Today’s NEWS FEED

News Feed

เปิดพอร์ตการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย ปี 2568

102

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (13 สิงหาคม 2568 )-----Key Findings: จากการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 854 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 13.43 ล้านล้านบาท หรือ 97.89% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด (Total Market Capitalization) สรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้
•    ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย มีมูลค่ารวมประมาณ 4.43 ล้านล้านบาท คิดเป็น 32.99% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับสิ้นปี 2567 พบว่า มูลค่าการถือครองหุ้นลดลง 24.13% ซึ่งเป็นการลดลงตามราคาหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลง สังเกตได้จาก SET Index ที่ลดลง 22.19% 
•    กลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มบริการ โดยการถือครองหุ้นทั้ง 3 กลุ่มอุตสาหกรรมมีมูลค่าการ     ถือครองหุ้นรวม 3.34 ล้านล้านบาท คิดเป็น 75.39% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ
•    หมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON) หมวดธนาคาร (BANK) และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 มีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 2.61 ล้านล้านบาท คิดเป็น 58.97% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ
•    72.9% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเป็นการถือครองหุ้นที่อยู่ใน          องค์ประกอบของ MSCI Thailand Index ซึ่งมีสัดส่วนลดลงจาก 75.2% จาก ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 อันเป็นผลจากราคาหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงและการขายหุ้นเนื่องจากหุ้นของบริษัทจดทะเบียนบางบริษัทไม่ได้เป็นองค์ประกอบดัชนี ณ ช่วงเวลาที่ทำการศึกษา
•    นักลงทุนต่างประเทศที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 10 สัญชาติแรก พบว่า ยังคงเป็นสัญชาติและอันดับเดียวกันกับปีก่อน โดยนักลงทุนจากสหราชอาณาจักรมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด ตามด้วยนักลงทุนจากสิงคโปร์ ฮ่องกง สวิสเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฝรั่งเศส และมอริเชียส ตามลำดับ


ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยรวม 4.43 ล้านล้าน คิดเป็น 32.99% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด ลดลงจาก 33.82% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 จากราคาหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงเป็นสำคัญ
    จากการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ  ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์   เอ็ม เอ ไอ (ตลาดหุ้นไทย) จาก 1) ข้อมูลการปิดสมุดทะเบียนเพื่อประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้น / เพื่อจ่ายเงินปันผล 2) ข้อมูล Corporate Actions และ 3) ข้อมูลการระดมทุนผ่านตลาดรองของบริษัทจดทะเบียน โดยใช้ข้อมูลล่าสุดถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2568 จำนวน 854 บริษัท  มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 13.43 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 97.89% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด (Total Market Capitalization) 
    ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยรวม 4.43 ล้านล้านบาท (ภาพที่ 1) คิดเป็น 32.99% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด ขณะที่ ณ สิ้นปี 2567 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียน 868 หลักทรัพย์ มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 5.84 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 33.82% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด 
    เมื่อเปรียบเทียบมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2567 พบว่า มีมูลค่าการถือครองหุ้นลดลง 1.41 ล้านล้านบาท หรือลดลง 24.13% ซึ่งมีสาเหตุหลักจาก 1) การปรับตัวลดลงของราคาหลักทรัพย์เป็นสำคัญ สังเกตได้จาก SET Index (ตารางที่ 1) ที่ลดลง 22.19% จากสิ้นปีที่ผ่านมา  2) การขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ของนักลงทุนต่างประเทศ (ภาพที่ 2) ที่มีการขายสุทธิรวม 78,689.92 ล้านบาท และ 3) การเพิกถอนการเป็นบริษัทจดทะเบียน



ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคม 2568 ราคาหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดัชนีราคาหมวดธุรกิจ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 ปรับเพิ่มขึ้นทุกหมวดธุรกิจจากสิ้นเดือนมิถุนายน 2568 (ตารางที่ 1) และนักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อสุทธิในเดือนกรกฎาคม 2568 ด้วยมูลค่าซื้อสุทธิรวมกว่า  16,121.19 ล้านบาท (ภาพที่ 2) ซึ่งเป็นการกลับมาซื้อสุทธิในรอบ 10 เดือน นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2567

 

กลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มบริการ มีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 3.34 ล้านล้านบาท คิดเป็น 75.39% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

 

