Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

47

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 13 ส.ค.68 ปิด +18.36 จุด อยู่ที่ 1,277.43 จุด มูลค่าการซื้อขาย 70,067 ลบ. สถาบันซื้อ 7,778 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 288 ลบ. ต่างชาติขาย 6,656 ลบ. และรายย่อยขาย 410 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 849 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,TISCO,BH,KTB,ADVANC และยอดขายหุ้น PTTEP,KTC,SPRC,AOT,GPSC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,887 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HKCE01,AWC,OR โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 4,510 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 112,480 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 90 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ +1.04%, S&P500 +0.32%, Nasdaq +0.14% ได้แรงหนุนจากกลุ่มวัสดุ +1.7%, บริการสุขภาพ +1.58% ขณะที่กลุ่มบริการสื่อสาร -0.48%, อุปโภค -0.44% หลังตลาดคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม ก.ย. ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.54% ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสุขภาพ +1.6% และกลุ่มเทคโนโลยีปรับขึ้นรับเฟดจะลดดอกเบี้ย
  • Market View
  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ S&P500, Nasdaq ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ หลังข้อมูล US CPI ก.ค. +2.7% ต่ำกว่าคาดที่ +2.8% YoY ส่งผลให้ CME FedWatch คาดเฟดมีโอกาส 93.7% จะลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 16 - 17 ก.ย. เช่นเดียวกับ รมว.คลังสหรัฐ สกอตต์ เบสเซนต์ ที่คาดเฟดอาจจะลดดอกเบี้ยถึง 0.50% ใน ก.ย. ส่งผลให้หุ้นกลุ่มบริการสุขภาพ, วัสดุ ปรับขึ้น ขณะที่ Apple +1.6% รับข่าวการขยายธุรกิจหุ้นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI, ระบบป้องกันความปลอดภัยภายในบ้าน และ Smart Displays ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม US PPI ก.ค. คาด 2.5% & มิ.ย. 2.3% YoY และวันศุกร์ ยอดค้าปลีก, การผลิตภาคอุตสาหกรรม ก.ค.,  Fed NY รายงานดัชนีภาคการผลิต ส.ค. และม.มิชิแกนรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เบื้องต้น ส.ค.
  • Stoxx600 ยุโรปวานนี้ +0.54% ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสุขภาพ, เทคโนโลยี ตอบรับข่าวเฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย. กอปรกับข้อมูล CPI เยอรมัน ก.ค. ชะลอตัวอยู่ที่ 1.8% & มิ.ย. 2.0% YoY ขณะที่การประชุมระหว่าง ปธน.ทรัมป์ กับ ปธน.เซนเลนสกีของยูเครนนั้น ทรัมป์เผยยูเครนอาจต้องยอมเสียดินแดนบางส่วน เพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย ซึ่งทรัมป์มีนัดหารือกับปูตินในวันศุกร์นี้ที่อะลาสกา ส่วนค่ำวันนี้ติดตาม GDP อังกฤษ Q2/68 คาด +1.0% & Q1/68 +3% YoY , GDP ยูโรโซน Q2/68 คาด +1.4% & Q1/68 +1.5% YoY
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปรับขึ้น นำโดยดัชนีนิเกอิปิด +1.30% ทำจุดสูงใหม่ หลังข้อมูล US CPI ก.ค. ต่ำกว่าคาด ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยใน ก.ย. ส่วนข้อมูล PPI ญี่ปุ่น ก.ค.ชะลอตัวอยู่ที่ 2.6% & มิ.ย. 2.9% YoY ซึ่งช่วยลดแรงกดดันต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ ในปีนี้ ส่วนดัชนีเซี่ยงฮ้ปิด +0.48% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กอปรสหรัฐ – จีนได้ขยาย ม.ผ่อนผันการค้าต่อไปอีก 90 วัน สัปดาห์นี้วันศุกร์ติดตาม GDP Q2/68 ของญี่ปุ่น และยอดปล่อยสินเชื่อ, ยอดค้าปลีก, ผลผลิตภาคอุต ฯ, ราคาบ้าน, อัตราว่างงานของจีน ก.ค.
  • SET วานนี้ +1.46% ปริมาณการซื้อขาย 0 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 7,778 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 288 ลบ. ต่างชาติขาย 6,656 ลบ. และรายย่อยขาย 1,410 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +6.6% ที่ปรับขึ้นตามกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดเอเชีย หลังตลาดคาดเฟดจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุม ก.ย. ขณะที่กลุ่มไฟแนนท์, อสังหาฯ และกองทุน Property Fund ก็ปรับขึ้น หลัง กนง.มีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% อยู่ที่ 1.50% เพือช่วยเหลือภาคธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบจาก ม.ภาษีของสหรัฐ เช่น กลุ่ม SME กอรปกับเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในระดับต่ำ โดยหากเปรียบเทียบอัตรา Thai Bond Yield 1 ปี อยู่ที่ 1.35% กับดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% บ่งชี้แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้อาจจะปรับลดลงได้อีก 1 ครั้ง ส่งผลให้ Earning Yield Gap ของ SET อาจกว้างขึ้น 10 Bps ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนทางด้าน Upside ของดัชนี ขณะที่รายงานกำไร บจ.Q2/68 ที่ส่งงบแล้ว 355 บริษัทมีกำไรดีกว่า BB.Consensus +9.9% จากกำไรของกลุ่มธนาคาร, ปิโตรเคมี, โรงไฟฟ้า และอาหาร & เครื่องดื่ม ออกมาดีกว่าคาดการณ์ สัปดาห์นี้ติดตามการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 69 วาระ 2 – 3       

Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,260 – 1,270 แนวต้าน 1,280 – 1,290 คาดดัชนีได้แรงหนุนจากโอกาสที่ กนง.อาจจะลดดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้งในปีนี้ แต่ระยะสั้นดัชนีได้ปรับขึ้นตอบปัจจัยบวกดังกล่าวไปบ้างแล้ว จึงแนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น GULF,GPSC,TISCO,TCAP,SAWAD,AEONTS,AP,SPALI,SIRI ที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง/ เก็งกำไร ZIGA,XPG,BROOK หลังราคา Bitcoin เช้านี้ +3.4% อยู่ที่ $123,570
  • CPN* (ซื้อ / ราคาเป้าหมายIAA Consensus 68.75 บาท) งวด 2Q68 รายงานกำไรสุทธิ3 พันล้านบาท +2%QoQ, -6%YoY อ่อนตัวตามปัจจัยฤดูกาลทั้งธุรกิจอสังหาฯ และโรงแรม แต่ธุรกิจค้าปลีกยังเติบโตได้ ส่วนแนวโน้ม 2H68 คาดดีขึ้น HoH เติบโตจากรายได้จากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ในเดือน ก.ย.(Central Park)-ต.ค.(Central Krabi) ก่อนเข้าช่วง high season เทศกาลและการท่องเที่ยวปลายปี ส่วนธุรกิจอสังหาฯ ยังมี backlog คอนโดที่รอโอนอยู่ในช่วง 4Q68 อิง Consensus ตลาดคาดกำไรปี 68 ตลาดคาดกำไรอยู่ที่ 1.73 หมื่นล้านบาท +3%YoY และปี 69 อยู่ที่ 1.90 หมื่นล้านบาท +10%YoY
  • KLINIQ (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย50 บาท) กำไรสุทธิ 2Q68 อยู่ที่ 89 ลบ. (+20%YoY , +5%QoQ) แม้มีปัจจัยลบจากการขยายสาขาราว 5 สาขาใน 2Q68 รวมถึงการปิดให้บริการสาขา L.A.B.X 1 แห่ง แต่ปัจจัยบวกมีน้ำหนักมากกว่าจากรายได้ +YoY +QoQ ส่วนช่วงที่เหลือปีนี้ 3Q68 คาดว่าจะกดดันจากการเปิดสาขา 4 สาขารวมถึงสาขาที่เปิดใหม่ใน 2Q68 ยังไม่ Breakeven แต่ YoYยังจะสามารถเห็นกำไรเป็นบวกได้ต่อ ขณะที่ข้ามไป 4Q68 คาดว่าจะมีการเปิดสาขาใหม่แห่งเดียว และรายได้จากสาขาใหม่ดีขึ้นจาก 3Q68 ส่งผลให้เราคาดว่า 4Q68 จะเป็นจุดสูงสุดของปี ปัจจุบัน เราคาดกำไรสุทธิ ปี68 และ ปี69 ของ KLINIQ ที่ 371  ลบ.( +15%YoY)  และ 448 ลบ.(+20%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ก.ย.-$0.52 อยู่ที่ $62.65 / บาร์เรล, Brent ต.ค. -$0.49 อยู่ที่ $65.63/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 3 ล.บาร์เรล & คาดจะลดลง 275,000 บาร์เรล กอปรกับ IEA คาดอุปทานน้ำมันปีนี้จะเพิ่มขึ้น 2.5 ล.บาร์เรล/วัน & เดิมคาดจะเพิ่มขึ้น 2.1 ล.บาร์เรล/วัน โดยนักลงทุนรอผลการประชุมระหว่าง ปธน.ทรัมป์ & ปูตินในวันศุกร์นี้

 

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$9.30 อยู่ที่ $3,408.30 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.26% อยู่ที่ 97.839 และ US Bond Yield 10 ปี ปรับลดลง จากคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ใน ก.ย.

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -97.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -206.07 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +91.56 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +17.17 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าอยู่ที่ 32.21 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.229 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +8 จุด อยู่ที่ 2,025

(+) BitCoin เช้านี้ +3.65% อยู่ที่ 123,841 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

07 ส.ค.     ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์

13 ส.ค.     ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ครั้งที่ 4/2568

สัปดาห์ที3 สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ

อัพเดตสถานการณ์ลงทุน

ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น

หอการค้าไทย

 

ต่างประเทศ

07 ส.ค.     CN ดุลการค้า (ก.ค.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

12 ส.ค.     US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ก.ค.)

14 ส.ค.     US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ( ก.ค.)

                US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

15 ส.ค.     US ดัชนียอดขายปลีก ( ก.ค.)

 

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง,  Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง    

 

(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*

 

(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*

 

(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*

 

(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*

 

(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*

 

(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio August 2025: MONO*, PR9*, IVL*, PTTGC*, GULF*, TIDLOR*, BH

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999 Ext  2201

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

เปลี่ยนมือ By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็น วานนี้ ต่างชาติ เทขายหุ้น 6,655.96 ล้านบาท สรุปสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 7,778.30 ล้านบาท นับเป็นการ....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้