สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(27 สิงหาคม 2568)-------บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.ยูโอบี เสนอโอกาสการลงทุนในกองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูเอส เทคโนโลยี อิควิตี้ ฟันด์ (UUSTECH) เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนเพื่อการเติบโตของเงินทุนในระยะยาว โดยเน้นการลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเทคโนโลยีในประเทศสหรัฐอเมริกา เสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม – 3 กันยายน 2568

นางสาวรัชดา ตั้งหะรัฐ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ยูโอบี เปิดเผยว่า ‘ปัจจุบันการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในภาคธุรกิจต่างๆ กำลังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของแนวโน้มการเติบโตในหลายอุตสาหกรรม มูลค่าขนาดตลาดปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั่วโลกในปี 2024 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 279.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตถึง 1,811.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ในระหว่างปี 2025-2030 จะสูงถึง 35.9% ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการลงทุนในธุรกิจที่นำเอา AI มาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยี บลจ.ยูโอบี เล็งเห็นโอกาสการลงทุนดังกล่าว จึงร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในระดับสากลคือ J.P. Morgan Asset Management (Europe) S.à r.l นำเสนอ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูเอส เทคโนโลยี อิควิตี้ ฟันด์ (UUSTECH) เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่มองหาการลงทุนในตราสารทุนเทคโนโลยีสหรัฐฯ สำหรับสร้างการเติบโตของเงินทุนในระยะยาว”

หนึ่งในกระแสหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือ การเติบโตอย่างต่อเนื่องของตราสารทุนกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่บริษัทที่ผลิตเทคโนโลยีโดยตรงเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรมที่นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว บลจ.ยูโอบีมองเห็นโอกาสในกลุ่มนี้ จึงร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง J.P. Morgan Asset Management (Europe) S.à r.l ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกลุ่มตราสารทุนทั่วโลกรวมกว่า 1,160 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นตราสารทุนสหรัฐฯ ถึง 822 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในการลงทุนในตลาดสหรัฐฯ เพื่อนำเสนอ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูเอส เทคโนโลยี อิควิตี้ ฟันด์ (UUSTECH) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก JPMorgan Funds – US Technology Fund (ชนิด JPM US Technology I (acc) - USD) ที่เน้นลงทุนทั้งธุรกิจเทคโนโลยี (Tech) และธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน (Tech-enabled) โดยคัดเลือกบริษัทขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก จำนวน 50–70 แห่ง ผ่านการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการเยี่ยมชมบริษัทก่อนตัดสินใจลงทุน นอกจากนี้ ยังได้คาดการณ์ว่า บริษัทที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนของกองทุนหลักจะมีอัตราการเติบโตของกำไรในช่วง 12 เดือนข้างหน้าที่ระดับ 18.9%

(ข้อมูลจาก J.P. Morgan Asset Management ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2025) ดังนั้น กองทุน UUSTECH จึงเป็นกองทุนรวมทางเลือกที่ตอบโจทย์นักลงทุนที่มองหาการลงทุนในระยะยาวที่สามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการเปลี่ยนแปลงเชิงนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง กองทุน UUSTECH ระดับความเสี่ยง 7 (เสี่ยงสูง) ไม่กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำสำหรับการสั่งซื้อครั้งแรกและการสั่งซื้อครั้งถัดไป โดยกองทุนนี้เป็นกองทุนรวมตราสารทุนประเภท Feeder Fund ที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ชื่อ JPMorgan Funds – US Technology Fund ชนิดหน่วยลงทุน JPM US Technology I (acc) - USD (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียวโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

กองทุนหลักกำหนดนโยบายการลงทุนส่วนใหญ่ (Main investment exposure) ซึ่งลงทุนอย่างน้อยร้อยละ 67 ของมูลค่าทรัพย์สินในตราสารทุนของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะด้านเทคโนโลยี สื่อ และบริการด้านการสื่อสาร) ที่จัดตั้งขึ้นและ/หรือดำเนินธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยกองทุนหลักอาจลงทุนในตราสารทุนของบริษัทขนาดเล็ก (Small Capitalization Companies) ได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ กองทุนหลักจะลงทุนอย่างน้อยร้อยละ 51 ของมูลค่าทรัพย์สิน โดยจะลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีลักษณะเชิงบวกหรือคำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อมและ/หรือสังคมที่มีการปฏิบัติตามหลักธรรมภิบาลที่ดี (หรือปัจจัยด้าน ESG) ซึ่งมีการใช้หลักเกณฑ์การประเมิน/วัดผลด้าน ESG (Scoring methodology) โดยผู้จัดการกองทุนหลัก และ/หรือใช้ข้อมูลจากบุคคลที่สาม นอกจากนี้ กองทุนหลักยังลงทุนอย่างน้อยร้อยละ 20 ของมูลค่าทรัพย์สินในการลงทุนที่ยั่งยืน (Sustainable Investments) ตามนิยามหรือภายใต้ข้อกำหนดระเบียบ SFDR (Sustainable Finance Disclosure Regulation) ซึ่งมีส่วนสนับสนุนต่อวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อมหรือสังคม

กองทุน UUSTECH สามารถซื้อและขายคืนได้ทุกวันทำการ โดยมีระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืนภายใน T+7 วันทำการนับจากวันทำรายการขายคืน (โดยทั่วไปจะได้รับเงินภายใน T+4 วันทำการนับจากวันทำรายการขายคืน) *

*ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืนไม่นับรวมวันหยุดทำการในต่างประเทศ