Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

79


ภาพตลาดและแนวโน้ม

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ อัปเดตผลการประชุม Fed และคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ย
เมื่อคืนที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) มีมติ 11 ต่อ 1 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps สู่กรอบ 4.00%-4.25% โดยมีเพียงผู้ว่าการ Stephen Miran ที่คัดค้าน พร้อมเสนอให้ลดแรงถึง 0.50% ส่วนผู้ว่าการ Michelle Bowman และ Christopher Waller ซึ่งถูกจับตาว่าอาจไม่เห็นด้วยเช่นกัน สุดท้ายกลับลงคะแนนสนับสนุนการลด 0.25% ทั้งสามคนล้วนเป็นผู้ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่งตั้ง ซึ่งที่ผ่านมา ทรัมป์ได้กดดันให้ Fed ลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและมากกว่าปกติ


สารสำคัญหลังการประชุมคือ ถ้อยแถลงของประธาน Jerome Powell ที่ย้ำว่าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นมาตรการบริหารความเสี่ยง มากกว่าการตอบสนองต่อเศรษฐกิจที่อ่อนแรง เขายอมรับว่าตลาดแรงงานกำลังส่งสัญญาณอ่อนตัว โดยทั้งอุปสงค์และอุปทานแรงงานชะลอลง พร้อมระบุว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ช่วยให้นโยบายการเงินกลับเข้าสู่ระดับ “กึ่งเป็นกลาง” จากที่เคยอยู่ในภาวะตึงตัว ขณะเดียวกัน แผนภาพคาดการณ์ดอกเบี้ย (dot plot) ของกรรมการ Fed บ่งชี้ว่าจะมีการลดอีก 2 ครั้งภายในปีนี้ แม้จะมีความเห็นแตกต่างกัน โดยผู้เข้าร่วม 9 รายคาดว่าจะมีเพียงครั้งเดียว แต่ 10 รายเห็นว่าจะเกิดขึ้น 2 ครั้งในเดือนตุลาคมและธันวาคม


Implication:

Powell ใช้คำว่าบริหารความเสี่ยง (risk management) เพื่อสื่อสารว่าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการยอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยหรืออ่อนแรงอย่างชัดเจน แต่เป็นการกันไว้ก่อน เพื่อลดโอกาสที่ปัญหาการชะลอตัวของตลาดแรงงาน จะลุกลามจนกระทบเศรษฐกิจโดยรวม
ในเชิงนโยบายการเงิน ข้อความนี้ตีความได้ 3 มิติสำคัญ
1 ป้องกันเชิงรุก (Preemptive move): Fed ลดดอกเบี้ยเพื่อกันปัญหาล่วงหน้า ไม่ใช่เพราะเห็นวิกฤติที่ชัดเจน หากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อ อาจนำไปสู่การว่างงานที่สูงขึ้นหรือตลาดการเงินตึงตัวเกินไป
2 ส่งสัญญาณความยืดหยุ่น (Flexibility): การใช้ถ้อยคำนี้ช่วยหลีกเลี่ยงการตีความว่า Fed ตื่นตระหนกต่อข้อมูลเศรษฐกิจ Powell ต้องการสื่อว่ามีความมั่นใจในเศรษฐกิจโดยรวม แต่ก็ไม่ละเลยความเสี่ยงด้านลบที่อาจเกิดขึ้น
3 รักษาสมดุลของเป้าหมายคู่ (Balancing dual mandate): ภายใต้ภาวะเงินเฟ้อที่ยังสูงและตลาดแรงงานที่ชะลอ Powell วางกรอบให้เห็นว่าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่ใช่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง แต่เป็นการปรับนโยบายให้อยู่ในจุดสมดุลเพื่อดูแลทั้งเสถียรภาพราคาและการจ้างงาน
พูดง่าย ๆ คือ Powell ต้องการสื่อว่า Fed ไม่ได้ลดดอกเบี้ยเพราะเศรษฐกิจแย่ แต่เพราะ Fed ต้องการป้องกันความเสี่ยงไม่ให้มันแย่ลงไปกว่าเดิม


