Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

104

 


ภาพตลาดและแนวโน้ม

 

กระแสเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเชียต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่หก โดยยอดซื้อสุทธิในสัปดาห์ล่าสุดชะลอลงสู่ระดับ 1,656 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับ 3,333 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ก่อนหน้า แรงซื้อชะลอลงในหลายตลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียเหนือ โดยตลาดที่มียอดซื้อสุทธิได้แก่ เกาหลีใต้ (+931 ล้านดอลลาร์) ไต้หวัน (+821 ล้านดอลลาร์) และไทย (+55 ล้านดอลลาร์) ส่วนตลาดที่มียอดขายสุทธิได้แก่ อินโดนีเซีย (-142 ล้านดอลลาร์) และ ฟิลิปปินส์ (-8 ล้านดอลลาร์)
แม้ว่าสัญญาณในระยะสั้นจะยังเป็นบวก แต่หากมองภาพรวมตั้งแต่ต้นปี กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงมียอดขายสุทธิ โดยยอดขายสะสมใน 5 ตลาดหลักของภูมิภาคอยู่ที่ระดับ 9,517 ล้านดอลลาร์ โดยเกาหลีใต้เป็นตลาดที่เผชิญแรงขายมากที่สุด (-5,399 ล้านดอลลาร์) ตามด้วยอินโดนีเซีย (-3,753 ล้านดอลลาร์) และไทย (-1,896 ล้านดอลลาร์)

ในเชิงหมวดอุตสาหกรรม สัญญาณจากดัชนี Volume Index ของแต่ละตลาดชี้ให้เห็นถึงแรงซื้อในกลุ่ม Energy และ Chemical ในตลาดหุ้นไต้หวัน ไทย และอินโดนีเซีย รวมถึงกลุ่ม Technology ในตลาดหุ้นไต้หวัน และอินโดนีเซีย

ในฝั่งตลาดหุ้นไทย ดัชนี Volume Flow ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อน หลังแตะระดับ midpoint อย่างไรก็ดี แรงซื้อเริ่มแผ่วเมื่อดัชนี SET เข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1,250 จุด

สำหรับแนวโน้มสัปดาห์นี้ เราคาดว่าตลาดจะหันมาให้ความสนใจกับกลุ่มหุ้นภายในประเทศ เช่น ธนาคารและกลุ่ม ICT มากขึ้น ภายใต้ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังส่งสัญญาณชะลอตัว ซึ่งอาจกดดันกลุ่ม Global & Commodity Plays


Implications
แรงซื้อจากต่างชาติที่ชะลอตัวลง บ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของตลาดหุ้นเอเชียอาจเข้าสู่ช่วงพักฐาน หรือเผชิญกับความผันผวนมากขึ้นในระยะสั้น โดยเฉพาะในตลาดที่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรงก่อนหน้า

เราจึงแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังกับการลงทุนมากขึ้น เนื่องจากความผันผวนและปริมาณการซื้อขายที่อาจเบาบางลง โดยกลุ่มหุ้นที่อิงกับปัจจัยในประเทศอาจช่วยสร้างสมดุลในพอร์ตช่วงนี้ได้ แต่แรงส่งเชิงบวกคงยังไม่มากพอที่จะทำให้อัพไซด์ของตลาดโดยรวมเปิดกว้าง การฟื้นตัวอย่างมั่นคงจึงต้องอาศัยความชัดเจนในภาพรวมเศรษฐกิจและทิศทางกำไรมากกว่านี้

สรุปภาพตลาดวานนี้
หุ้นไทย ไม่ยอมลง โดย DELTA รับภาระช่วยดันครึ่งทาง ที่เหลือจึงมีแรงหนุนจากหุ้นใหญ่อย่าง TRUE GULF CPALL BH BDMS SCC OR KBANK เข้ามาช่วย ขณะที่แรงขายทำกำไรไม่แรง มาจาก PTT PTTEP CPF TOP TU CPAXT แต่กลุ่มที่โดยขายหนักสายการบิน AAV BA หลัง THAI เข้ามาเทรดวันแรก (เปิด-ปิด ราคาเดียวกัน 10.50 บาท)

แนวโน้มตลาดวันนี้
ปันผลยิ่งจ่ายสูง,หุ้นยิ่งขึ้น
เราคงคาดแนวโน้มสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นไทย “พัก (Sideway)อยู่ในกรอบ 1,215-1,230/1,240 จุด” โดยเป็นการพักฐานปกติ ยังไม่ถึงขึ้นทิ้งดิ่งลงและจบรอบ หลุด 1,200 จุด การพักฐานครั้งนี้คาดเกิดจากแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังตลาดหุ้นไทยวิ่งขึ้นมาถึงแนวต้าน 1,250 จุด ตามที่เราประเมิน...

