สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(23 สิงหาคม 2568)-----------บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ร่วมจัดนิทรรศการในงาน TILOG-LogistiX 2025 งานแสดงเทคโนโลยีและบริการที่ครบครันที่สุด ในอาเซียนสำหรับการจัดการคลังสินค้า เพื่อโชว์ศักยภาพด้านนโยบายและแผนการดำเนินงานของ AOT ที่มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมการขนส่งทางอากาศเข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้โดยสารและสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าทางอากาศของท่าอากาศยานไทยเน้นย้ำถึงบทบาทประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียน

ซึ่งนิทรรศการของ AOT ได้นำเสนอการขนส่งสินค้าทางอากาศแบบ Bulk Utilization Program (BUP) ซึ่งเป็นรูปแบบการเพิ่มความสามารถในการรองรับ และนำส่งสินค้าไปยังท่าอากาศยานด้วยความรวดเร็ว ทั้งยังช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการขนส่งสินค้าท่าอากาศยานในระยะยาวมีประสิทธิภาพมาตรฐาน ระดับสากลที่ใช้อย่างแพร่หลายในสนามบินชั้นนำเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศ และการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจระดับโลก ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญ
ในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ทางอากาศของอาเซียนอย่างแท้จริงด้วยการเชื่อมต่อระบบการขนส่งที่ราบรื่น สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมเทคโนโลยีงานบริการที่เป็นสากลควบคู่ไปกับการตั้งเป้าหมายการเป็นสนามบินสีเขียว (Green Airport) โดย AOT ตั้งเป้าก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ Net Zero ภายในปี 2570 บนความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียครอบคลุมมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

โดยนายคทา วีณิน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการขนส่งสินค้าทางอากาศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ "กลยุทธ์ความร่วมมือในการเปิดประตู สุวรรณภูมิแอร์พอร์ตให้เชื่อมโยงกับการขนส่งทุกโหมด สู่ปลายทางทั่วโลก" รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประชาสัมพันธ์นวัตกรรมด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศ ตลอดจนสร้างโอกาสทางการค้าและขยายเครือข่ายทางธุรกิจร่วมกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย

ทั้งนี้ งาน TILOG-LogistiX 2025 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "Resilient Supply Chains: Overcoming Global Challenges" หรือ "โลจิสติกส์ไทย พิชิตทุกสิ่งท้าทายด้วยความแกร่งแห่งซัพพลายเชน" เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไทย เสริมความแข็งแกร่งผู้ประกอบการ พร้อมรับมือกับความผันผวน และความท้าทายรอบด้านจากสถานการณ์โลก ซึ่งงานนี้ได้รับความสนใจอย่างมากโดยมีผู้แสดงสินค้ากว่า 415 แบรนด์ จาก 25 ประเทศ และผู้ประกอบการกว่า 7,500 ราย จากหลากหลายอุตสาหกรรมเข้าร่วมแสดงศักยภาพ