เมื่อพิจารณามูลค่าถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย จำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรม 9 อุตสาหกรรม (นับตลาดเอ็ม เอ ไอ เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรม) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 พบว่า นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นลดลงทุกกลุ่มอุตสาหกรรมตามราคาหลักทรัพย์ที่ลดลง (ตารางที่ 2) อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่มีการถือครองสูงสุด 3 อันดับแรกยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเดิม โดยกลุ่มเทคโนโลยียังคงมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ตามมาด้วยอันดับที่ 2 คือ กลุ่มธุรกิจการเงิน และอันดับที่ 3 คือ กลุ่มบริการ  ตามลำดับ ซึ่ง 3 อุตสาหกรรมนี้มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 3.34 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 75.39% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

กลุ่มเทคโนโลยี ยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด ด้วยมูลค่ารวม 1,852,713 ล้านบาท ลดลง 841,378 ล้านบาท หรือลดลง 31.23% จากสิ้นปี 2567 อันมีสาเหตุหลักจากราคาหลักทรัพย์ที่ลดลงของบริษัทจดทะเบียน สังเกตได้จากดัชนีราคาของกลุ่มเทคโนโลยีที่ลดลง 22.41% จากปีก่อน

                อันดับที่ 2 คือ กลุ่มธุรกิจการเงิน มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 887,434 ล้านบาท ลดลง 96,488 ล้านบาท หรือลดลง 9.81% จากสิ้นปี 2567 อันมีสาเหตุหลักจากราคาหลักทรัพย์ที่ลดลงของบริษัทจดทะเบียน สังเกตได้จากดัชนีราคาของกลุ่มธุรกิจการเงินที่ลดลง 10.91% จากปีก่อน

                อันดับที่ 3 คือ กลุ่มบริการ มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 598,729 ล้านบาท ลดลง 242,237 ล้านบาท หรือลดลง 28.80% จากสิ้นปี 2567 อันมีสาเหตุหลักจากราคาหลักทรัพย์ที่ลดลงของบริษัทจดทะเบียน สังเกตได้จากดัชนีราคาของกลุ่มบริการที่ลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ระดับ 32.58% จากสิ้นปีก่อน ที่สำคัญจากการราคาหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในหมวดบริการเฉพาะกิจ หมวดขนส่งและโลจิสติกส์ ที่ดัชนีราคาหมวดธุรกิจเหล่านี้ลดลงกว่า 40% จากสิ้นปี 2567

 

หมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รองลงมา คือ  หมวดธนาคาร และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามลำดับ

          เมื่อพิจารณามูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศจำแนกตามหมวดธุรกิจของตลาดหุ้นไทย จำนวน 27 หมวด  (รวมตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เป็นหนึ่งหมวดธุรกิจ) พบว่า หมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก (ตารางที่ 3) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ได้แก่ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON) หมวดธนาคาร (BANK) และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) โดยทั้งมีมูลค่าการถือครองหุ้นของ 3 หมวดธุรกิจข้างต้นรวม 2.61 ล้านล้านบาท คิดเป็น 58.97% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

 

หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON) มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 1,217,241 ล้านบาท คิดเป็น 27.48% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ รองลงมา คือ หมวดธนาคาร (BANK) มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 758,959      ล้านบาท คิดเป็น 17.14% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ และอันดับที่ 3 ได้แก่ หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) มูลค่าการถือครองหุ้นรวม 635,472 ล้านบาท คิดเป็น 14.35% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ 72.9% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย เป็นการ     ถือครองหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของ MSCI Thailand Index ซึ่งมีสัดส่วนลดลงจากปีที่ผ่านมา เนื่องจาก บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่บางบริษัทในตลาดหุ้นไทยไม่ได้เป็นองค์ประกอบดัชนี ในช่วงเวลาที่ทำการศึกษา

จากรายชื่อหลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้น ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 เปรียบเทียบกับรายชื่อองค์ประกอบของ MSCI Thailand Index จำนวน 21 บริษัท[1] พบว่า นักลงทุนต่างประเทศถือครองทุกหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีดังกล่าว โดยมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 3.23 ล้านล้านบาท คิดเป็น 72.9% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ (ภาพที่ 3) ซึ่งมีสัดส่วนลดลงจาก ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่บางบริษัทในตลาดหุ้นไทยไม่ได้เป็นองค์ประกอบดัชนี ในช่วงเวลาที่ทำการศึกษา ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศที่มีกลยุทธ์การลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิง (tracking index strategy) ขายหุ้น หรือ อาจยังคงถือหุ้นอยู่แต่หุ้นกลุ่มนี้จัดเป็นกลุ่มที่ไม่ได้เป็นองค์ประกอบดัชนี และขณะทำการศึกษาและราคาหุ้นนั้นๆ ปรับตัวลดลง ซึ่งประเด็นต่างๆ เหล่านี้จะต้องศึกษาข้อมูลเชิงลึกต่อไป

