Today’s NEWS FEED

News Feed

SCB FM มอง Fed จะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ แต่เงินบาทจะแข็งค่าอีกไม่มาก เพราะตลาด Price-in การลดดอกเบี้ยของ Fed และ กนง. ไว้แล้ว

119

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (18 กันยายน 2568)----------นายวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส สายงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB Financial Markets: SCB FM) เปิดเผยว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) มีมติ 11-1 ให้ลดดอกเบี้ยนโยบายไปที่ 4.00-4.25% หลังจากที่คงดอกเบี้ยมาต่อเนื่องในการประชุม 5 ครั้งหลังสุดในปีนี้ โดยสาเหตุหลักมาจากตลาดแรงงานที่อ่อนแอลงชัดเจน แม้เงินเฟ้อจะสูงขึ้นจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้า นอกจากนี้ Fed ได้ปรับ Dot plot ลง โดยส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่ออีก 50 bps ในปีนี้ ซึ่งมากกว่าใน Dot plot ครั้งก่อน (เมื่อเดือน มิ.ย.) ที่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยอีกเพียง 25 bps สำหรับในปี 2026 และ 2027 Fed ส่งสัญญาณว่าจะลดดอกเบี้ยอีกปีละ 25 bps และคงประมาณการดอกเบี้ยในระยะยาว (Long-run neutral rate) ที่ 3.0%

สำหรับโทนโดยรวมจากการประชุมนั้น ผลการตัดสินนโยบายไม่ Dovish เท่าที่ตลาดคาดไว้ คือคณะกรรมการไม่ได้ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยแรงเท่าที่ตลาด Price-in ทำให้ US Treasury yields ปรับสูงขึ้นเล็กน้อย ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้น ราคาทองคำปรับลดลง และเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อย อีกประเด็นที่น่าสนใจจากการประชุมรอบนี้ คือการที่นาย Stephen Miran ซึ่งถูกแต่งตั้งโดย Trump ได้เข้าร่วมประชุม FOMC เป็นครั้งแรก และโหวตให้ลดดอกเบี้ยถึง 50 bps ในการประชุมครั้งนี้ และจะลดดอกเบี้ยไปถึง 2.75-3.00% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นมุมมองที่ Dovish กว่าคณะกรรมการคนอื่น ๆ ค่อนข้างมาก

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะลดดอกเบี้ยได้อีก 2 ครั้งในปีนี้ (ครั้งละ 25 bps) สอดคล้องกับมุมมองตลาดที่ให้โอกาสเกือบ 90% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยได้อีก 50 bps ในปีนี้ และ Price-in ว่า Fed จะลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีหน้า การที่เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในปีนี้มากขึ้น แม้ว่าจะปรับประมาณการเศรษฐกิจดีขึ้น สะท้อนว่าคณะกรรมการมีมุมมองการดำเนินนโยบาย (Reaction function) ที่ Dovish มากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ คือเฟดให้น้ำหนักต่อตลาดแรงงานที่อ่อนแอมากกว่าประเด็นเงินเฟ้อ และนโยบายการเงินต้องผ่อนคลายมากกว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้

สำหรับมุมมองค่าเงินบาท มองว่าเงินบาทอาจอยู่ในกรอบ 31.50-32.00 ในช่วง 1 เดือนนี้ เนื่องจาก มองว่าการ Price-in ของตลาดค่อนข้างเหมาะสมกับบริบทเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอลงแต่ยังไม่ถึงขั้นภาวะ Recession ดังนั้น US Treasury yields น่าจะไม่ลงต่ออีกนัก อย่างไรก็ดี หากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังอ่อนแอลงอีก และอัตราว่างงานสหรัฐฯ ปีนี้สูงขึ้นไปเหนือ 4.5% ก็อาจทำให้ Yields ลงต่อแรงอีกได้ และจะทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า กดดันให้บาทแข็งค่าต่ำกว่าระดับ 31.50 ต่อดอลลาร์สหรัฐได้ สำหรับแรงกดดันจากปัจจัยอื่น เช่น ราคาทองคำ และเงินทุนเคลื่อนย้ายสู่ตลาดบอนด์ไทย นายวชิรวัฒน์ มองว่าแรงกดดันเริ่มลดลงแล้ว หลังราคาทองคำเริ่มเผชิญแนวต้านในระยะสั้น (Treasury yields ที่กลับมาสูงขึ้นส่งผล Downside ต่อราคาทองคำ) และเงินทุนเคลื่อนย้ายเริ่มไหลออกจากตลาดบอนด์ไทยในบางวัน

