Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.ทิสโก้ : CBG คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 72 บาท

71


Company Note
Carabao Group

สรุปประชุมนักวิเคราะห์

ผลการดำเนินงานภาพรวมของบริษัทปีนี้ยังเติบโต

ผู้บริหารเปิดเผยเป้าหมายยอดขายคาราบาวแดงปีนี้ 1,100+/- ล้านกระป๋อง (เพิ่มจากปี 2024 ที่ 860 ล้านกระป๋อง) แม้จะมีความกังวลเล็กน้อยเรื่องกำลังซื้อที่อ่อนแอ แต่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังโดยรวมคาดยังเติบโตได้ประมาณ 5% แนวโน้มไตรมาส 3 บริษัทคาดยอดในประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง กลุ่ม energy drink เพิ่มขึ้นตามส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น จากการทำการตลาด แม้ต่างประเทศจะอ่อนตัวจากช่วง low season และผลกระทบจากกัมพูชา สำหรับธุรกิจรับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้าเบียร์ยังเติบโตจากช่วง high season และการออกสินค้า SKU ใหม่

เปลี่ยนกลยุทธ์และโมเดลธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทเปลี่ยนโมเดลธุรกิจจากเดิมที่เน้นผลิตในไทยแล้วส่งออก จะเปลี่ยนไปใช้โมเดลจับมือกับพันธมิตรในแต่ละประเทศมากขึ้น เช่น ในเมียนมา กัมพูชา จีน และตลาดใหม่ๆ ข้อดีเพื่อลดผลกระทบจากกำแพงภาษีและต้นทุนโลจิสติกส์ ทำให้สามารถทำราคาแข่งขันในตลาดท้องถิ่นได้ดีขึ้น สำหรับตลาดใหม่กำลังเจรจากับพันธมิตรในประเทศแถบตะวันออกกลางและกลุ่มประเทศ CIS โมเดลธุรกิจจะเป็นแบบจีนที่ขายเฉพาะหัวเชื้อคาดจะเห็นการผลิตได้ในปีหน้า ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง การผลิตในพื้นที่จะทำให้ราคาขายปลีกลดลงซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ผลกระทบจากกระแสการแบนสินค้าไทยในกัมพูชา บริษัทได้ประเมินสถานการณ์กรณีที่เลวร้ายที่สุด (Worst-Case Scenario) คือไม่สามารถนำเข้าสินค้าได้เลย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิ (Bottom Line) ราว 300-400 ล้านบาท หากสถานการณ์ยืดเยื้อ 3 เดือน จนกว่าโรงงานในกัมพูชาจะเปิดดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันการนำเข้าสินค้ายังคงเป็นไปตามปกติและยังไม่มีคำสั่งห้ามขายอย่างเป็นทางการ แม้จะมีกระแสต่อต้านสินค้าไทยอยู่บ้าง แต่บริษัทมองว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว เนื่องจากผู้บริโภคชาวกัมพูชายังคงนิยมสินค้าแบรนด์คาราบาว สำหรับผลกระทบต่อยอดขายใน 3Q25 บริษัทคาดว่าอาจปรับตัวลดลงราว 20% QoQ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีกว่าที่เคยประเมินไว้ในตอนแรก ด้านแผนรับมือของบริษัทหากสถานการณ์บานปลายอาจต้องพิจารณาถึงขั้นตั้งโรงงานในกัมพูชาหรือออกสินค้าแบรนด์ใหม่

โรงงานในเมียนมา ตามหลักการแล้วการผลิตในประเทศเมียนมาจะทำให้ GP ดีขึ้นประมาณ 2% แต่เนื่องจากโรงงานเพิ่งเปิดและอยู่ในช่วงเริ่มต้น ประกอบกับความล่าช้าในการขอใบอนุญาตนำเข้าวัตถุดิบ ทำให้ GP ในช่วงแรกยังไม่เป็นไปตามเป้า โรงงานจะถึงจุดคุ้มทุนที่อัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization) 60-70% ปัญหาความล่าช้าในการขอใบอนุญาตนำเข้า (Import License) วัตถุดิบ เช่น หัวเชื้อ, กระป๋อง และบรรจุภัณฑ์ ไม่ใช่การห้ามนำเข้า แต่เป็นกระบวนการที่ล่าช้าของภาครัฐ

สำหรับการจัดหาวัตถุดิบ (Raw Material) กลยุทธ์คือการจัดหาวัตถุดิบในประเทศนั้นๆ ให้ได้มากที่สุดเพื่อลดต้นทุน เช่น น้ำตาลในเมียนมาและกัมพูชา ส่วนวัตถุดิบหลักอย่างกระป๋อง จะนำเข้าจากโรงงานของบริษัทในไทย (ACM) และหัวเชื้อจะส่งจากไทยไป