ด้านการเมือง การประชุมครั้งนี้ถูกกดดันอย่างมาก ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์เคยกล่าวหาว่า Fed ปรับลดดอกเบี้ยแรงในปีก่อนเพื่อช่วยผู้สมัครเดโมแครต Kamala Harris และการแต่งตั้ง Stephen Miran ก็ยิ่งทำให้เกิดข้อกังขาเรื่องความเป็นอิสระของ Fed อย่างไรก็ตาม มติล่าสุดสะท้อนว่า Fed ยังยึดมั่นในการตัดสินใจบนฐานข้อมูลเศรษฐกิจ ไม่ได้ทำตามแรงกดดันทางการเมือง เนื่องจากไม่ได้ปรับลด 50 bps ตามที่ฝ่ายการเมืองเรียกร้อง

เมื่อเชื่อมโยงสัญญาณทั้งหมดเข้าด้วยกัน เราคาดว่า Fed จะลดดอกเบี้ยต่อเนื่องทุกการประชุมจนถึงมกราคม 2026 รวม 3 ครั้ง ครั้งละ 25 bps ก่อนจะหยุดเพื่อติดตามข้อมูลเศรษฐกิจในลักษณะเดียวกับช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา แนวทางนี้สอดคล้องกับถ้อยแถลงของ Powell ที่ระบุว่าการปรับลดล่าสุดช่วยให้นโยบายการเงินกลับเข้าสู่ระดับกึ่งเป็นกลาง

จากนั้น หากเงินเฟ้อปรับลดลงต่อเนื่องและเข้าใกล้เป้าหมาย longer run ที่ 2% มากขึ้น Fed มีแนวโน้มจะกลับมาลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 หรืออย่างช้าไม่เกินต้นปี 2027 เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับเป้าหมายระยะยาวที่ 3% ซึ่งจะถือเป็นการสิ้นสุดวัฏจักรการผ่อนคลายในรอบนี้อย่างสมบูรณ์ โดยสรุป Fed ยังมีพื้นที่ในการปรับลดดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น 5 ครั้งตลอดเส้นทางข้างหน้า

สรุปภาพตลาดวานนี้
SET วานนี้ขึ้นแล้วลงกลับมาที่เดิม โดยหุ้นใหญ่อย่าง DELTA ADVANC TRUEค้ำคลาดไว้ สู้กับ THAI GULF AOT CPALL OR และไฟแนนซ์ ที่ปรับตัวลง แต่เห็นการกลับมาเล่นของหุ้นพลังงานต้นน้ำ PTTEP BANPU และเชื่อมโยง EV อย่าง EA NEX BYD (เก็งการประมูลงานล็อตใหม่)

แนวโน้มตลาดวันนี้
ไม่ต้องห่วง Sell on fact
รอบนี้หุ้นธนาคารปรับฐาน ตามที่กลยุทธ์ย้ำมาตลอดรอบนี้ และยังไม่ใช่จังหวะซื้อกลับแม้ธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด แต่กลุ่มหุ้นที่น่าจะบวกรับข่าวดอกเบี้ยก็ไม่ได้ขานรับ ทำให้ภาพรวมตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ เป็นไปตามที่เราประเมิน คือ การขึ้นทดสอบ 1330 จุด จะมีความฝืดกว่าที่ผ่านมา แต่ตลาดจะฝืนขึ้น ด้วยแรงซื้อ Rotation หุ้นรายตัว มากกว่าการหมุนหุ้นยกกลุ่ม