แนะจับตาการเมืองในประเทศ ตามไทม์ไลน์การเมืองในประเทศที่เราเกริ่นไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว คาดสัปดาห์นี้จะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อบรรยากาศการลงทุนระยะสั้น เพราะการสะดุดของรัฐบาลอาจมีผลผูกพันไปถึงยังงบประมาณที่กำลังจะผ่านสภาฯ -อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณปี 69 (คดีการเมือง เช่น ศาลรัฐธรรมนูญขยายเวลาให้เป็นครั้งสุดท้ายแก่นายกแพรทองธาร ชี้แจงปมคลิปเสียง วันที่ 4 ส.ค. ซึ่งต้องติดตามคำสั่งวันวินิจฉัยคดี ลำดับถัดไป, ศาลฏีกาได้นัดฟังคำสั่ง คดี”ทักษิณรักษาตัวชั้น 14” วันที่ 9 ก.ย.นี้ เป็นต้น ส่วนปัจจัยมหภาค ตปท.คาดเป็นกลางค่อนไปทางบวก หลังผลโพลเฟด ล่าสุดพลิกคาดเฟดปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งปีนี้ (จากเดิมคาดแค่ 1-2 ครั้ง) เหลือ 3.5-3.75%
และเราคงคาดว่า ฤดูกาลประกาศงบการเงิน แถมประกาศจ่ายเงินปันผลที่สูงขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาด (ล่าสุด KBANK จ่อปันผลเพิ่ม) จะช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลงของตลาดหุ้นไทย และจะช่วยดันราคาหุ้นรายตัวในรอบถัดไป

ด้วยเราพบว่าการประกาศจ่ายเงินปันผล บจ.รอบนี้ มีแนวโน้มที่จ่ายเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่เราและตลาดคาด ซึ่งการทยอยประกาศงบตลอดทั้งสัปดาห์นี้ และ เดือน ส.ค. คาดว่าจะเห็นการประกาศจ่ายเงินปันผลที่สูงขึ้น ตามกำไรที่ดีกว่าคาด...

กลยุทธ์แนะนำถือหุ้นตามพอร์ตที่เราแนะนำไว้ก่อน โดยเฉพาะหุ้นปันผล และหาจังหวะเพิ่มการซื้อเก็งกำไร หุ้นที่เห็นแนวโน้มของการปรับประมาณการณ์กำไร และ การปรับเพิ่มคำแนะนำ หุ้นรายตัวจากนี้ไป

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ถือหุ้นปันผล เริ่มสะสมหุ้นต้นรอบ ดักงบการเงินไตรมาส 2 และปันผลระหว่างกาล

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET เผชิญแรงเหวี่ยงลงสลับขึ้น ภายหลังปรับตัวขึ้นมาแล้ว +18% ปลายทางคลื่นขาขึ้น Impulse wave 5! ขณะที่ RSI ชะลอตัว ลดความร้อนแรง! เกิดภาพ divergence เล็กๆ….ปัจจุบันดัชนีลงมา test จุด check point....แนวรับแรก 1,220 (EMA 10 วัน) แล้วดึงกลับ ยังคงท้าทาย previous high & EMA 200 วัน....จับตาการฟื้นตัวรอบนี้ต้องพยายามทะลุ high 1,255 ขึ้นไปให้ได้ เพื่อที่จะรักษาโมเมนตัมขาขึ้นระยะสั้นให้ไปต่อถึงโซนเป้าหมายที่ 1,270 จุด ในทางตรงกันข้ามหากหลุด 1,200 จุด จะมีแนวรับถัดไป 1,180 ซึ่งถือว่าสำคัญมากๆๆๆ เนื่องจากเป็นจุดที่เส้นค่าเฉลี่ยกองมัดกันรวมตัวอยู่หลายเส้นนั้นเอง มุมมองสัปดาห์นี้ให้น้ำหนักดัชนีมีโอกาสปรับฐานย่อยมากกว่าครับ

