Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

78

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 1 ส.ค.68 ปิด -24.02 จุด อยู่ที่ 1,218.33 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,586 ลบ. ต่างชาติขาย 1,898 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 475 ลบ. สถาบันขาย 1,919 ลบ. และรายย่อยซื้อ 293 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,953 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น BH,CPF,KKP,TOP,SCC และยอดขายหุ้น CPALL,DELTA,BDMS,WHA,KTB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,834 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ XIAOMI01,PSL,OR โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 8,906 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 102,760 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 2,205 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ -1.23%, S&P500 -1.60%, Nasdaq -2.24% จากแรงชายกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -3.6% นำโดย Amazon -8.3%, Apple -2.5% ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ค. เพิ่มขึ้น 73,000 ต่ำกว่าคาดจะเพิ่มขึ้น 106,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2% ตามคาด ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -1.89% จากแรงชายกลุ่มเฮลธ์แคร์ -1% และธนาคาร -3.4%
  • Market View
  • DJIA -2.92%, S&P500 -2.36%, Nasdaq -2.17% WoW หลังเฟดมีมติ 9 – 2 คงดอกเบี้ยไว้ที่ 25 – 4.5% กอปรกับเจอโรม พาวเวลยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยใน ก.ย. ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีปรับลดลง หลังนักลงทุนผิดหวังต่อกำไรไตรมาสผ่านมาของ Amazon หลังรายได้จากธุรกิจคลาวด์ต่ำกว่าคาด และ CEO Apple เผยต้นทุนเพิ่มขึ้น $1.1 พัน ล. เป็นผลจากภาษีที่ปรับขึ้น ส่วนข้อตกลงการค้านั้น ปธน.ทรัมป์สั่งเก็บภาษีแคนาดาที่ 35%, บราซิลที่ 50%, อินเดียที่ 25% ด้านข้อมูลเศรษฐกิจรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ค. เพิ่มขึ้น 73,000 & คาด 106,000 ตำแหน่ง และได้ปรับลดตัวเลขจ้างงาน มิ.ย. , พ.ค. ลงอยู่ที่ 14,000 และ 19,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้ตลาดคาดมีโอกาส 86.5% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม ก.ย. สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล US PMI ภาคบริการ ก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
  • Stoxx600 ยุโรป -2.6% WoW แม้ว่าอียูจะสามารถบรรลุข้อตกลงภาษีกับสหรัฐที่ 15% แต่หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับลดลง จากข่าว ปธน.ทรัมป์สั่งให้บริษัทยา 17 แห่งลดราคาขายในสหรัฐ ซึ่งส่งผลลบต่อหุ้น Novo Nordisk, Sanofi ขณะที่กลุ่มธนาคารก็ปรับลดลง -3.4% ส่วนรายงาน Core CPI ยูโรโซน ก.ค. ทรงตัวอยู่ที่ 3% YoY โดย ECB ยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ ระหว่างรอประเมินผลกระทบจาก ม.ภาษีของสหรัฐ สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตามผลการประชุม ธ.กลางอังกฤษ BOE คาดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 4.0%
  • MSCI Asia Pacific X Japan -2.6% WoW โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.94%, ฮั่งเส็ง -3.47% WoW หลังข้อมูล PMI ภาคการผลิตจีน ก.ค. อยู่ในโซนถดถอยต่อเนื่อง 4 เดือน ขณะที่ Kopsi เกาหลีใต้ -2.4% WoW แม้ว่าจะบรรลุข้อตกลงภาษีกับสหรัฐที่ 15% แต่นักลงทุนกังวล ม.เก็บภาษีซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 20% & เดิม 0.15% ส่วนดัชนีนิเกอิ -1.58% WoW จากความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลพรรค LDP หลังมีเสียงข้างน้อยทั้งในสภาผู้แทน ฯ และวุฒิสภา สัปดาหนี้ติดตามข้อมูล PMI ภาคบริการจีน, ส่งออก – น้าเข้าจีน ก.ค.
  • SET +0.10% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 36 หมื่น ลบ. +21.3% WoW ต่างชาติซื้อ 1,774 ลบ. สถาบันขาย 94 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 867 ลบ. และรายย่อยขาย 815 ลบ. WoW โดยวันศุกร์ดัชนี SET ถูกแรงขาย Sell on Fact หลังไทยสามารถบรรุข้อตกลงภาษีนำเข้ากับสหรัฐที่อัตรา 19% ใกล้เคียงกับกลุ่มอาเซียน โดยไทยจะเปิดเสรีสินค้านำเข้าจากสหรัฐกว่าหมื่นรายการ และขอเวลาเปลี่ยนผ่าน 3 – 5 ปี ก่อนจะใช้ภาษี 0% รวมถึงการนำเข้าน้ำมันจากสหรัฐที่ 1.2 แสนบาร์เรล/วัน เริ่มปี 69, ก๊าซ LNG เริ่มต้น 1 ล.ตัน และเครื่องบินโบอิ้ง 80 – 90 ลำภายใน 10 ป๊ โดย Sector ที่ช่วยหนุนดัชนี คือ กลุ่มปิโตรเคมี +6.5% WoW ตอบรับข่าว ม.ปรับลดกำลังการผลิตส่วนเกินในสินค้าอุตสาหกรรมของจีน ซึ่งเป็นผลบวกต่อสเปรดของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตรก็ปรับขึ้น +4.6% WoW หลังมีความชัดเจนในเรื่องอัตราภาษีศุลกากรสินค้าไทยที่ส่งออกไปตลาดสหรัฐ ขณะที่ Sector ที่ปรับลดลง คือ ขนส่ง -3.2%, ขนส่ง -2.3% และไอซีที -2.0% WoW ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ติดตามการรายงานงบ Q2/68 ของ ADVANC, TRUE, GULF, GPSC, TU, BCP, CPAXT, WHA, CBG และวันนี้ THAI จะกลับเข้าซื้อวันแรกหลังผ่านแผนฟื้นฟูกิจการ โดยทางฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรปกติปีนี้ในระดับ 2.5 – 2.6 หมื่น ลบ. ประเมินมูลค่าเบื้องต้นที่ 5.05 – 6.30 ( อิง P/BV 2.0 – 2.5X)   

Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,205 – 1,210 แนวต้าน 1,225 – 230 คาดตลาดอยู่ในช่วงเวลาสร้างฐานใหม่ หลังก่อนหน้านี้ดัชนีได้ปรับรับข่าวบวกเกี่ยวกับอัตราภาษีสหรัฐไปแล้ว โดยตลาดกลับมาให้ความสนใจต่อรายงานงบ Q2/68 ของ บจ.ต่าง ๆ แนะนำทยอยซื้อ ADVANC,CPF,TFG,TFM,BCH,ADVICE,PLANB เป็นกลุ่มที่ Bloomberg Consensus คาดกำไร Q2/68 +QoQ, +YoY / เก็งกำไร BBL,KTB เป็น ธ.เจ้าหนี้ของ THAI ที่สามารถกลับมาซื้อขายใน ตลท.ส่งผลให้สามารถปรับชั้นขึ้นสู่ระดับลูกหนี้ปกติ
  • TFM* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.60 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q68 ที่ 194 ล้านบาท +47%QoQ, +50%YoY มีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของยอดขายอาหารกุ้งและอาหารปลา มียอดขายรวม 48 พันล้านบาท +20%QoQ, +14%YoY โดยสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มี margin สูงเพิ่มขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 22.9% ขณะที่ควบคุม SG&A/Sale ได้ดีลดลงอยู่ที่ 8.3% แนวโน้มปี 68 บริษัทคาดรายได้โต 7-9%YoY (1H68 +6.3%YoY) โดยหลักจากธุรกิจอาหารกุ้งและอาหารปลาในประเทศไทย แม้ตลาดกุ้งในอินโดฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ประเมิน GPM 19-21% มีแผนลงทุนรวมกว่า 300 ล้านบาท ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรลดต้นทุนและขยายกำลังการผลิต นอกจากนี้คาดว่ากำไรยังแข็งแกร่งใน 3Q68 ที่เป็น high season และมีโอกาสได้รับประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ไทยต้องเปิดตลาดทำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ทั้งนี้อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรในปี 68 ที่ 567 ล้านบาท +6%YoY
  • GFPT*(ซื้อเก็งกำไร/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 12.30 บาท) หุ้นกลุ่มธุรกิจฟาร์มมี Sentiment บวกจากไทยสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯได้ มีโอกาสที่ต้นทุนการเลี้ยงจะลดลง ทั้งนี้ ในส่วนของ 2Q68 BB Consensus คาดกำไรสุทธิ GFPT* ที่ 590 ลบ. (+1%YoY, -8%QoQ YoY) ทรงตัวจากฐานสูงในปีก่อน ขณะที่ QoQ กดดันบ้างจากไตรมาสก่อน McKey มี Fx gain ส่วนช่วงถัดไป 3Q68 คาดการดำเนินงานยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องตามฤดูกาล ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี68 และ69 กำไรสุทธิของ GFPT* จะประคองตัวดีอยู่ที่ 2,077 ลบ.(+5%YoY) และ 2,067 ลบ.(-1%YoY) ตามลำดับ

 

