Today’s NEWS FEED

News Feed

ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ MTC ที่ 'BB' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

597

 

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 5 กันยายน 2568)-------ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating: IDR) ของ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ที่ 'BB' และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ที่ 'A-(tha)' โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

พร้อมกันนี้ฟิทช์ยังคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ ของ MTC ที่ ‘BB’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้สกุลเงินบาทที่ ‘A-(tha)’ ตามลำดับ

 

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

โครงสร้างเครดิตของบริษัทเป็นปัจจัยหนุนอันดับเครดิต: อันดับเครดิตของ MTC สะท้อนถึงเครือข่ายในธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันที่แข็งแกร่ง คุณภาพสินทรัพย์ที่อยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้ ความสามารถในการทำกำไรที่น่าพอใจ และหนี้สินที่อยู่ในระดับปานกลาง อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่ถือเป็นจุดแข็งดังกล่าวได้ถูกลดทอนลงบางส่วนจากรูปแบบธุรกิจที่เน้นตลาดเฉพาะกลุ่ม โครงสร้างการจัดการที่มีการพึ่งพาตัวบุคคลมากขึ้น (less institutionalized) การมุ่งเน้นไปที่ลูกค้ารายได้น้อยซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่า การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องส่วนเกินเพื่อช่วยรองรับความเสี่ยงที่อยู่ในระดับค่อนข้างน้อย และโครงสร้างเงินกู้ที่ไม่กระจายตัวมากนัก ทั้งนี้ อันดับเครดิตภายในประเทศของ MTC ยังพิจารณาถึงโครงสร้างเครดิตของ MTC เทียบกับบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศโดยฟิทช์

 

สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ซบเซา: ฟิทช์คาดว่าอัตราการเติบโตของ GDP ของไทยจะชะลอตัวลงเป็น 1.9% ในปี 2568 และ 1.8% ในปี 2569 จาก 2.5% ในปี 2567 โดยมองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซาผนวกกับภาระหนี้สินครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง (87.5% ของ GDP ณ สิ้นเดือน มีนาคม 2568) น่าจะทำให้สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันเติบโตช้าลงในระยะสั้น  แต่อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เชื่อว่าความเสี่ยงที่คุณภาพสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจนี้จะปรับตัวด้อยลงอย่างมากนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากยังมีแรงหนุนจากภาวะการจ้างงานที่ยังอยู่ในระดับที่เพียงพอและมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นของผู้ประกอบการรายใหญ่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา

 

เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน: โครงสร้างธุรกิจของ MTC ได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้ให้สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยพิจารณาจากมูลค่าเงินให้สินเชื่อและจำนวนสาขา บริษัทยังเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจสินเชื่อจำนำโฉนดที่ดิน และยังมีการนำเสนอสินเชื่ออื่นเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์เสริมเช่น สินเชื่อไม่มีหลักประกันและเช่าซื้อแก่ลูกค้าสินเชื่อจำนำทะเบียนของบริษัท อย่างไรก็ตาม โครงสร้างธุรกิจยังถูกจำกัดจากลักษณะเฉพาะของผลิตภัณฑ์สินเชื่อเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมธุรกิจการเงินโดยรวมที่มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และฐานลูกค้าหลักของ MTC ที่มีรายได้น้อยกว่า

 

การพิจารณาสินเชื่อจากมูลค่าหลักประกันช่วยลดทอนความเสี่ยง: MTC มุ่งเน้นการให้บริการสินเชื่อแก่ลูกหนี้ในเขตกึ่งเมืองและชนบท (semi-urban and rural) เป็นหลัก ซึ่งโดยทั่วไปมักมีฐานรายได้ที่ต่ำกว่าและไม่มั่นคงเท่ากับลูกค้ากลุ่มในเขตเมือง MTC มีการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตของกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงนี้ โดยเน้นการให้สินเชื่อที่มีหลักประกันในวงเงินขนาดเล็ก และรักษาระดับมูลค่าของหลักประกันให้สอดคล้องเพียงพอกับวงเงินกู้

 

คุณภาพของสินทรัพย์ปรับตัวด้อยลงแต่ยังน่าจะอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อรวม (credit cost) ของ MTC น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2569 (โดยมีอัตราส่วนที่คำนวณเป็นรายปีสำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2568 อยู่ที่ 2.6% และ 2.5% ตามลำดับ; ปี 2567 ที่ระดับ 2.7% และ 3.0%) เนื่องจากผลกระทบจากมาตรการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ที่น่าจะเริ่มส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ไม่คาดว่าคุณภาพสินทรัพย์จะปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปี 2567 เนื่องมาจากมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นตั้งแต่ปี 2566  และตลาดแรงงานในประเทศที่ยังมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ การประเมินคุณภาพสินทรัพย์ของ MTC ยังพิจารณาถึงอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ค่อนข้างสูงในอดีต

 

