Today’s NEWS FEED

News Feed

บลจ. ไทยพาณิชย์ เตรียมจ่ายปันผล - คืนทุน Q2/68 กลุ่มกองทุนอสังหาฯ – อินฟราฯ เสถียรภาพสูง DIF – POPF – CNPCG แนะลงทุนสะสมเพื่อผลตอบแทนมั่นคงระยะยาว

97

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (20 สิงหาคม 2568 )-----นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ที่ผ่านมา ตลาดทุนไทยยังเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนทางการเมือง การชะลอตัวการส่งออกจากนโยบายภาษีนำเข้าระหว่างประเทศ รวมไปถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง แม้จะเผชิญกับสภาพแวดล้อมดังกล่าว กลุ่มกองทุนรวมประเภทอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานที่บริหารจัดการกองทุนโดย SCBAM ยังสามารถทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง จากการบริหารสินทรัพย์กองทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รายได้ที่สม่ำเสมอจากค่าเช่าและบริการที่มั่นคง ทำให้กองทุนสามารถจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยได้อย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสที่ 2/2568 คณะกรรมการพิจารณาการลงทุนได้อนุมัติจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสำหรับรอบการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2568 - 30 มิถุนายน 2568 จำนวน 3 กองทุน โดยมี กองทุน DIF (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล) จ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.2222 บาท/หน่วย(*) กองทุน POPF (กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ไพร์มออฟฟิศ) จ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.2150 บาท/หน่วย(*) และกองทุน CPNCG (กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท) จ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.1909 บาท/หน่วย(*) พร้อมเงินคืนทุน 0.0752 บาท/หน่วย(*) โดยทั้ง 3 กองทุนมีกำหนดจ่ายเงินปันผลให้นักลงทุนในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้

สำหรับ "กองทุน DIF" กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่มีรายได้จากการให้เช่าทรัพย์สินโทรคมนาคม มีรายได้หลักจากการให้เช่าโครงข่ายโทรคมนาคม เช่น เสาสัญญาณและสายใยแก้วนำแสงแก่กลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชัน (TRUE) โดยกองทุนมีจุดแข็งด้านรายได้ที่มั่นคงและมีความผันผวนต่ำจากสัญญาเช่าระยะยาวจากโครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อมรองรับการขยายตัวของเทคโนโลยี 5G ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการเสริมรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 2/2568 กองทุน DIF มีกำหนดจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.2222 บาท/หน่วย นับเป็นครั้งที่ 2 ของปี และครั้งที่ 46 นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 กันยายน 2568

ในขณะเดียวกัน ยังมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อีก 2 กองทุนที่มีกำหนดจ่ายผลตอบแทนในไตรมาสที่ 2/2568 ได้แก่ "กองทุน POPF" ที่ลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารสำนักงาน 2 แห่ง ได้แก่ อาคารสมัชชาวานิช 2 และอาคารบางนา ทาวเวอร์ ซึ่งล้วนตั้งอยู่ในทำเลธุรกิจสำคัญที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยกองทุน POPF มีกำหนดจ่ายปันผลในอัตรา 0.2150 บาท/หน่วย เท่ากับการจ่ายประโยชน์ตอบแทนในไตรมาสก่อน นับเป็นครั้งที่ 2 ของปี และนับเป็นครั้งที่ 57 ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 4 กันยายน 2568 และอีกกองทุน คือ "กองทุน CPNCG" มีรายได้จากการลงทุนในสิทธิการเช่าของอาคารสำนักงานเกรดเอ บริเวณศูนย์การค้าในเครือของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ย่านปทุมวัน นับเป็นทำเลทองที่รายล้อมด้วยศูนย์การค้าและมหาวิทยาลัยชั้นนำ จึงทำให้ทรัพย์สินกองทุนมีอัตราการเช่าพื้นที่สูงถึงร้อยละ 96 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568) โดยกองทุน CNPCG มีกำหนดจ่ายผลตอบแทนรวม 0.2661 บาท/หน่วย แบ่งเป็นเงินปันผลในอัตรา 0.1909 บาท/หน่วย และกำหนดจ่ายเงินคืนทุน 0.0752 บาท/หน่วย หรือเป็นเงินจำนวน 32,083,253 บาท ซึ่งการลดทุนเป็นการจ่ายสภาพคล่องส่วนเกินตามวิธีการทางบัญชี  นับเป็นการจ่ายปันผลและลดทุนครั้งที่ 2 ของปี และเป็นครั้งที่ 50 ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน ซึ่งกำหนดจ่ายปันผล-คืนทุนในวันที่ 4 กันยายน 2568

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "แม้ตลาดทุนไทยในปัจจุบันยังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัย แต่ระดับ Valuation ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตได้สะท้อนถึงโอกาสในการฟื้นตัวของตลาดในระยะข้างหน้า ในช่วงเวลานี้การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพจากปัจจัยพื้นฐานและการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในการสร้างรายได้อย่างมั่นคงและและจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอจึงเป็นทางเลือกการลงทุนที่จะสามารถหาโอกาสสร้างผลตอบแทนระหว่างรอจังหวะที่เศรษฐกิจไทยกลับเข้าสู่เส้นทางการเติบโตอย่างเต็มรูปแบบได้"



(*) ดูข้อมูลการจ่ายเงินปันผลกองทุน DIF, POPF และ CPNCG เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 

• การลงทุนในกองทุนรวมมิใช่การฝากเงิน และผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต • กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุน หรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน • ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://www.scbam.com หรือสอบถามข้อมูลและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการที่ บลจ.ไทยพาณิชย์ หรือ SCBAM Client Relations โทร. 02 777 7777

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้