AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ยังขยับกรอบขึ้นได้บ้าง
กลยุทธ์เลือกหุ้นมีปัจจัยเฉพาะตัว
Market Strategy
SET Index คาดแกว่ง Sideways/Sideways Up ตามกรอบ 1290-1310 จุด แรงหนุนยังมาจากกระแส FED ลดดอกเบี้ยฯ ทิศทาง Fund Flow ที่เริ่มไหลเข้าสู่ภูมิภาค แต่มูลค่าการซื้อขายที่เบาบางอาจเป็นข้อจำกัดในการปรับขึ้น หุ้นเด่นวันนี้เลือก AWC และ TTB
ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังได้แรงหนุนมาจากความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยฯ 25 bps ในการประชุม FED ที่จะรู้ผลช่วงเช้ามืดในวันที่ 18 ก.ย. โดยดัชนี S&P500 ปรับขึ้น 0.6% ทำระดับ All Time High Bond Yield 10 ปี ปรับลง 3 bps Dollar Index อ่อนค่า -0.25% สถานการณ์ข้างต้นดีต่อทิศทาง Fund Flow ไหลเข้ามาในภูมิภาคและตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้มีสัญญาณบวกจากต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ 4 ใน 6 ประเทศ นำโดยตลาดหุ้นเกาหลีใต้ 147 ล้านเหรียญฯ ไต้หวัน 144 ล้านเหรียญฯ อินโดนีเซีย 64 ล้านเหรียญฯ ไทย 9.5 ล้านเหรียญฯ มีเพียงฟิลิปปินส์และเวียดนามที่ขายสุทธิ 8.3 ล้านเหรียญฯและ 49 ล้านเหรียญฯ
วานนี้ Bloomberg รายงาน ธปท. และคลังหารือเก็บภาษีทองคำแท่งที่ซื้อขายออนไลน์และชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดการส่งออกทองคำและชะลอการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งเราพบว่า 7M68 การส่งออกทองคำของไทยปีนี้ขยายตัว 47%YoY แต่การนำเข้าขยายตัวในอัตราเร่งกว่าถึง 54%YoY ทำให้ปีนี้เราขาดดุลในส่วนทองคำ 1.37 แสนล้านบาท จึงประเมินแนวทางข้างต้นอาจช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทได้จำกัด แต่ความตั้งใจรัฐบาลที่ตระหนักและ หาแนวทางป้องกันค่าเงินบาทแข็งค่า อาจส่งผลใน เชิง Sentiment ต่อค่าเงินบาทชะลอการแข็งค่าในระยะนี้ และอาจเป็นจุดให้เกิด Sector Rotation ช่วงสั้นต่อหุ้นกลุ่มส่งออก ที่ Underperform ในช่วงก่อนหน้า เช่น อิเล็กทรอนิกส์ (CCET) รวมทั้งเกษตรและอาหาร (CPF, BTG, GFPT,ITC) กลุ่มท่องเที่ยว (MINT) แต่ภายใต้ปัจจัยในเชิงมหภาคที่ค่าเงิน Dollar Index ยังมีแนวโน้มอ่อนค่า จากแนวโน้มดอกเบี้ยฯ ขาลงของ FED ความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังเป็นปัจจัยที่ทำให้แนวโน้มเงินบาท ยังมีโอกาสแข็งค่ากลับมาที่ 31.00- 31.50 บาท/USD ได้ต่อไป
Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 6 จุด หุ้นกลุ่มที่นำตลาด คือ กลุ่มที่ได้ Sentiment บวกจากค่าเงินบาทพลิกอ่อนค่าหลังจากมีข่าว ธปท. และคลังหารือเก็บภาษีทองคำแท่งที่ซื้อขายออนไลน์และชำระเป็นเงินบาท กลุ่มที่นำตลาดอิเล็คทรอนิกส์ +2% กลุ่มอาหาร ITC +2.7% GFPT +1% CPF +0.9% กลุ่มท่องเที่ยว ERW +2.9% CENTEL +0.8% และแรงหนุนจากกลุ่มน้ำมันเริ่มฟื้นหลังตามราคาน้ำมันดิบ +1.8% ด้านกลุ่มที่ Underperform กลุ่มปิโตรฯ -1% จากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือน ส.ค.แย่กว่าตลาดคาด กลุ่มโรงไฟฟ้า CKP -1.4% GPSC -1.2