โดยประเด็นเด่นที่ เรามองว่าน่าจับตาสำหรับทิศทางราคาหุ้นรายตัว ช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ ได้แก่ 16-18 กย.รัฐบาลคูเวตเชิญ รพ.ไทย 8 แห่ง เพื่อได้รับคัดเลือกกลับมาเข้าโครงการส่งต่อผู้ป่วยอุดหนุนโดยรัฐบาล (BH BDMS BCH PR9), แรงขายหุ้นปรับพอร์ตหุ้น FTSE วันที่ 19 ก.ย. นี้ เช่น CPAXT BGRIM SAWAD ระวังแรงขายช๊อตหุ้นเพื่อเล่นส่วนต่างทำกำไรขาลง ล่วงหน้าในวันนี้

และหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์คาดกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง จากทิศทางดอลล์อ่อน (ตามแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดขาลง) การลดดอกเบี้ยเซอร์ไพร์สตลาดของ ธ.อินโดนีเซีย หนุนเศรษฐกิจและ กระตุ้นดีมานต์ด้านพลังงาน

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้-สะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลงมาตามแนรับ เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ เพิ่มการเล่นหุ้นตามกระแสการเก็งกำไร

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET ทะลุ 1,300 จุดสำเร็จ แต่! เริ่มแรงตกจับตาโมเมนตัม RSI เกิดภาพ divergence อาจจำกัด upside ระยะสั้น นอกจากนี้โมเมนตัม RSI บ่งชี้ภาวะความผันผวนสูงของดัชนี อาจจะต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น ปัจจุบันคาดว่าโครงสร้างดัขนีอยู่ในคลื่นย่อย Impulse wave 5 โดยปกติจะเป็นคลื่นที่คนสนใจมากที่สุด ดัขนีพุ่งขึ้น แต่จะเกิดสัญญาณความขัดแย้ง บ่งชี้ความอ่อนแรงแนวโน้มระยะสั้นอาจต้องมีขึ้นสลับพักตัวบ้าง จับตา Signal warning หากดัชนีหลุดเส้น EMA 5 วัน 1,295 จะเป็นสัญญาณเตือน! การปรับฐานของตลาดอย่างไรก็ตามมุมมองระยะยาวยังคงให้เป้าหมายที่ 1,330 จุด (Fibonacci retracement 61.8%) ย่อเพื่อขึ้นต่อ!
ไฮไลท์กราฟเด็ด: KTC มาแรง แซงทุกโค้ง....เราไม่ตกรถ/แผนเทรดเล่นรอบเมื่อ SAWAD signal alert!/ COM7 เปลี่ยนเทรนด์....ขาขึ้นรอบใหม่....ตามแผน/ PTTEP เปลี่ยนจังหวะ…..เดินขึ้นบันได (จ่อทะลุ 200 วัน)/ MALEE Triple bottom! ติดตามแผนเทรดในหน้าถัดไป

 