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 1 ส.ค.68 ปิด -24.02 จุด อยู่ที่ 1,218.33 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,586 ลบ. ต่างชาติขาย 1,898 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 475 ลบ. สถาบันขาย 1,919 ลบ. และรายย่อยซื้อ 293 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,953 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น BH,CPF,KKP,TOP,SCC และยอดขายหุ้น CPALL,DELTA,BDMS,WHA,KTB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,834 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ XIAOMI01,PSL,OR โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 8,906 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 102,760 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 2,205 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ -1.23%, S&P500 -1.60%, Nasdaq -2.24% จากแรงชายกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -3.6% นำโดย Amazon -8.3%, Apple -2.5% ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ค. เพิ่มขึ้น 73,000 ต่ำกว่าคาดจะเพิ่มขึ้น 106,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2% ตามคาด ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -1.89% จากแรงชายกลุ่มเฮลธ์แคร์ -1% และธนาคาร -3.4%
  • Market View
  • DJIA -2.92%, S&P500 -2.36%, Nasdaq -2.17% WoW หลังเฟดมีมติ 9 – 2 คงดอกเบี้ยไว้ที่ 25 – 4.5% กอปรกับเจอโรม พาวเวลยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยใน ก.ย. ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีปรับลดลง หลังนักลงทุนผิดหวังต่อกำไรไตรมาสผ่านมาของ Amazon หลังรายได้จากธุรกิจคลาวด์ต่ำกว่าคาด และ CEO Apple เผยต้นทุนเพิ่มขึ้น $1.1 พัน ล. เป็นผลจากภาษีที่ปรับขึ้น ส่วนข้อตกลงการค้านั้น ปธน.ทรัมป์สั่งเก็บภาษีแคนาดาที่ 35%, บราซิลที่ 50%, อินเดียที่ 25% ด้านข้อมูลเศรษฐกิจรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ค. เพิ่มขึ้น 73,000 & คาด 106,000 ตำแหน่ง และได้ปรับลดตัวเลขจ้างงาน มิ.ย. , พ.ค. ลงอยู่ที่ 14,000 และ 19,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้ตลาดคาดมีโอกาส 86.5% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม ก.ย. สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล US PMI ภาคบริการ ก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
  • Stoxx600 ยุโรป -2.6% WoW แม้ว่าอียูจะสามารถบรรลุข้อตกลงภาษีกับสหรัฐที่ 15% แต่หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับลดลง จากข่าว ปธน.ทรัมป์สั่งให้บริษัทยา 17 แห่งลดราคาขายในสหรัฐ ซึ่งส่งผลลบต่อหุ้น Novo Nordisk, Sanofi ขณะที่กลุ่มธนาคารก็ปรับลดลง -3.4% ส่วนรายงาน Core CPI ยูโรโซน ก.ค. ทรงตัวอยู่ที่ 3% YoY โดย ECB ยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ ระหว่างรอประเมินผลกระทบจาก ม.ภาษีของสหรัฐ สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตามผลการประชุม ธ.กลางอังกฤษ BOE คาดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 4.0%
  • MSCI Asia Pacific X Japan -2.6% WoW โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.94%, ฮั่งเส็ง -3.47% WoW หลังข้อมูล PMI ภาคการผลิตจีน ก.ค. อยู่ในโซนถดถอยต่อเนื่อง 4 เดือน ขณะที่ Kopsi เกาหลีใต้ -2.4% WoW แม้ว่าจะบรรลุข้อตกลงภาษีกับสหรัฐที่ 15% แต่นักลงทุนกังวล ม.เก็บภาษีซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 20% & เดิม 0.15% ส่วนดัชนีนิเกอิ -1.58% WoW จากความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลพรรค LDP หลังมีเสียงข้างน้อยทั้งในสภาผู้แทน ฯ และวุฒิสภา สัปดาหนี้ติดตามข้อมูล PMI ภาคบริการจีน, ส่งออก – น้าเข้าจีน ก.ค.
  • SET +0.10% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 36 หมื่น ลบ. +21.3% WoW ต่างชาติซื้อ 1,774 ลบ. สถาบันขาย 94 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 867 ลบ. และรายย่อยขาย 815 ลบ. WoW โดยวันศุกร์ดัชนี SET ถูกแรงขาย Sell on Fact หลังไทยสามารถบรรุข้อตกลงภาษีนำเข้ากับสหรัฐที่อัตรา 19% ใกล้เคียงกับกลุ่มอาเซียน โดยไทยจะเปิดเสรีสินค้านำเข้าจากสหรัฐกว่าหมื่นรายการ และขอเวลาเปลี่ยนผ่าน 3 – 5 ปี ก่อนจะใช้ภาษี 0% รวมถึงการนำเข้าน้ำมันจากสหรัฐที่ 1.2 แสนบาร์เรล/วัน เริ่มปี 69, ก๊าซ LNG เริ่มต้น 1 ล.ตัน และเครื่องบินโบอิ้ง 80 – 90 ลำภายใน 10 ป๊ โดย Sector ที่ช่วยหนุนดัชนี คือ กลุ่มปิโตรเคมี +6.5% WoW ตอบรับข่าว ม.ปรับลดกำลังการผลิตส่วนเกินในสินค้าอุตสาหกรรมของจีน ซึ่งเป็นผลบวกต่อสเปรดของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตรก็ปรับขึ้น +4.6% WoW หลังมีความชัดเจนในเรื่องอัตราภาษีศุลกากรสินค้าไทยที่ส่งออกไปตลาดสหรัฐ ขณะที่ Sector ที่ปรับลดลง คือ ขนส่ง -3.2%, ขนส่ง -2.3% และไอซีที -2.0% WoW ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ติดตามการรายงานงบ Q2/68 ของ ADVANC, TRUE, GULF, GPSC, TU, BCP, CPAXT, WHA, CBG และวันนี้ THAI จะกลับเข้าซื้อวันแรกหลังผ่านแผนฟื้นฟูกิจการ โดยทางฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรปกติปีนี้ในระดับ 2.5 – 2.6 หมื่น ลบ. ประเมินมูลค่าเบื้องต้นที่ 5.05 – 6.30 ( อิง P/BV 2.0 – 2.5X)   

Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,205 – 1,210 แนวต้าน 1,225 – 230 คาดตลาดอยู่ในช่วงเวลาสร้างฐานใหม่ หลังก่อนหน้านี้ดัชนีได้ปรับรับข่าวบวกเกี่ยวกับอัตราภาษีสหรัฐไปแล้ว โดยตลาดกลับมาให้ความสนใจต่อรายงานงบ Q2/68 ของ บจ.ต่าง ๆ แนะนำทยอยซื้อ ADVANC,CPF,TFG,TFM,BCH,ADVICE,PLANB เป็นกลุ่มที่ Bloomberg Consensus คาดกำไร Q2/68 +QoQ, +YoY / เก็งกำไร BBL,KTB เป็น ธ.เจ้าหนี้ของ THAI ที่สามารถกลับมาซื้อขายใน ตลท.ส่งผลให้สามารถปรับชั้นขึ้นสู่ระดับลูกหนี้ปกติ
  • TFM* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.60 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q68 ที่ 194 ล้านบาท +47%QoQ, +50%YoY มีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของยอดขายอาหารกุ้งและอาหารปลา มียอดขายรวม 48 พันล้านบาท +20%QoQ, +14%YoY โดยสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มี margin สูงเพิ่มขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 22.9% ขณะที่ควบคุม SG&A/Sale ได้ดีลดลงอยู่ที่ 8.3% แนวโน้มปี 68 บริษัทคาดรายได้โต 7-9%YoY (1H68 +6.3%YoY) โดยหลักจากธุรกิจอาหารกุ้งและอาหารปลาในประเทศไทย แม้ตลาดกุ้งในอินโดฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ประเมิน GPM 19-21% มีแผนลงทุนรวมกว่า 300 ล้านบาท ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรลดต้นทุนและขยายกำลังการผลิต นอกจากนี้คาดว่ากำไรยังแข็งแกร่งใน 3Q68 ที่เป็น high season และมีโอกาสได้รับประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ไทยต้องเปิดตลาดทำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ทั้งนี้อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรในปี 68 ที่ 567 ล้านบาท +6%YoY
  • GFPT*(ซื้อเก็งกำไร/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 12.30 บาท) หุ้นกลุ่มธุรกิจฟาร์มมี Sentiment บวกจากไทยสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯได้ มีโอกาสที่ต้นทุนการเลี้ยงจะลดลง ทั้งนี้ ในส่วนของ 2Q68 BB Consensus คาดกำไรสุทธิ GFPT* ที่ 590 ลบ. (+1%YoY, -8%QoQ YoY) ทรงตัวจากฐานสูงในปีก่อน ขณะที่ QoQ กดดันบ้างจากไตรมาสก่อน McKey มี Fx gain ส่วนช่วงถัดไป 3Q68 คาดการดำเนินงานยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องตามฤดูกาล ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี68 และ69 กำไรสุทธิของ GFPT* จะประคองตัวดีอยู่ที่ 2,077 ลบ.(+5%YoY) และ 2,067 ลบ.(-1%YoY) ตามลำดับ

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง,  Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง    

 

(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*

 

(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*

 

(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*

 

(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*

 

(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*

 

(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio August 2025: MONO*, PR9*, IVL*, PTTGC*, GULF*

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999 Ext  2201

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้