SIRI : ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์

คงเป้าหมายท่ามกลางกิจกรรมการเติบโตที่สดใส
ผลประกอบการใน 2Q25 ของแสนสิริ เน้นย้ำถึงการควบคุมต้นทุนอย่างมีวินัยและการเปิดตัวโครงการอย่างมีกลยุทธ์ในตลาดที่มีความท้าทาย บริษัทยังคงยืนยันเป้าหมายทั้งปี โดยมีรายได้ประจำไตรมาสอยู่ที่ 8.79 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1.21 พันล้านบาท ยอดจองใน 2Q อยู่ที่ 7.8 พันล้านบาท ลดลงจากฐานที่สูงใน 1Q25 ขณะที่ยอดโอนเพิ่มขึ้นเป็น 9.12 พันล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากคอนโดมิเนียมใหม่ในภูเก็ต ทั้งนี้ ใน 3Q แสดงให้เห็นถึงแรงหนุนจากการเปิดตัวคอนโดมิเนียม ผู้บริหารยังคงมีมุมมองอย่างระมัดระวัง โดยคงเป้าหมายการเปิดตัวทั้งปีที่ 5.2 หมื่นล้านบาท การเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ที่กำลังจะมาถึงและยอดขายรอโอนที่แข็งแกร่งจะช่วยหนุนเป้าหมายการโอนในแต่ละปี เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ SIRI โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 2.20 บาท

อัตรากำไรขั้นต้นเทียบกับเป้าหมายทั้งปี
อัตรากำไรขั้นต้นของโครงการใน 2Q25 อยู่ที่ 29.2% โดยคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 34% และโครงการ low-rise อยู่ที่ประมาณ 27% โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตรากำไรขั้นต้นของโครงการ low-rise ถูกจำกัดด้วยโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่เข้มข้นในตลาดที่มีการแข่งขันสูง โครงสร้างบัญชีสำหรับการขายโครงการจำนวนมากในต่างประเทศ ซึ่งขายยูนิตให้กับบริษัทย่อยในราคาทุนเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่ดิน ก็ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเช่นกัน ผู้บริหารประเมินผลกระทบนี้ไว้ที่ประมาณ 0.05% แม้จะมีแรงกดดันเหล่านี้ บริษัทยังคงรักษาเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปีไว้ใกล้ 30%

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่ำสุดแล้ว, คำแนะนำยังคงมั่นคง
ค่าใช้จ่าย SG&A ใน 2Q25 อยู่ที่ 1.31 พันล้านบาท ซึ่งผู้บริหารถือว่าเป็นจุดต่ำสุดของปี กิจกรรมทางการตลาดที่รอการตัดบัญชีและเงินสำรองโบนัสที่ลดลงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตรากำไรลดลง ผู้บริหารคาดการณ์อัตราส่วน SG&A ต่อรายได้ทั้งปีไว้ที่ 17-18% โดยอิงจากรายได้ต่อปีที่คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท แม้จะมีความท้าทายทางการตลาด แต่เป้าหมายการเปิดตัวโครงการตลอดทั้งปีของบริษัทยังคงมั่นคงที่ 5.2 หมื่นล้านบาท

การขายบ้านตัวอย่างเพื่อกระตุ้นกระแสเงินสด
แสนสิริกำลังลดจำนวนบ้านตัวอย่างที่มีอยู่ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าเกือบ 4 พันล้านบาท กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการขายบ้านตัวอย่างเก่าออกเพื่อเพิ่มกระแสเงินสดและทำให้มูลค่ารวมต่ำกว่า 3 พันล้านบาท เพื่อรักษาสถานะทางการตลาด จะมีการสร้างบ้านตัวอย่างใหม่ในระยะหลังของโครงการ

การซื้อที่ดินล่วงหน้าในภูเก็ต
บริษัทยังคงดำเนินการซื้อที่ดินอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์ที่ภูเก็ต การดำเนินการครั้งนี้เป็นไปตามการคาดการณ์กฎหมายผังเมืองฉบับใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในราวเดือนมีนาคมปีหน้า ซึ่งจะช่วยลดอัตราส่วนพื้นที่อาคาร (FAR) และทำให้การพัฒนาอาคารสูงเป็นไปได้ยากขึ้น แสนสิริได้ซื้อที่ดินมาเป็นเวลา 6-7 เดือนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ์ตามกฎหมายปัจจุบัน ผู้บริหารคาดว่าที่ดินเหล่านี้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่การเปลี่ยนแปลงมีผลบังคับใช้

รายได้จากโครงการ 'The Standard'
รายได้จากแบรนด์ 'The Standard' จะเกิดขึ้นเมื่อโรงแรมใหม่เริ่มก่อสร้าง ในปี 2025 บริษัทคาดว่าจะได้รับรายได้ 4-5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผู้บริหารได้กำหนดแผนรายได้ในอนาคตไว้อย่างชัดเจน โดยคาดการณ์ไว้ที่ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2026, 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2027 และ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2028 ซึ่งจะทำให้มีกระแสรายได้รวมที่มองเห็นได้ประมาณ 50-60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การคาดการณ์รายได้ในปีนี้สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิเคราะห์หลายรายในแง่บวก