ความสามารถในการทำกำไรโดยรวมทรงตัว: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เฉลี่ยของ MTC จะปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงสูงกว่า 4% ในช่วงสองปีข้างหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อโดยรวมที่ทรงตัวและการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ทั้งนี้ อัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เฉลี่ยที่คำนวณเป็นรายปีในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ทรงตัวที่ระดับ 4.6% (ปี 2567 : 4.5%) เนื่องจากอัตราส่วนค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อรวมปรับตัวลดลง ซึ่งชดเชยกับอัตราส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ปรับตัวแคบลง นอกจากนี้ ฟิทช์คาดว่าแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนสูงของ MTC น่าจะยังกดดัน NIM ในปี 2568 โดยที่ NIM น่าจะเริ่มทรงตัวได้ในปี 2569 จากการที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมในประเทศที่ปรับตัวลดลงและน่าจะเริ่มเป็นประโยชน์ต่อต้นทุนทางการเงินของบริษัท   

 

ระดับหนี้สินน่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป: อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของทุนที่จับต้องได้ (debt/tangible equity)  ของ MTC ปรับตัวลดลงเป็น 3.4 เท่า ณ สิ้นครึ่งปีแรกของปี 2568 (จากสิ้นปี 2567: 3.5 เท่า) ฟิทช์คาดว่าการปรับตัวลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปของอัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวจะดำเนินต่อไปในช่วงสองปีข้างหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวลงและการสะสมกำไรที่ยังต่อเนื่อง ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทยังต่ำกว่าช่วงเกณฑ์มาตรฐานสำหรับคะแนนปัจจัยด้านระดับหนี้สินที่ ‘bb’ ที่ 4-7 เท่า สะท้อนถึงการพิจารณาของฟิทช์ถึงฐานลูกค้าของ MTC ที่มีความเสี่ยงสูง ความหลากหลายของรายได้ที่ยังจำกัด ความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่มีมากกว่า และระดับข้อกำหนดทางการเงิน (Covenant) ที่บริษัทต้องปฏิบัติตาม

 

การกระจายแหล่งเงินทุนอย่างค่อยเป็นค่อยไป: การประเมินด้านโครงสร้างการระดมเงินทุนและสภาพคล่อง (funding and liquidity profile) ของ MTC ยังถูกจำกัดด้วย สัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อยู่ในระดับไม่สูงนัก และความหลากหลายของแหล่งเงินกู้ที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งระดับภูมิภาคที่มีอันดับเครดิตสูงกว่า ดังนั้น ความสามารถในการชำระหนี้ของ MTC จึงอ้างอิงมาจากกระแสเงินสดรับจากลูกหนี้เงินกู้และการจัดหาเงินกู้ยืมใหม่เพื่อนำไปชำระหนี้เดิม (refinance) นอกจากนี้ความพยายามที่เพิ่มขึ้นในการจัดหาเงินทุนจากต่างประเทศในช่วงสองปีที่ผ่านมาได้ช่วยให้ MTC ขยายฐาน ผู้ให้กู้ และลดการพึ่งพาการออกหุ้นกู้ภายในประเทศ อย่างไรก็ดี ฟิทช์คาดว่าแหล่งเงินทุนภายในประเทศ โดยเฉพาะหุ้นกู้สกุลเงินบาท จะยังเป็นแหล่งเงินทุนหลักของ MTC ในระยะสั้น เนื่องจากเงื่อนไขการระดมทุนในประเทศโดยทั่วไปนั้นเอื้ออำนวยมากกว่า

 

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว อาจได้รับแรงกดดัน หากมีสัญญาณความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจนทำให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นใกล้ระดับ 5% ควบคู่กับ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของทุนที่จับต้องได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเกินกว่า 4 เท่า โดยไม่มีแนวทางในการปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่สูงอย่างต่อเนื่อง หรือ อาจมีการปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทได้ หากโครงสร้างการระดมเงินทุนหรือสภาพคล่องของ MTC มีการปรับตัวด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งรวมถึงความเชื่อมั่นของเจ้าหนี้ที่มีการปรับตัวด้อยลงอย่างต่อเนื่อง

 

การปรับลดอันดับคะแนนปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน อาจส่งผลให้มีการประเมินแนวโน้มธุรกิจของ MTC ใหม่ และอาจนำไปสู่การดำเนินการเชิงลบต่ออันดับเครดิตได้ ตัวอย่างเช่น อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อบริษัทอย่างมาก เหตุวิกฤตทางเศรษฐกิจที่มีนัยสำคัญ หรือสถานะการเงินของภาคครัวเรือนมีการปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมาก เป็นต้น

 

อันดับเครดิตภายในประเทศ

การปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว ของ MTC อาจส่งผลให้อันดับเครดิตภายในประเทศมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ฟิทช์จะพิจารณาเปรียบเทียบกับโครงสร้างเครดิตกับบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับจากฟิทช์ด้วยเช่นกัน

 

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตภายในประเทศ

อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ MTC อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับ หาก MTC ดำเนินกลยุทธ์การเติบโตอย่างรอบคอบ ควบคู่ไปกับการรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับมั่นคงได้ตลอดช่วงวัฏจักรธุรกิจ ทั้งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า MTC มีการบริหารจัดการโครงสร้างสินทรัพย์และหนี้สินอย่างระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งอาจสะท้อนจากระดับสภาพคล่องส่วนเกินที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับหนี้สินระยะสั้นที่ไม่น้อยกว่า 0.25 เท่า

