Today’s NEWS FEED

News Feed

(เพิ่มเติม HotNews: ส่องผลงาน 2 บิ๊กยางพารา NER ยอดขาย Q2/68 พุ่ง 30.56% /STA ปั้ม 3.08 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 19.4%

1,128

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 13 สิงหาคม 2568 )---NER เผยยอดขาย Q2/68 รวม 7,584.57 ลบ. โต 30.56% พร้อมกำไรเติบโตต่อเนื่อง และจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.05 บ./หุ้น

 


NER ประกาศงบไตรมาส 2 ปี 2568 มีปริมาณขาย 111,883 ตัน เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 21,432 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.69 คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 7,584.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,775.35 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.56 ทั้งนี้มีกำไรสุทธิสำหรับงวดไตรมาส 2/2568 เท่ากับ 554.00 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 75.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.72 พร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาลอัตรา 0.05 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 22 สิงหาคม 2568 กำหนดวันจ่ายปันผลวันที่ 5 กันยายน 2568 โดยยอดจ่ายปันผลรวม 92.39 ล้านบาท


 

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER  ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง ยางผสม และสินค้าปลายน้ำแผ่นยางพาราปูพื้นคุณภาพสูง เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ  เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2/2568  (งวด 3 เดือน)  สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณขาย 111,883 ตัน เพิ่มขึ้น 21,432 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.69  คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 7,584.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,775.35 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.56

โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 6,087.80 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 80.27% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 1,373.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.13% และรายได้จากการขายต่างประเทศ 1,496.76 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19.73 ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 402.18 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.74   ทั้งนี้มีกำไรสุทธิสำหรับงวดไตรมาส 2/2568 (งวด 3 เดือน) เท่ากับ 554.00 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 7.30 ของรายได้จากการขายรวม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 75.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.72


สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก (งวด 6 เดือน) สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณขาย 238,973 ตัน เพิ่มขึ้น 33,903 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.53  คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 16,282.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,931.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.83 แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 12,165.26 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 74.71 ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 2,581.06 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.93  และรายได้จากการขายต่างประเทศ 4,117.33 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25.29 ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 1,350.45 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 48.81

ทั้งนี้ หากสรุปรายได้จากการขายครึ่งปีแรกงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.83 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้น แบ่งเป็นผลต่างด้านราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1,889.44 ล้านบาท และแบ่งเป็นผลต่างด้านปริมาณเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2,309.58 ล้านบาท  โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,162.83  ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 7.14 ของรายได้จากการขายรวม โดยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 230.47 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.72  

 พร้อมกันนี้ มติคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินยอดจ่ายปันผล 92.39 ล้านบาท โดยจะขึ้น XD ในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 5 กันยายน 2568


นายชูวิทย์ กล่าว สำหรับภาพรวมการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2568 มีแนวโน้มดี เนื่องจากปัจจุบันมีคำสั่งซื้อ (Order) ล่วงหน้า 3-6 เดือนครอบคลุมถึงไตรมาส 4/68 มั่นใจว่าในปี 2568 จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 500,000 ตัน หรือประมาณ 34,000 ล้านบาท และยังมีปัจจัยหนุนความต้องการยางพาราในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย หลังโรงงานผลิตยางรถยนต์ย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย NER ได้ปรับสัดส่วนการส่งสินค้าไปยังโรงงานในประเทศอยู่ที่ 70% และส่งออก 30% ไปยังประเทศญี่ปุ่น จีน และอินเดีย เพื่อลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

 



 STA ประเมินดีมานด์ยางธรรมชาติรับสัญญาณบวกจากความชัดเจน Tariff Q2/68
 ทำรายได้จากการขายและบริการ 3.08 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.4%
 

 