 

 

 

 

What to watch
ศาลรัฐธรรมนูญ ขยายเวลา(เป็นครั้งสุดท้าย) ให้นายกแพรทองธาร ชี้แจงปมคลิปเสียง วันจันทร์ที่ 4 ส.ค.นี้ ซึ่งต้องติดตามคำสั่งวันวินิจฉัยคดี หลังจาก วันที่ 4 ส.ค. อีกครั้ง รวมถึง วันที่ 9 ก.ย. เวลา 10:00 น. ศาลฏีกาได้นัดฟังคำสั่ง คดี”ทักษิณรักษาตัวชั้น 14”
MSCI review คาดประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก ช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือน ส.ค.
TU ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.35 บาท (ดีกว่าที่ BLS คาด 0.29 บ.)
นักลงทุนทั่วโลกจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในเดือนนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีนี้จะมีขึ้นในวันที่ 21-23 ส.ค. ในหัวข้อ "Labor Markets in Transition: Demographics, Productivity, and Macroeconomic Policy" หรือ "ตลาดแรงงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน: โครงสร้างประชากร, ประสิทธิภาพการผลิต และนโยบายเศรษฐกิจมหภาค" โดยมีธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาแคนซัส ซิตี้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 63.1% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเดือน ต.ค.กับเดือน ธ.ค.จะปรับลดดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% เหลือ 3.5-3.75%

หุ้นแนะนำวันนี้
KTB Sentiment บวกรับราคาหุ้น THAI กลับเข้าเทรดวันแรกพุ่งขึ้นแรง ด้านปัจจัยพื้นฐาน THAI ที่กลับมามีกำไรคาดเป็นบวกต่อเจ้าหนี้อย่าง KTB
แนวรับ 21.5 ต้าน 22.5 Stop loss 21

 

 


รายงานพื้นฐานวันนี้

Energy Sector
กำไรรวมไตรมาส 2 อ่อนแอลง แต่คาดฟื้นไตรมาส 3
คาดกำไรหลักกลุ่มพลังงานที่ศึกษา 2Q25 อยู่ที่ 3.87 หมื่นล้านบาท (-20% YoY, -5% QoQ) จากราคาพลังงานที่ลดลง และกำไร inventory loss ของบางราย โดย PTTEP และ BANPU คาดกำไรลด YoY ชัดเจน ขณะที่กลุ่มโรงกลั่นและ OR ได้อานิสงส์ฐานต่ำปีก่อน โดย IRPC, BCP และ TOP คาดกำไรดีขึ้น YoY ส่วน QoQ กำไร OR, BCP และกลุ่ม upstream คาดอ่อนตัว โดยเฉพาะ OR ที่คาดว่ากำไรจากธุรกิจ mobility และ global ลดลงแรง

แนวโน้ม 3Q25 คาดกำไรกลับมาเติบโตทั้ง YoY และ QoQ โดยโรงกลั่นนำการฟื้นตัวของกำไร นำโดย SPRC และ TOP จาก GRM ที่ดีขึ้น ขณะที่ OR คาดรายได้เพิ่มทุกธุรกิจ ด้าน PTTEP และ BANPU คาดกำไรยังอ่อนตัว YoY ตามราคาพลังงาน แต่ BANPU อาจโต QoQ ได้จากธุรกิจถ่านหิน ส่วน TOP คาดกำไร QoQ ลดลงเพียงรายเดียวจากการปิดซ่อมบำรุง

Fundamental view: แม้สงครามการค้าสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลาย แต่ความไม่แน่นอนยังมี โดยเฉพาะมาตรการภาษีจีนรอบใหม่ PTT (Div. yield 6.6%) และ TOP (Valuation ต่ำ และต้นทุนน้ำมันลด) ยังเป็นหุ้นเด่นกลุ่มพลังงาน

