News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

24 ก.ย. 2568 08:59:49 89

Market Wrap-Up

SET วันที่ 23 ก.ย.68 ปิด -9.34 จุด อยู่ที่ 1,273.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,147 ลบ. ต่างชาติขาย 930 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 624 ลบ. สถาบันขาย 841 ลบ. และรายย่อยซื้อ 2,395 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 959 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,TOP,MINT,THAI,AOT และยอดขายหุ้น ADVANC,PTT,KBANK,CPF,BBL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,321 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ MSFT01,CENTEL,CK โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 939 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 28,960 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,612 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.19%, S&P500 -0.55%, Nasdaq -0.95% หลังกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -1.44%, เทคโนโลยี -1.44% หลัง ปธ.เฟดกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุม GPCC กังวลต่อภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่ตลาดแรงงานชะลอตัว ส่งผลอาจเกิดให้เกิดภาวะ Stagflation ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.28% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าหรูหรา, ค้าปลีก และเทคโนโลยี ขณะที่กลุ่มเฮลธ์แคร์ -1.2% หลังราคาหุ้น Roche, Novo Nordisk ปรับลดลงกว่า -2%
Market View
ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลงจากแรงชายกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย, เทคโนโลยีนำโดย Nvidia -2.8%, Amazon -3% และ MSFT -1% หลัง ปธ.เฟดกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุม GPCC ชี้เงินเฟ้อระยะสั้นอยู่ในช่วงขาขึ้น ขณะที่ตลาดแรงงานมีสัญญาณชะลอตัว ซึ่งบ่งชึ้ภาวะ Stagflation ส่งผลให้เฟดยังไม่สามารถบรรลุได้ว่าจะลดดอกเบี้ยเมื่อไร และลดลงเท่าไร ส่วนข้อมูล US PMI ภาคการผลิต & บริการ ก.ย. ลดลงอยู่ที่ 53.6 & ส.ค. 54.6 ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน สาเหตุมาจากการจ้างงาน & คำสั่งซื้อใหม่ลดลง โดยวันพรุ่งนี้ติดตามข้อมูล US GDP Q2/68, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และวันศุกร์ US PCE ส.ค.ที่เฟดใช้วัดเงินเฟ้อสหรัฐ
Stoxx600 ยุโรปวานนี้ +0.28% ได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นโปรตุเกส +1.2% สูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังรัฐบาลตั้งเป้าเกินดุลงบประมาณปี 68 และทยอยลดยอดหนี้/GDP ส่วนตลาดหุ้นสต็อคโฮม +0.70% สูงสุดในรอบ 1 เดือน หลัง ธ.กลางสวีเดนลดดอกเบี้ยลงอยู่ที่ 1.75% และส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่อ ส่วนรายงาน PMI ภาคผลิต & บริการยูโรโซน ก.ย.ปรับขึ้นอยู่ที่ 51.2 & ส.ค.50.6 สูงสุดในรอบ 16 เดือน และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ได้ปัจจัยหนุนจาก ม.ด้านการคลังของเยอรมัน
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.18% ถูกแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่ม Growth Stock เช่น Baidu, Tencent, Alibaba หลังช่วงที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มนี้ได้ปัจจัยหนุนจากเปิดตัว Gen AI Model ใหม่ๆ ที่สามารถแข่งขันกับฝั่งสหรัฐ กอปรรอผลการหารือระหว่าง ปธน.สี จิ้นผิง – ปธน.ทรัมป์ในการประชุม Apec ที่เกาหลีใต้ในอีก 6 สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่ดัชนี Kospi เกาหลีใต้ +0.51% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิป เช่น Samsung Electronics, SK Hynix รับข่าว Nvidia ลงทุนในบริษัท OpenAI มูลค่า 1 แสน ล.ดอลลาร์ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจเช้านี้ PMI ภาคผลิตญี่ปุ่น ก.ย. 48.4 & ส.ค. 49.7 และภาคบริการ ก.ย. อยู่ที่ 53.0 & ส.ค. 53.1
SET วานนี้ -0.73% ปริมาณการซื้อขาย 0 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 930 ลบ. สถาบันขาย 841 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 624 ลบ. และรายย่อยซื้อ 2,395 ลบ. โดยดัขนีปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มอาหาร, ค้าปลีก, ไฟแนนท์ และอสังหา ฯ ซึ่งเป็นกลุ่ม Domestic Play ที่ก่อนหน้านี้ได้ปรับขึ้นตอบรับความหวังเชิงบวกจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุทินไปบ้างแล้ว ขณะที่กลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีก็ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ กอปรกับรัฐบาลจีนอาจจะยังไม่เร่งออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุม CPC ต.ค.นี้ ดังนั้นนักลงทุนจึงเลือก Wait & See ระหว่างรอการถวายสัตย์ของครม.อนุทิน 1 และเริ่มประชุม ครม.นัดแรกในวันนี้ เพื่อพิจารณาเตรียมออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick Win เช่น ม.คนละครึ่ง, ม.ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า, ม.Easy E-Receipt, โครงการกองทุนหมู่บ้าน และ Soft Loan เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,260 - 1,270 แนวต้าน 1,280 - 1,290 คาดดัชนีทรงตัวระหว่างรอ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจาก ครม.อนุทิน แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีกอุปโภค CPALL,CPAXT,TNP,ICHI/ ไฟแนนท์ AEONTS, TIDLOR, KTC,TISCO และเก็งกำไร PTTEP, PTT ตามการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ
MOSHI* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 52.50 บาท) คาดกำไรยังโตดีใน 2H68 โดยเฉพาะ 4Q68 ที่เป็นช่วง high season ของการจับจ่ายใช้สอยและยังมีโอกาสได้รับผลบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ บริษัทตั้งเป้าเติบโตรายได้ปี 68 ขยายตัว15-20% SSSG โต 4-5% เปิดสาขาใหม่ปีนี้ 40 สาขาและปีหน้า 30 สาขา บริษัทมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไร 3 ปีย้อนหลังดีที่ 16% ด้วย ROE เฉลี่ยที่ 24% IAA consensus คาดกำไรปี 68 ที่ 638 ลบ. +23%YoY
ERW* (ซื้อ /ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 3.21 บาท)กำไรสุทธิ 2Q68 อยู่ที่ 63 ลบ.(-83%YoY, -82%QoQ) กดดันจากปัจจัยตามฤดูกาล จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง และ 2Q67 มีฐานสูงจากกำไรพิเศษ ส่วนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 3Q68 คาดว่าจะทะยอยฟื้นตัวได้ QoQ หนุนด้วยนักท่องเที่ยวในประเทศ มีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากมาตรการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ขณะที่ 4Q68 ได้แรงหนุนตามฤดูกาล และลุ้นมาตรการ “ทัวร์ไทยคนละครึ่ง” ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี68และ69 กำไรสุทธิของ ERW* จะอยู่ที่ 855 ลบ.(-33%YoY) และ 919 ลบ.(+7%YoY) ตามลำดับ