STA ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมยางธรรมชาติครึ่งปีหลังรับแรงหนุนจากดีมานด์ในตลาดโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังมีความชัดเจนของอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่ทยอยประกาศแล้วหลายประเทศ มุ่งผลักดันผลการดำเนินงานกลับมาทำกำไรและโมเมนตัมที่ดีของถุงมือยางในครึ่งปีหลังของปีนี้ หลังไตรมาส 2/2568 ทำรายได้จากการขายและบริการ 30,841 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่มีผลขาดทุนจากผลกระทบมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ราคายางปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วถึงราว 20% หลังการประกาศ รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ทั่วโลกก็ปรับลดลงเช่นกัน ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่บริษัทฯ ไม่สามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจด้วยประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนที่ดีและเสริมประสิทธิภาพการผลิตและการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง



นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ผู้นำธุรกิจยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลกและผู้ผลิตถุงมือยางอันดับหนึ่งของประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมยางธรรมชาติครึ่งปีหลังคาดว่ามีความต้องการใช้ในตลาดโลกเพิ่มขึ้น หลังจากมีความชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับอัตราภาษีตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา (US Reciprocal Tariff) ที่ทยอยได้ข้อสรุปกับหลายประเทศแล้ว ช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ วางแผนธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของบริษัทฯ ขณะที่ข้อสรุปอัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยไปยังสหรัฐฯ ที่ 19% นั้น เป็นระดับเดียวกันกับประเทศผู้ผลิตถุงมือยางรายอื่นในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ทำให้บริษัทฯ ไม่สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และคงสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดโลก โดยบริษัทฯ วางแผนขยายตลาดยางธรรมชาติและถุงมือยางอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโต โดยเฉพาะธุรกิจถุงมือยางของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลังของปีนี้

 

ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นผลักดันผลการดำเนินงานกลับมาทำกำไรในครึ่งปีหลัง จากการมุ่งเน้นประสิทธิภาพการบริหารต้นทุน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตามคือสถานการณ์ราคายางธรรมชาติในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงตั้งแต่ไตรมาส 2/2568 และยังคงมีแนวโน้มผันผวน



ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 30,841.4 ล้านบาท และปริมาณการขายยางธรรมชาติรวม 397,461 ตัน เพิ่มขึ้น 0.1% จากไตรมาสก่อน และ 20.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากธุรกิจถุงมือยาง 5,970.1 ล้านบาท ลดลง 8.4% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 5.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นปริมาณการขายถุงมือยาง 9,091 ล้านชิ้น ลดลงเล็กน้อย 1.1% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากลูกค้าบางส่วนชะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอความชัดเจนของภาษีศุลกากรสหรัฐฯ แต่เพิ่มขึ้น 7.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการฟื้นตัวของดีมานด์ทั่วโลก


ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 2568 มีรายได้จากการขายและบริการ 65,226.5 ล้านบาท และปริมาณการขายยางธรรมชาติรวม 794,416 ตัน เพิ่มขึ้น 31.8% และ 22.7% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงมีอีบิทด้า (EBITDA) 647.6 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการขายถุงมือยาง 12,490.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนปริมาณการขายอยู่ที่ 18,282 ล้านชิ้น ลดลงเล็กน้อย 1.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความกังวลภาษีศุลากรสหรัฐฯ แต่ชดเชยด้วยราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น


อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาขายยางธรรมชาติได้รับแรงกดดันจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยไตรมาส 2/2568 ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลต่ออัตรากำไร ทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2/2568 และ 6 เดือนแรกปี 2568 ที่ 786.8 ล้านบาท และ 98.1 ล้านบาท ตามลำดับ

 




///จบ///

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ยืนได้ By : แม่มดน้อย

ง แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นหุ้นไทย เห็นดัชนีฯยังยืนได้ เห็นวานนี้ ต่างชาติซื้อหุ้น เชื่อว่า บ่ายวันนี้ บรรยากาศ...

'เวฟ บีซีจี' ควง 'พีทีจี' รับรางวัล 'Premium T-VER Award' จาก อบก. ตอกย้ำความมุ่งมั่นผู้นำและพัฒนา สร้างคาร์บอนเครดิตระดับสากล

'เวฟ บีซีจี' ควง 'พีทีจี' รับรางวัล 'Premium T-VER Award' จาก อบก.ตอกย้ำความมุ่งมั่นผู้นำและพัฒนา สร้างคาร์บอนเครดิตร

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้