What to watch
นโยบายเศรษฐกิจระยะสั้นที่จะมีผลต่อ ทิศทางราคาหุ้น
1) การบริโภคในประเทศ นอกเหนือจากคนละครึ่ง ติดตามมาตรการเกี่ยวอื่นๆ โดยเฉพาะที่ไม่ได้ใช้งบฯ เพิ่ม เช่น การลดหย่อนภาษี บวกกับ KTC CRC COM7
2) มาตรการการท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วง High Season หนุน โรงแรม-การบิน
3) การจัดการค่าเงินบาทแข็งเกินไป บวกส่งออก HANA DELTA ITC CPF BTG
4) มาตรการช่วยเหลือผู้กู้-สภาพคล่อง SMEs ว่าบวกกับไฟแนนซ์หรือไม่
5) ด้านพลังงาน ตลาดยังมองโอกาสได้ทั้งบวก-ลบ จากประเด็นการลดค่าไฟฟ้า-การปรับโครงสร้างราคาก๊าซในประเทศ (ติดตามว่าทิศทางจะออกด้านใด)
ติดตามผลการประชุมเฟดคืนนี้ โดยตลาดคาดว่าจะลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ราว 96% ค่อนข้างนิ่งแล้ว / แต่สิ่งที่ตลาดติดตาม คือ สัญญาณแนวโน้มจากการแถลง โดยเฉพาะโอกาสเห็นความต่อเนื่องในการลดดอกเบี้ยต่อจากนี้ โดยล่าสุดตลาดคาด 3 ครั้ง (ถึงเดือน ธ.ค.) แล้วพัก 1 ครั้ง (หากดูต่อเนื่องกว่านี้ เป็นบวก)
FTSE จะปรับหุ้นใหม่ มีผล 19 ก.ย. ลด CPAXT ไปกลุ่ม MID Cap, BGRIM SAWAD ลดไปกลุ่ม Small Cap และ มีหุ้นถอดออกจาก Small Cap ได้แก่ BEC BSRC FORTH PSH SINGER SUPER THANI TKN TQM
แบงก์ชาติอินโดฯ เซอร์ไพรส์ตลาด หั่นดอกเบี้ย 0.25% หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ BI ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 7 วัน ลง 0.25% เหลือ 4.75% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปลายปี 2565 สวนทางกับความคาดหมายของ นักเศรษฐศาสตร์ 31 รายที่ต่างประเมินว่า BI จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม

หุ้นแนะนำวันนี้
PTTEP คาดการฟื้นตัวของความตัองการใช้พลังงานตามฤดูกาล (บวกฤดูมรสุม) และดอกเบี้ยขาลงกระตุ้นการเก็งกำไรราคาน้ำมันดิบ (Black gold)
แนวรับ 116 ต้าน 120 Stop loss 115

Tactical port ถอด BEM เพิ่ม PTTEP

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

Auto Sector
การฟื้นตัวยังเป็นไปอย่างช้าๆ
การผลิตรถยนต์ไทยเดือน ก.ค. 2025 อยู่ที่ 110,616 คัน ลดลง 11.4% YoY และ 15.1% MoM หลังจากขยายตัว YoY ได้เพียง 2 เดือนติดต่อกัน นำโดยการผลิตรถยนต์นั่ง ICE ที่ร่วง 31.8% YoY และรถกระบะที่ลดลง 8.2% YoY (เพื่อขายในประเทศ -6.5% YoY, เพื่อส่งออก -8.6% YoY) ยอดขายในประเทศยังขยายตัว 4 เดือนติดที่ 49,102 คัน (+5.8% YoY, -2% MoM) ได้แรงหนุนจาก EV แต่ยอดขายกระบะยังลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 30 จากรายได้เกษตรกรที่อ่อนแอและการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อที่เข้มงวด ด้านการส่งออกอยู่ที่ 72,439 คัน ลดลง 13% YoY และ 23.3% MoM จากการเปลี่ยนโมเดลและมาตรฐานความปลอดภัย/สิ่งแวดล้อมที่เข้มขึ้น
ในช่วงครึ่งหลังปี 2025 แนวโน้มยังเปราะบาง ดัชนีการผลิต (MPI) สูงกว่าการส่งออกต่อเนื่องตั้งแต่ มี.ค. ดัน inventory ratio ขึ้นตั้งแต่ พ.ค. (แต่ยังต่ำกว่าปีก่อน) FTI ปรับลดเป้าการผลิตทั้งปีลงเหลือ 1.45 ล้านคัน (-1% YoY) และส่งออก -6% YoY (7M25 ผลิตจริง -6% YoY) คาดทั้งปี ต่ำกว่าเป้า FTI อีก 6%
ความต้องการชิ้นส่วนยังคงซบเซาใน 2H25 ผู้ผลิตรถชะลอสั่งซื้อเพราะสต๊อกสูง แม้ EV จะช่วยหนุน AH และ SAT บ้าง (5% ของรายได้ OEM) แต่น้อยเมื่อเทียบกับภาพรวม มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรอาจช่วยประคองความต้องการกระบะ ในระดับบริษัท คาดยอดขาย 3Q25 ของ AH และ SAT อ่อน YoY และทั้ง 2H25 ทรงตัว YoY โดย SAT มี exposure ไปยังรถเชิงพาณิชย์และเกษตรมากกว่า ทำให้ได้เปรียบ ขณะที่ AH เสี่ยงกว่าจากการพึ่งพารถนั่งและดีลเลอร์มาเลเซีย (เดือน ก.ค. ยอดขาย -5% YoY)
Fundamental view: เรายังไม่กลับมาให้คำแนะนำกลุ่มนี้ แต่มองกลุ่มนี้เป็น selective play เน้น ปันผลได้ โดย SAT มี dividend yield 9% ขณะที่ AH ให้ราว 6% แต่ในแง่ Capital gain จากหุ้น ทั้งสองหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวจำกัดในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อแบบนี้