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI พ.ย.+$1.13 อยู่ที่ $63.41 / บาร์เรล, Brent พ.ย. +$1.06 อยู่ที่ $67.63/บาร์เรล หลังการส่งออกน้ำมันผ่านท่อจากภูมิภาคเคอร์ดิสถานของอิรักไปยังตุรกียังไม่ดำเนินการได้ โดยมีเป้าหมายจะส่งออกน้ำมันประมาณ 230,000 บาร์เรล/วัน หลังหยุดการส่งตั้งแต่ มี.ค. 66

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+40.60 อยู่ที่ $3,815.70 /ออนซ์ ได้แรงหนุนหลังเฟดปรับลดดอกเบี้ย 0.25% และส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ กอปรปัจจัยเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น หลัง NATO เตือนรัสเซียจะใช้ ม.ป้องกันตัวเอง หากรัสเซียละเมิดน่านฟ้าของเอสโตเนียที่เป็นสมาชิก NATO

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ซื้อสุทธิ +427.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -29.19 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +333.56 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +123.35 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าอยู่ที่ 31.90 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.108 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +28 อยู่ที่ 2,200

(+) BitCoin เช้านี้ +0.16% อยู่ที่ 112,358 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

23 ก.ย. ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์

และชิ้นส่วนยานยนต์

30 ก.ย. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

23 ก.ย. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ก.ย.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ก.ย.)

24 ก.ย. US ยอดขายบ้านใหม่ ( ส.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

25 ก.ย. US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 2)

US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) ( ส.ค.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

26 ก.ย. US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) ( ส.ค.)

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง, Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง

(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*

(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG

(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*

(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*

(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*

(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*

(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio September 2025: SEAFCO*, CPN*, PTTGC*, GULF*, CBG*

Analysts

Apichai Raomanachai

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939

Tel 02-829-6999 Ext 2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662