DAILY Stock Pick
AWC
มาตราท่องเที่ยว หนุนอัตราการเข้าพัก
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 2.90 บาท
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเสนอมาตรการ “ทัวร์ไทยคนละครึ่ง” พร้อมหารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในวันที่ 24 ก.ย. นี้ หนุนอัตราการเข้าพักของกลุ่มโรงแรม ในระยะถัดไป หากบาทอ่อนค่า และ การท่องเที่ยวช่วง golden week ของจีน เป็น upside เพิ่มเติม
เลือก AWC เป็น Top pick เนื่องจาก รายได้ต่อห้องของ AWC ใน 4Q68 เติบโต YoY สูงที่สุดในกลุ่ม ในขณะที่เราคาดกำไรปี 67-70 เติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี สูงที่สุดในกลุ่ม ตามการเปิดโรงแรมใหม่และ turnaround ของโรงแรมในเชียงใหม่
WEEKLY Stock Pick
TTB
เราคาด ปันผล 1H68 สูงที่สุดในกลุ่ม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 2.00 บาท
เราคาดว่า TTB จะประกาศจ่ายปันผล 0.065 บาทต่อหุ้น ใน 1H68 หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผล 3.4% สูงที่สุดในกลุ่มที่จ่ายปันผลเฉลี่ย 1.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน
กำไรในปี 69-70 เราคาดเติบโตเฉลี่ย 5% จากทั้งรายได้ที่มาจากดอกเบี้ยและไม่ใช่ดอกเบี้ย ส่วนกำไรใน 2H68 เติบโต HoH เนื่องจาก Credit cost ที่ลดลง ตามกลยุทธ์ที่เน้นดูแลคุณภาพสินทรัพย์ให้ดีขึ้น
KEY FACTOR
ในช่วงตั้งแต่เดือน ส.ค. ที่ผ่านมา การแข็งค่าของเงินบาท (ซึ่งส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากมุมมองดอกเบี้ยผ่อนคลาย) เป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนกลุ่ม Domestic Plays ให้ Outperform ตลาดอย่างชัดเจน ทั้ง FIN (SAWAD, MTC, AEONTS), ค้าปลีก (GLOBAL, HMPRO, CRC) ที่ได้อานิสงส์จากต้นทุนการนำเข้าที่ลดลง รวมถึงโรงไฟฟ้า GPSC และ BGRIM อย่างไรก็ตาม ธปท. เริ่มส่งสัญญาณออกมาตรการชะลอการแข็งค่า จึงอาจเป็นจุดเปลี่ยนให้เกิด Sector Rotation สู่กลุ่มส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มที่ยัง Underperform ในช่วงก่อนหน้า นำโดย อิเล็กทรอนิกส์ (CCET) รวมทั้งเกษตรและอาหาร (CPF, BTG)
ตัวเลขเศรษฐกิจจีน เดือน ส.ค. ยังคงสะท้อนภาพความเสี่ยง 1) ยอดค้าปลีก +3.4% YoY ต่ำกว่าคาด +3.8% YoY และชะลอลงจาก +3.7% YoY ในเดือนก่อนหน้า 2) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม +5.2% YoY ต่ำกว่าคาด +5.6% YoY และชะลอลงจาก +5.7% YoY ในเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตามถือเป็นปัจจัยที่สร้างความคาดหวังเพิ่มเติมต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของทางการจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเห็นตัวเลขสะท้อนใน GDP 3Q68
EYES ON
ในสัปดาห์ นโยบายของรัฐบาลใหม่
16 ก.ย. ยอดค้าปลีกและผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ
17 ก.ย. CPI ของ Eurozone เดือน ส.ค. (รายงานครั้งสุดท้าย)
18 ก.ย. ผลการประชุม FOMC
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