTTEP, ICHI, ITC

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้