ตลาดจีน บริษัทได้จับมือกับตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ในจีน คาดว่าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการช่วงกลางเดือน ก.ย.25 และจะเริ่มเห็นยอดขายเข้ามาใน 4Q25 หรืออย่างช้าในต้นปีหน้า โมเดลธุรกิจจะเป็นการขายหัวเชื้อซึ่งบวกรวมค่าลิขสิทธิ์และค่าการตลาดเข้าไปแล้ว ซึ่งมีกำไรขั้นต้น (GP) ที่สูงมาก

ความคืบหน้าโรงงานและการลงทุน โรงงานผลิตขวดแก้วในประเทศ (เตาหลอมที่ 3) บริษัทตัดสินใจชะลอการเปิดดำเนินการเตาหลอมที่ 3 ออกไปเป็นช่วงต้นปี 2027 (จากเดิมกลางปี 2026) เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการใช้ขวดในปัจจุบัน, โรงงานในพม่าเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือน ก.ค.25 สำหรับโรงงานกัมพูชาคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในสิ้นปีนี้ และคาราบาวคัพมีการถ่ายทอดสดทุกรอบผ่าน MonoMax เป็นปีแรก

คงประมาณการเดิม คาดผลประกอบการเติบโตแบบอนุรักษนิยม 10% (CAGR2Y)

แนวโน้ม 3Q25F ในเบื้องต้นเราคาดกำไรยังเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ คาดยอดขายรวมจะเติบโตได้ต่อเนื่อง 5% OQoQ จากยอดขายในประเทศ energy drink ยังเติบโตได้ 20%YoY ตามส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น การทำการตลาด การลดสต๊อกตัวแทนจำหน่ายให้สะท้อนยอดขายจริง และกลุ่มรับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้า/เบียร์เป็นช่วง high seasonal ยังเติบโตต่อเนื่อง ในขณะที่ยอดส่งออกคาดลดลงราว 15% จากกัมพูชาที่คาดลดลง 20% จากผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา แต่ประเทศอื่นๆลดลงประมาณ single digit จากช่วง low season ขณะที่อัตรามาร์จิ้นคาดจะใกล้เคียง QoQ จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารประมาณ 10% ของรายได้ ตามเป้าหมายของบริษัท

ผลประกอบการ 1H25 คิดเป็น 50% ของกำไรทั้งปีที่เราคาด เรายังคงประมาณการกำไรปี 2025-26F จะเติบโตเฉลี่ย 10% (CAGR2Y) จากการคาดสัดส่วนการเติบโตของรายได้แบบอนุรักษนิยม คาดรายได้ในประเทศเพิ่มขึ้นจากกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานเพิ่มขึ้นปีละ 5% จากปี 2024 ที่เติบโต 13%YoY และคาดการรับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้า/เบียร์จะเพิ่มขึ้น 18% และ 16% ตามลำดับ จากการออกสินค้าใหม่และทำการตลาดต่อเนื่อง คาดการส่งออกเพิ่มขึ้นปีละ 6% จากปี 2024 ที่เพิ่มขึ้น 4%YoY จากกลุ่ม CLMV ที่ยังมีสถานการณ์เศรษฐกิจไม่แน่นอน คาดอัตรามาร์จิ้นลดลงเล็กน้อยจากสัดส่วนรายได้รับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้า/เบียร์ที่อัตรามาร์จิ้นต่ำกว่าเพิ่มขึ้น คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงจากอัตราการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายในการส่งสินค้าประเภทเหล้าเบียร์ไม่มีค่าใช้จ่ายการตลาด

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 72 บาท อ้างอิง PER-1.5SD เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของ CBG ที่ 23X จากการแข่งขันของรายใหญ่ที่เริ่มรุนแรงมากขึ้น เราคาดการเติบโตของ CBG แบบอนุรักษนิยมเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% จากกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานในประเทศที่ยังเป็นที่นิยมและธุรกิจรับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้า/เบียร์ที่เพิ่มขึ้น และแผนการบริหารต้นทุน ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายอยู่ PER25F ที่ 17X, Dividend Yield 25F ที่ 2.8% ความเสี่ยง : ยอดขายและต้นทุน commodities ที่ไม่เป็นตามคาด, ภาพรวมเศรษฐกิจ

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

หุ้นใหญ่พัก SETเหงา By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้ สภาพัฒน์ เผย เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองปีนี้ ขยายตัวร้อยละ2.8 .....

NER พบนักวิเคราะห์และนักลงทุน ประจำไตรมาส 2 /2568

NER พบนักวิเคราะห์และนักลงทุน ประจำไตรมาส 2 /2568

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้