 

GPSC
โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่
ได้เปรียบคู่แข่งจากความยืดหยุ่นเชื้อเพลิง
GPSC จะได้เปรียบต้นทุนจากความสามารถในการการเลือกเดินเครื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือก๊าซตามราคาที่ถูกกว่า หลัง PPA ของ Glow SPP3 หมดอายุระหว่างปี 2024-25 ทำให้บริหาร Merit Order ได้อิสระมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น หากก๊าซแพงขึ้น (300 บาท/ล้านBtu) แต่ถ่านหินราคายังอยู่ที่ 110 เหรียญฯ/ตัน GPSC เลือกเดินโรงไฟฟ้าถ่านหินก็จะได้ margin ที่ดีขึ้น ราว 0.28 บาท/kWh ในขณะเดียวกัน หากถ่านหินแพงขึ้น มาอยู่ที่ 130 เหรียญฯ/ตัน แต่ก๊าซถูกลงมาอยู่ที่ 260 บาท/ล้าน btu การสลับจากโรงถ่านหินมาเดินโรงก๊าซก็จะช่วยให้ margin ดีขึ้นราว 0.36 บาท/kWh
ทั้งนี้ เราได้ปรับสมมติฐานค่าไฟปี 2026 ขึ้นจาก 3.81 สู่ 3.90 บ./หน่วย เพราะมองว่ารัฐคงไม่กด ค่าไฟแรงเหมือนเดิม เนื่องจาก EGAT ยังมีภาระหนี้ค้าง ~5–6 หมื่นลบ. ที่ต้องเร่งชำระ

ประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้เราปรับคาดการณ์กำไรปี 2026 ขึ้น 14% เป็น 5.8 พันลบ. และราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 44 บาท
Fundamental view: ยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” จากกำไรที่ชัดเจนขึ้นและความยืดหยุ่นบริหารเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น

 


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

จบข่าว By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เฟด ลดดอกเบี้ย 0.25% ตามตลาดคาด จบข่าว นักลงทุน ก็ปรับพอร์ต เทขายหุ้น ลดความเสี่ยงลงทุน...

NKT คว้ารางวัลศูนย์เรียนรู้เชิงคุณธรรม ภาคธุรกิจเอกชน ประจำปี 2568

NKT คว้ารางวัลศูนย์เรียนรู้เชิงคุณธรรม ภาคธุรกิจเอกชน ประจำปี 2568

CHOW เสริมทัพความแข็งแกร่ง คว้าใบรับรอง “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” เพิ่ม 6 ผลิตภัณฑ์ พร้อมยกระดับการแข่งขันในตลาดเหล็ก พาธุรกิจเดินหน้าสู่ความยั่งยืน

CHOW เสริมทัพความแข็งแกร่ง คว้าใบรับรอง “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” เพิ่ม 6 ผลิตภัณฑ์ พร้อมยกระดับการแข่งขันในตลาดเหล็ก พาธุรกิจ

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้