 

การปรับเพิ่มอันดับสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะปานกลาง เว้นแต่จะมีการปรับตัวดีขึ้นของคะแนนในหลายปัจจัยอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่อง

 

อันดับเครดิตตราสารหนี้และอันดับเครดิตอื่น: ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ สกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ และโครงการหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน Global Medium-Term Note (GMTN) มูลค่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของบริษัท ที่ ‘BB’ และอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ สกุลเงินบาทอยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ MTC ที่ ‘A-(tha)’ เนื่องจากเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัท

 

อันดับเครดิตตราสารหนี้และอันดับเครดิตอื่น: ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

อันดับเครดิตของโครงการหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน (GMTN) สกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ สกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของบริษัท

 

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันสกุลเงินบาทของ MTC จะสอดคล้องกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท

 

การปรับคะแนนของปัจจัยในการพิจารณาโครงสร้างอันดับเครดิต

อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานได้รับการจัดอันดับให้อยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้านอันดับเครดิตของประเทศ

 

อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านโครงสร้างธุรกิจได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าคะแนนตามเกณฑ์เนื่องจากการปรับลดคะแนนด้วยปัจจัยด้านรูปแบบธุรกิจ (business model)

 

อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านคุณภาพสินทรัพย์ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าคะแนนที่ตามเกณฑ์เนื่องจากการปรับลดคะแนนด้วยปัจจัยด้านการเติบโต  (growth)

 

อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านรายได้และความสามารถในการทำกำไรได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าคะแนนตามเกณฑ์เนื่องจากการปรับลดคะแนนด้วยปัจจัยด้านการกระจายรายได้ (revenue diversification)

 

อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านการระดมทุนและการก่อหนี้ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าคะแนนตามเกณฑ์เนื่องจากการปรับลดคะแนนด้วยปัจจัยด้านโครงสร้างความเสี่ยงและรูปแบบธุรกิจ (risk profile and business model)

 

แหล่งที่มาของข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

แหล่งที่มาของข้อมูลหลักที่ใช้ในการวิเคราะห์เป็นไปตามรายละเอียดที่อธิบายไว้ในเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

 

MTC มีคะแนนความเกี่ยวข้องกับ ESG (ESG Relevance Score) ที่ระดับ '3'  สำหรับสวัสดิการลูกค้า เมื่อเทียบกับคะแนนมาตรฐานที่ '2' สำหรับอุตสาหกรรมการเงิน สะท้อนถึงการดำเนินงานที่มุ่งเน้นในกลุ่มลูกค้ารายย่อยของบริษัท ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการให้สินเชื่ออย่างยุติธรรม ความโปร่งใสในการกำหนดราคา การยึดทรัพย์ การขายและการเก็บหนี้ การปฏิบัติเชิงรุกในด้านเหล่านี้อาจทำให้บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงทางกฎหมายหรือการกำกับดูแลและความเสี่ยงด้านชื่อเสียงที่อาจทำลายโครงสร้างอันดับเครดิตของบริษัท ทั้งนี้ คะแนน '3' สำหรับปัจจัยนี้สะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่าความเสี่ยงเหล่านี้ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมและมีผลกระทบต่ำต่อโครงสร้างเครดิตของบริษัท

 

อันดับสูงสุดของคะแนนความเกี่ยวข้องกับ ESG คือคะแนน '3'  เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่นในส่วนนี้ คะแนน '3' หมายความว่า ปัญหา ESG ไม่มีผลกระทบต่อเครดิตหรือมีผลกระทบต่ออับดับเครดิตของบริษัทเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากลักษณะหรือวิธีการที่บริษัทจัดการกับปัญหาเหล่านี้ คะแนนความเกี่ยวข้องกับ ESG ของฟิทช์ไม่ใช่ปัจจัยในการประเมินการจัดอันดับเครดิต แต่เป็นการสังเกตุความเกี่ยวข้องและความสำคัญของปัจจัย ESG ในการตัดสินใจจัดอันดับเครดิต สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคะแนนความเกี่ยวข้องกับ ESG ของฟิทช์ หาได้จาก www.fitchratings.com/topics/esg/products#esg-relevance-scores

 

รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดของ MTC มีดังนี้:

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับเดรดิตที่ ‘BB’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับเดรดิตที่ ‘A-(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ  คงอันดับเดรดิตที่ ‘BB’

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของโครงการหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน Global Medium-Term Note (GMTN)  คงอันดับเดรดิตที่ ‘BB’

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันสกุลเงินบาท คงอันดับเดรดิตที่ ‘A-(tha)’

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

PTG คว้าหุ้นยั่งยืน "ระดับสูงสุด AAA" จาก SET ESG Ratings ปี 2568

PTG คว้าหุ้นยั่งยืน "ระดับสูงสุด AAA" จาก SET ESG Ratings ปี 2568

IND ส่งต่อพลังบุญ มอบรถกระบะให้วัดป่าลัน ใช้สืบสานงานศาสนา

IND ส่งต่อพลังบุญ มอบรถกระบะให้วัดป่าลัน ใช้สืบสานงานศาสนา

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้