Commodities Tracker
ราคาน้ำมันดิบเด่นสุด
ภาพรวม: ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแรงสุดในกลุ่ม Commodities สัปดาห์ที่ผ่านมา หนุนโดยความกังวลต่อซัพพลายจากรัสเซีย ขณะที่ GRM และสเปรดเคมีปรับลงแรงตามต้นทุนน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะเป็นบวกหากสงครามการค้าคลี่คลายจากการเจรจาของสหรัฐฯ

น้ำมันดิบ: ราคาดูไบเพิ่มขึ้น +2.57 เหรียญ WoW มาอยู่ที่ 73.51 เหรียญ/บาร์เรล จากความกังวลต่ออุปทานของรัสเซีย

ค่าการกลั่น: GRM สิงคโปร์ลดลง -0.93 เหรียญ WoW เหลือ 2.75 เหรียญ/บาร์เรล จากต้นทุนน้ำมันดิบที่พุ่งสูง โดย crack spread ของ gasoline, jet, diesel และ HSFO ลดลงถ้วนหน้า

เคมีภัณฑ์: สเปรดเคมีลดลงแรงจากต้นทุน Naphtha ที่เพิ่มขึ้น โดย Ethylene -28 เหรียญ WoW เหลือ 18 เหรียญ/ตัน และ HDPE -28 เหรียญ เหลือ 345 เหรียญ/ตัน
ถ่านหิน: ดัชนี NEX เพิ่มขึ้น +3.91 เหรียญ WoW (4%) มาที่ 114.27 เหรียญ/ตัน จากดีมานด์ในเอเชียที่แข็งแกร่ง
ค่าระวางเรือ: BDI ลดลง -3% WoW เหลือ 2,070 จุด โดย Panamax -10%, Supramax -3% ส่วน World Container Index ลดลง -1% WoW เหลือ 2,499 จุด

Fundamental view: ยังแนะนำซื้อ TOP (Valuation ต่ำ และได้อานิสงส์ต้นทุนน้ำมันลด), IVL (แนวโน้มกำไรเด่นกว่ากลุ่ม), และ PTTGC (คาดฟื้นตัว QoQ ใน 3Q25) ส่วนกลุ่มเรือยังถูกกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ยังไม่สิ้นสุด

 

 

CRC
เซ็นทรัล รีเทล
คอร์ปอเรชั่น
เงามืดยังปกคลุม
คาดกำไรหลัก 2Q25 อยู่ที่ 1.43 พันล้านบาท (-3% YoY, -42% QoQ) จากยอดขายที่ลดลง 2% YoY และ GM ถูกกดดัน ขณะที่ SSS -5% แย่กว่า -4% ใน 1Q25 นอกจากนี้ ค่าเงินยังเป็นอีกตัวกดดันธุรกิจในต่างประเทศ (โดยเฉพาะเวียดนาม)
ดังนั้น หากกำไร 2Q25 ออกมาตามคาด จะคิดเป็น 48% ของประมาณการทั้งปี ซึ่งเราคาดการณ์กำไรหลักปี 2025 ที่ 8.03 พันล้านบาท (-7% YoY) โดย SSS เดือน ก.ค. ยังติดลบ 4% จากนักท่องเที่ยวอ่อนตัวและ FX กดดัน ด้าน margin ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหารที่ EBITDA margin เหลือเพียง 7.7% ใน 1Q25
Fundamental view: แม้ PER ปี 2025 ที่ 15.3x ดูต่ำเทียบกับอดีต แต่ยังแพงกว่า CPN ที่ 13.3x โดยไม่มีปัจจัยหนุนกำไรที่ชัดเจน เราจึงยังแนะนำ switching ไป CPN ที่มีปัจจัยบวกจาก Central Park หนุนหลังจากนี้