 

[1]   ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 หุ้นของบริษัทจดทะเบียนไทยรวม 21 บริษัท ที่เป็นองค์ประกอบ MSCI Thailand Index ณ 30 มิถุนายน 2568 ขณะที่ ณ สิ้น           เดือนสิงหาคม 2567 มีหุ้นของบริษัทจดทะเบียนไทย 32 บริษัทที่เป็นองค์ประกอบดัชนี

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 นักลงทุนจาก 124 สัญชาติ ถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย โดยนักลงทุนจากสหราชอาณาจักร สิงคโปร์ และฮ่องกง มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด               3 สัญชาติแรก

จากข้อมูลการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 พบว่า มีนักลงทุนต่างประเทศจำนวน 124 สัญชาติถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย เพิ่มขึ้นสุทธิ 2 สัญชาติจากปีที่ผ่านมา โดยนักลงทุนต่างประเทศที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 10 สัญชาติแรกที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด มีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 4.30 ล้านล้านบาท คิดเป็น 97.1% ของมูลค่าการถือครองหุ้นทั้งหมดของนักลงทุนต่างประเทศ (ตารางที่ 4) ซึ่งมูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่เป็นการถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีอ้างอิงต่างประเทศ (International Benchmarking Index) และพบว่า 3 สัญชาติแรก มีมูลค่าการ       ถือครองหุ้นรวมสูงถึง 67.2% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมดในตลาดหุ้นไทย

จากภาพรวมมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศจำแนกตามสัญชาตินักลงทุน พบว่า นักลงทุน 10 สัญชาติแรกที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวมสูงสุด ณ  สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ยังคงเป็นนักลงทุนสัญชาติเดียวกับปีที่ผ่านมา และทั้งหมดอยู่ในอันดับเดียวกับปีที่ผ่านมา สรุปได้ดังนี้

  • นักลงทุนจากสหราชอาณาจักรยังคงมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุดในตลาดหุ้นไทย โดยถือครองหุ้นของบริษัท จดทะเบียน 815 บริษัท มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 29 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 29.2% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมดในตลาดหุ้นไทย โดยมูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่ของนักลงทุนจากสหราชอาณาจักรเป็นการถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีอ้างอิงต่างประเทศ (อาทิ MSCI Thailand Index เป็นต้น)
  • อันดับที่ 2 ยังคงเป็นนักลงทุนจากสิงคโปร์ โดยถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียน 783 บริษัท มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 22 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 27.6% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมดในตลาดหุ้นไทย โดยมูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่ของนักลงทุนจากสิงคโปร์เป็นการถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี (ทั้งในหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) และบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่อยู่ในหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค
  • อันดับที่ 3 คือ นักลงทุนจากฮ่องกง โดยถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียน 399 บริษัท มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 458,663 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมดในตลาดหุ้นไทย โดยมูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่ของนักลงทุนจากฮ่องกงเป็นการถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีอ้างอิงต่างประเทศ
  • ขณะที่อันดับที่ 4 คือ นักลงทุนจากสวิสเซอร์แลนด์ โดยถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียน 593 บริษัท มีมูลค่าการ ถือครองหุ้นรวม 310,275 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมดในตลาดหุ้นไทย โดยมูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่ของนักลงทุนจากสวิสเซอร์แลนด์เป็นการถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีอ้างอิงต่างประเทศ โดยเฉพาะในธุรกิจพลังงาน และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
  • อันดับที่ 5 คือ นักลงทุนจากสหรัฐอเมริกา โดยถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียน 575 บริษัท มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 299,888 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมดในตลาดหุ้นไทย โดยมูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่ของนักลงทุนจากสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่กระจายถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีอ้างอิงต่างประเทศ

อันดับที่ 6 ถึงอันดับที่ 10 ได้แก่ นักลงทุนจากเนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฝรั่งเศส และมอริเชียส ตามลำดับ

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

สำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ เยี่ยมชมกิจการ "SMO"

สำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ เยี่ยมชมกิจการ "SMO"

บิ๊กแคป เขียว By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ชมบิ๊กแคป หลายตัว ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามแรงซื้อ ตามกระแสทุนนอกที่ยังคงไหล....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้