Today’s NEWS FEED

News Feed

BCPเร่งเครื่องกลยุทธ์ “Bangchak 100x”ตั้งเป้าเติบโตก้าวกระโดด EBITDA เพิ่มขึ้น 100% ภายในปี 2571 รักษาความเป็นเลิศในทุกด้าน ต่อยอดด้วย 4 แกนยุทธศาสตร์

89


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(25 กันยายน 2568)-----------บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศกลยุทธ์ ‘Accelerating Bangchak 100x: Pivoting for Energy Security and Sustainability’ ตั้งเป้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด มี EBITDA เพิ่มขึ้น 100% ภายในปี 2571เพื่อเร่งสร้างคุณค่าและยกระดับศักยภาพการแข่งขัน พร้อมรักษาความเป็นเลิศในทุกด้าน ต่อยอดด้วย 4 แกนยุทธศาสตร์ ลงทุนบนพื้นฐานของวินัยทางการเงิน พัฒนาและดูแลบุคลากรซึ่งเป็นกำลังสำคัญขององค์กร ตลอดจนรักษาสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บางจากฯ ได้ขยายธุรกิจพลังงานครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ดำเนินธุรกิจในกว่า 10 ประเทศทั่วโลก โดยในปี 2567 มีสินทรัพย์รวมกว่า 316,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า จากราว 59,000 ล้านบาทในปี 2553 ความสำเร็จนี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพขององค์กรที่สามารถปรับตัว เปลี่ยนผ่าน และสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะเวลาไม่นาน

แต่ปัจจุบัน เรากำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อน ท่ามกลางความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์ ราคาพลังงาน
ที่ไม่แน่นอน และแรงกดดันจากการเปลี่ยนผ่านด้านสภาพภูมิอากาศ แม้สังคมโลกจะเร่งผลักดันการลดคาร์บอน แต่รายงานจากหลายสำนักยังชี้ว่าไฮโดรคาร์บอนจะคงเป็นพลังงานหลักของเศรษฐกิจโลกจนถึงปี 2593 ดังนั้น บางจากฯ เร่งเครื่อง
กลยุทธ์ Bangchak 100x เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง โดยมุ่งเน้นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทน (Return-Focused Investment) ควบคู่กับการขยายการดำเนินงานในระดับสากล ให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าในธุรกิจหลักและการใช้เงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (Top Tier TSR) ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูงกว่าคู่แข่ง และพร้อมผลักดันให้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ด้วยการลงทุน
เพื่อรองรับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงโมเลกุลสะอาด (Clean Molecules – Future Proof) พลังงานทางเลือกที่ช่วย
ลดการปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศ และตอบโจทย์ความยั่งยืนในระยะยาว

 

สำหรับแกนยุทธศาสตร์หลัก 4 ด้าน คือ 1. การตั้งเป้าหมายใหม่ที่ท้าทาย มุ่งผลักดันให้ EBITDA เติบโตเพิ่มขึ้น 100% ภายในปี 2571) พร้อมเสริมสร้างศักยภาพองค์กรสู่การเป็น Thailand’s Top Employer และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน ด้วยการมุ่งสู่การจัดอันดับ Top 1% ESG Ranking และ Top 5% ของดัชนี DJSI ควบคู่ไปกับการลดความเข้มข้นการปล่อยคาร์บอน (Carbon Intensity) อย่างต่อเนื่อง 2. การขับเคลื่อนสู่ความมั่นคงทางพลังงานและความยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทน (Return-Focused Investment) ธุรกิจต้นน้ำระยะกลาง ตลอดจนพลังงานไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ 3. การยกระดับศักยภาพธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร
(Margin Enhancement) ผ่านการปรับโครงสร้างธุรกิจ ตอบโจทย์การลงทุนและเป้าหมายใหม่ ครอบคลุมธุรกิจการกลั่นน้ำมันและการตลาด เชื้อเพลิงชีวภาพและเชื้อเพลิงแห่งอนาคต (SAF, HVO) การค้าพลังงานแบบ โดยการขยายกำลัง
การผลิตโรงกลั่น พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม และขยายเครือข่ายการตลาดควบคู่กับการผลักดันธุรกิจ Non-Oil ให้เติบโต และ 4. การสร้างคุณค่าแก่ผู้ถือหุ้นผ่านโครงการซื้อหุ้นคืน (Share Buyback) 3 ปี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้ถือหุ้น
เสริมความเชื่อมั่นต่อศักยภาพการเติบโต

เพื่อความชัดเจนในการดำเนินงาน บริษัทฯ จะปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาว
โดยมุ่งเน้นการสร้าง Synergy ระหว่างหน่วยธุรกิจให้เกิดประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจโรงกลั่น การตลาด และพลังงานชีวภาพ ควบคู่กับการเร่งกลไกการเติบโตใหม่ผ่านธุรกิจการค้าน้ำมันและธุรกิจต้นน้ำ การปรับบทบาท BCPG ให้ก้าวสู่การเป็นผู้ดำเนินธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เพื่อรองรับทั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืนและรายได้ที่มั่นคง รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีแห่งอนาคตผ่านกองทุน CVC มูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อวางรากฐานให้องค์กรก้าวนำ
การเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

โดยจะจัดโครงสร้างธุรกิจใหม่เป็น 5 กลุ่มหลัก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ได้แก่

1. กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการตลาด และพลังงานชีวภาพ (Refinery & Marketing and Biofuels) บริหารโรงกลั่นน้ำมันบางจากพระโขนงและโรงกลั่นน้ำมันบางจากศรีราชาแบบ One Team เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ขยายกำลังการกลั่นรวมจาก 265,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2568 เป็น 285,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2571 และมากกว่า 290,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2573 ควบคู่กับการลงทุนใน SAF และ HVO (Hydrotreated Vegetable Oil) รวม 7,000 บาร์เรลต่อวันภายในปี 2570 (SAF 5,000 บาร์เรลต่อวัน เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ภายในเดือนมิถุนายน 2569) ในด้านพลังงานชีวภาพ เดินหน้าขยายกำลังการผลิตเอทานอลเป็น 292 ล้านลิตรต่อปีตั้งแต่ปี 2569 และเพิ่มประสิทธิภาพการเดินเครื่องโรงงานไบโอดีเซลสู่กำลังการผลิตเต็มที่ 330 ล้านลิตรต่อปี เสริมสร้างซินเนอร์ยีระหว่างหน่วยธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ในด้านการตลาด มุ่งขยายสถานีบริการเป็นราว 2,300 แห่งในปี 2568 และมากกว่า 2,300 แห่งภายในปี 2571 พร้อมตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดน้ำมันจาก 29% ในปี 2568 เป็นมากกว่า 33% ในปี 2573 ควบคู่กับการผลักดันธุรกิจ Non-Oil ทั้งอินทนิลและค้าปลีก โดยตั้งเป้าให้ EBITDA ของธุรกิจนี้เติบโต 3 เท่าภายในปี 2571

2. กลุ่มธุรกิจการค้าน้ำมัน (Trading) กลุ่มธุรกิจหลักใหม่ (new flagship) ถือเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ของบางจากฯ ที่ยกระดับจากบทบาทเดิมในการสนับสนุนโรงกลั่น สู่การเป็นธุรกิจหลักที่สร้างผลตอบแทน
โดยมุ่งพัฒนาการซื้อขายพลังงานแบบมีสินทรัพย์รองรับ (asset-backed trading) ใช้ความได้เปรียบจากการมี
โรงกลั่นน้ำมัน คลังน้ำมัน และระบบขนส่งที่ครอบคลุมเป็นฐานในการขยายตลาด ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงด้านราคาและปริมาณ ขยายทั้งปริมาณและมูลค่าการซื้อขายในประเทศและภูมิภาค

3. กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ (Upstream) ตั้งเป้าเป็นผู้ดำเนินธุรกิจแหล่งปิโตรเลียมระยะกลางชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้ประสบการณ์ระดับสากลจากนอร์เวย์ บริหารแหล่งผลิตให้มีประสิทธิภาพ เสริมความคล่องตัวและกระแสเงินสดมั่นคง พร้อมพิจารณาการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและการเติบโตระยะยาว

4. กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐาน (Power and Infrastructure) ต่อยอดพลังงานหมุนเวียนสู่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานยุทธศาสตร์ (Critical Infrastructure) ได้แก่ ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ และธุรกิจรีไซเคิลแบตเตอรี่ โดยตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA เป็น 7,000 ล้านบาท ภายในปี 2571 ผ่านการบริหารพอร์ต
เพื่อเพิ่มผลตอบแทนและหมุนเวียนทุน (Return & Capital Recycling)

5. กลุ่มธุรกิจใหม่และโฮลดิ้งส์ (New Businesses and Holdings) มุ่งสร้างการเติบโตผ่านการขยายศักยภาพ
ธุรกิจหลัก ทั้งด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ธุรกิจการกลั่นและการตลาด ควบคู่กับการลงทุนใหม่มูลค่า
30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเตรียมพร้อมสู่อนาคต โดยเน้นการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน การสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่ทันสมัย และการพัฒนาพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ อาทิ Bio-LNG, Nuclear Fusion,
กรีนแอมโมเนีย และเชื้อเพลิงสังเคราะห์ ตลอดจนเทคโนโลยีชีวภาพและระบบแบตเตอรี่ เพื่อเสริมพลังให้
ธุรกิจหลัก ขยายโอกาสใหม่ และสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับกลุ่มบริษัทบางจาก


สำหรับกลยุทธ์ด้านการเงิน บริษัทฯ มุ่งเน้น 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ การเพิ่มอัตรากำไรผ่านการยกระดับประสิทธิภาพของธุรกิจที่มีอยู่ และการจัดสรรงบลงทุน (CAPEX) อย่างเหมาะสม การลงทุนที่มุ่งผลตอบแทน โดยให้ความสำคัญกับธุรกิจต้นน้ำ การค้า และโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนหลักของการเติบโต การสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นในระดับแนวหน้า ผ่านโครงการซื้อหุ้นคืนระยะ 3 ปี และการสร้างกระแสเงินสดเพื่อรองรับการจ่ายเงินปันผล และการเตรียมความพร้อมสู่อนาคต ด้วยการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ควบคู่กับการใช้โอกาสจากเทคโนโลยีใหม่


พร้อมรักษาความแข็งแกร่งทางการเงินภายใต้วินัยการลงทุนที่เข้มงวด โดยมีการจัดสรรงบลงทุนในช่วงปี 2569–2571 วงเงินรวม 35,000 ล้านบาท เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก ขยายสู่โครงสร้างพื้นฐานอนาคต และรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน

“บางจากฯ ต้องเดินหน้าอย่างเร่งรัดและมีวินัย รักษาความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก คงไว้ซึ่งความเป็นเลิศในทุกด้าน และให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงทางพลังงานกับการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน มุ่งสู่เป้าหมาย
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ดังนั้น จึงมีการกำหนดกลยุทธ์ ‘Accelerating Bangchak 100x: Pivoting for Energy Security and Sustainability’ เพื่อตอบโจทย์ในทุกมิติ พร้อมสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเสียทางธุรกิจ ผู้ถือหุ้น และสังคมในระยะยาว” นายชัยวัฒน์กล่าว

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้