BH
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
การขึ้นรอบใหม่ เพิ่งจะเริ่มต้น
หลังจากที่เราได้ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้นมากว่า 10% และเรามองว่ายังมีอัพไซด์เพิ่มเติม เนื่องจากเราเห็นตัวเลขหลายด้านที่มีพัฒนาการดีขึ้น
1) ตลาดตะวันออกกลางจะกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อน โดยหากดูใน 2Q25 BH ได้รับแรงหนุนจากผู้ป่วยตะวันออกกลาง โดยมีสัดส่วนรายได้กว่า 23% หรือประมาณ 1.4 พันล้านบาท และเพิ่มขึ้น 25% QoQ โดยเฉพาะผู้ป่วยจากกาตาร์ที่แตะระดับสูงสุดใหม่ สะท้อน pend-up demand กลับมาตามปกติ
2) ความกังวลเรื่องคูเวตลดน้อยลง หลังจากตลาดคูเวตซึ่งเผชิญปัญหาภายในมาเกือบ 18 เดือน ใน 2H25 จะไม่มีฐานของคูเวตมาเปรียบเทียบ YoY แล้ว ดังนั้น จะเห็นการเติบโตอย่างแท้จริงในกลุ่มของตะวันออกกลางที่เหลือ ส่วนหนี้ค้างชำระ ทาง BH ได้มีการพูดคุยกับทางรัฐบาลคูเวตเรียบร้อยแล้ว และมั่นใจจะเก็บเงินส่วนนี้ได้
3) โรงพยาบาลภูเก็ตอาจเลื่อนเปิดตัว เดิม BH วางแผนเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงต้นปี 2027 แต่ตอนนี้ปรับมาเป็น soft opening เวลาดังกล่าวแทน และเปิดเต็มตัว 2Q27 ในด้านดีจะไม่กระทบค่าใช้จ่ายต่อผลประกอบการในปี 2026 ขณะที่ ยังคงมองเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตระยะกลาง
4) แนวโน้ม 3Q25 มีโอกาสทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ หลังเห็นตัวเลขเดือน ก.ค. เติบโตแข็งแกร่ง 3-5% YoY จากตลาดตะวันออกกลาง และด้วยการควบคุมต้นทุนที่ดีมาก ทำให้เราคาดกำไรจะเติบโตแข็งแกร่งทั้ง YoY และ QoQ ทำ record high ได้ที่ราว 2.0 พันล้านบาท

Fundamental view: ราคาหุ้นจะยังคงมี upside ต่อเนื่อง เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” (ราคาเป้าหมาย 195 บาท)

 

 

 

 

PLANB
แพลน บี มีเดีย
ผ่านจุดต่ำสุด
เราประเมินกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY และ 40% QoQ แม้ Utilization อ่อนตัวลงเล็กน้อย YoY เป็น 72.5% แต่ดีขึ้นจาก 68% ใน 1Q25 โดยมีแรงหนุนจากสินทรัพย์ใหม่ เช่น The 20, Central World 360°, BTS columns และเริ่มรับรู้รายได้จากการบริหารสินทรัพย์ VGI 2 เดือน อย่างไรก็ตาม รายได้ engagement marketing (เช่น Boxing, BNK48) จะลดลง YoY และ QoQ จากฐานสูงใน 2Q24 ที่มีแคมเปญโอลิมปิก
แม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังกดดัน แต่คาดกำไรจะเติบโตได้ QoQ ต่อเนื่อง ใน 3Q25 จากการรับรู้รายได้จากการบริหารสื่อ VGI เข้ามาเต็มไตรมาส และกำไรจาก Hello เข้ามา 2 เดือน หลังจากนั้นจะเข้า High season ใน 4Q25 ซึ่งคาดจะดันกำไรทำสถิติใหม่ได้
Fundamental view: เรายังคงมอง PLANB เป็นผู้นำ OOH ที่มี Synergy เด่นจากดีลใหม่ และมี Upside จากการบริหารต้นทุนและสินทรัพย์ร่วม คาดกำไรนิวไฮใน 4Q25 และโตต่อในปี 2026 อย่างมีเสถียรภาพ