สำหรับระยะกลางถึงยาว มองว่าแรงกดดันด้านแข็งค่าต่อเงินบาทจะยังอยู่ แต่เงินบาทน่าจะไม่แข็งค่าไปจากระดับปัจจุบันมากนัก โดยมองกรอบสิ้นปีที่ราว 31.00-32.00 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอและเครื่องชี้ เช่น การส่งออก และการบริโภคภาคเอกชน มีแนวโน้มชะลอลงต่อได้ในช่วงที่เหลือของปี อีกทั้ง ยังมีความเสี่ยงที่ไทยจะถูก Moody's ปรับลด Credit rating ลงในช่วงปลายปีนี้หรือปีหน้า (ปัจจุบันอยู่ที่ Baa1 หรือเทียบเท่า BBB+) หลังไทยเพิ่งถูกปรับ Outlook ลงจาก Stable มาที่ Negative เมื่อเดือน เม.ย. 2025 สำหรับปัจจัยต่างประเทศ มองว่าดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐจะยังอ่อนค่าต่อเนื่องได้ถึงปีหน้า จึงจะยังทำให้เงินบาทอยู่ในโซนแข็งค่าต่อได้ ตามทิศทาง De-dollarization ของนักลงทุนโลก และ Easing cycle ของ Fed ที่น่าจะดำเนินได้ต่อเนื่องถึงปีหน้า

ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับสูงขึ้นแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ 5-year yields ปรับสูงขึ้น 14 bps ส่วน 10-year yields ปรับสูงขึ้น 25 bps, และ 30-year yields ปรับสูงขึ้นถึง 30 bps ก่อนที่ล่าสุดจะปรับลดลงมาบางส่วน สาเหตุที่ Yields สูงขึ้นและ Curve ชันขึ้น (Steepen) มาจากการเทขายของทั้งนักลงทุนในประเทศโดยเฉพาะกลุ่มสถาบัน และนักลงทุนต่างชาติบางส่วน หลังช่วงที่ผ่านมา Bond yields ไทยต่ำและ curve flatten ไปมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค อีกทั้ง Auction demand ช่วงที่ผ่านมายังออกมาต่ำ และนักลงทุนบางส่วนเริ่มปรับมุมมองดอกเบี้ยนโยบายของไทย ในระยะต่อไป นายวชิรวัฒน์มองว่า Yields ไทยอาจทรงตัวในระยะสั้น โดยตลาดได้ price-in การลดดอกเบี้ยของ กนง. ในช่วง 2026H1 ไปที่ต่ำกว่า 1% เล็กน้อย ซึ่ง SCB FM มองว่าเหมาะสมแล้ว ทั้งนี้ หาก กนง. ยังไม่ลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ต.ค. ก็อาจทำให้ Yields กลับมาสูงขึ้นอีกได้

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

จบข่าว By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เฟด ลดดอกเบี้ย 0.25% ตามตลาดคาด จบข่าว นักลงทุน ก็ปรับพอร์ต เทขายหุ้น ลดความเสี่ยงลงทุน...

NKT คว้ารางวัลศูนย์เรียนรู้เชิงคุณธรรม ภาคธุรกิจเอกชน ประจำปี 2568

NKT คว้ารางวัลศูนย์เรียนรู้เชิงคุณธรรม ภาคธุรกิจเอกชน ประจำปี 2568

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้