รายงานผลประกอบการวันนี้

TU
ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป
(+) TU รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 1,273 ล้านบาท ดีกว่าคาด จาก GPM ที่สูงกว่าคาด กำไรหลัก (ไม่รวมกำไร FX 68 ล้านบาท) อยู่ที่ 1,204 ล้านบาท (-17% YoY, +90% QoQ) สูงกว่าประมาณการของเราและตลาด จาก GM ที่ดีเกินคาด โดย GM อยู่ที่ 19.7% เทียบกับ 18.5% ใน 2Q24 จากวัตถุดิบราคาลดลงและยอดขายสินค้ามาร์จิ้นสูงดีขึ้น ขณะที่ SG&A/Sales เพิ่มขึ้นเป็น 13.9% จาก 13.0% YoY ตามค่าใช้จ่ายการตลาดและค่าที่ปรึกษาโครงการ
นอกจากนี้ TU ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ที่ 0.35 บาท/หุ้น (Div Yield 3.0%) และแจ้งเพิ่มเติมว่า Mitsubishi Corporation (MC) ประกาศเตรียมเพิ่มถือหุ้นใน TU จาก 6.19% เป็น 20% เพื่อเสริมพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว ส่วนแนวโน้มกำไรหลัก 3Q25 คาดลดลง YoY และ QoQ จาก GM ที่ลดลง และค่าใช้จ่าย SG&A กับภาษีที่สูงขึ้น เราคงประมาณการกำไรทั้งปี แม้งบ 2Q25 จะดีกว่าคาด แต่ยังมีความไม่แน่นอนจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในกลุ่มนี้เราชอบ ITC มากกว่า

 

 

สรุปประเด็นจาก Quick take

GUNKUL
กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง
เซ็นสัญญาขายไฟฟ้าพลังงานลม 180MW
GUNKUL ได้ลงนาม PPA กับ EGAT สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 2 แห่ง กำลังผลิตรวม 180MW (90MW ต่อแห่ง) สัญญาขายไฟมีอายุ 25 ปี และได้รับ FiT 3.1014 บาทต่อหน่วย เป็นส่วนหนึ่งของการประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 2.1GW
View from fundamental: ข่าวนี้แสดงถึงความชัดเจนในการทยอยเซ็นสัญญา PPA ของการประมูลพลังงานทดแทนรอบ 2.1GW และเบื้องต้นเราคาดว่าทั้งสองโครงการจะเป็น upside ต่อประมาณการกำไรราว 7–8% และต่อราคาเป้าหมายราว 0.08 บาท

KBANK
ธนาคารกสิกรไทย
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
KBANK ให้ความสำคัญกับการตอบแทนผู้ถือหุ้น โดยปรับเพิ่มเป้าหมายอัตราการจ่ายปันผลขึ้นเป็นมากกว่า 50% (เราคาดสมมติฐาน Dividend payout ratio ที่ 50% สำหรับปี 2025) และตั้งเป้าในกรอบ 50-60% ในระยะกลาง นอกจากนี้ ยังพิจารณาการจ่ายปันผลพิเศษและโครงการซื้อหุ้นคืนในช่วงเวลาที่เหมาะสม
View from fundamental: แม้ Dividend yields ของ KBANK จะมี upside จากประมาณการเราราว 1% แต่เรายังกังวลความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ของลูกค้าในกลุ่ม SME จะอ่อนแอลงได้ ทำให้เรายังแนะนำ ขาย

BBIK
บลูบิค กรุ๊ป
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
กำไร Q2 คาดโต YoY แต่ทรงตัว QoQ ลูกค้ามีแนวโน้มเลือกทำสัญญาระยะสั้น 3–6 เดือน เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้ขนาดของงานโดยเฉลี่ยเล็กลง เหลือราว 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
View from fundamental: เรามองว่าการประมูลงานใหม่ยังถูกกดดันจากภาพเศรษฐกิจ และการประเมิน Feasability ที่ระมัดระวังมากขึ้น แนะนำ wait-and-see

 

 

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

FTI เติมเต็มคุณภาพชีวิตเด็ก สานต่อภารกิจส่งมอบน้ำสะอาดผ่าน "โครงการเปลี่ยนไส้กรองน้ำ"

FTI เติมเต็มคุณภาพชีวิตเด็ก สานต่อภารกิจส่งมอบน้ำสะอาดผ่าน "โครงการเปลี่ยนไส้กรองน้ำ"

หักด่านต้าน By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ หุ้นใหญ่ ชักธงเขียว ระหว่างชั่วโมงเทรด หักด่าน ฝ่าต้าน ไกลสุด 1,246.61 จุด .....

มัลติมีเดีย

คุยกับ Genใหม่ TNDT "ธนรรจ์ ศตวุฒิ"

คุยกับ Genใหม่ TNDT "ธนรรจ์ ศตวุฒิ"

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้