Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

114

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 18 ก.ค.68 ปิด +8.47 จุด อยู่ที่ 1,206.58 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,775 ลบ. ต่างชาติซื้อ 842 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 385 ลบ. รายย่อยซื้อ 129 ลบ. และสถาบันขาย 1,357 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 141 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น PTT,DELTA,MINT,ADVANC,CPALL และยอดขายหุ้น KTC,BDMS,BH,KTB,AOT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,543 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ JAPAN10001,HMPRO,SIRI โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 1,296 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 129,626 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 454 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ -0.32%, S&P500 -0.01%, Nasdaq +0.05% จากแรงชายกลุ่มพลังงาน -0.96%, เฮลธ์แคร์ -0.6% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค +1.7%, สินค้าฟุ่มเฟือย +0.98% หลัง ม.มิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เบื้องต้น ก.ค. 61.8 & มิ.ย. 60.7 และคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐ 1 ปีข้างหน้า ก.ค. อยู่ที่ 4% & มิ.ย. 5.0% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.01% ได้แรงหนุนจากกลุ่มน้ำมัน & ก๊าซ +0.6%, อาหาร +0.8% ขณะที่กลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับลดลง นำโดย GSK ผู้ผลิตยาอังกฤษ -4.6% หลัง FDA สหรัฐไม่อนุมัติยา Blenrep
  • Market View
  • DJIA -0.07%, S&P500 +0.59%, Nasdaq +1.5% WoW หลังนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีของ ปธน.ทรัมป์ หลังข้อมูล US Core CPI มิ.ย. อยู่ที่ 9% & คาด 3.0% YoY ขณะที่ยอดค้าปลีกสหรัฐ มิ.ย. 0.6% & คาด 0.2% MoM บ่งชี้เงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ในระดับไม่สูง และการใข้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐยังขยายตัวได้ดี ส่วนรายงานกำไร บจ.ใน S&P500 จำนวน 59 บริษัทที่ส่งงบ Q2/68 แล้ว สัดส่วน 81.4% มีกำไรดีกว่าคาด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ติดตาม ยอดขายบ้านมือสอง, บ้านใหม่, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐ มิ.ย., PMI ภาคผลิต & บริการสหรัฐ เบื้องต้น ก.ค. และผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
  • Stoxx600 ยุโรป ปิดทรงตัว WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ปรับลดลง โดยยังรอผลการเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐก่อนเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. ขณะที่แหล่งข่าวเผย ปธน.ทรัมป์เตรียมเก็บภาษีขั้นต่ำสินต้านำเข้าจากยุโรปในอัตรา 15 – 20% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจนั้น Core CPI ยูโรโซน มิ.ย. 2.3% YoY ทรงตัวเมื่อเที่ยบกับ พ.ค. สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตามผลการประชุม ECB คาดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2%
  • MSCI Asia Pacific X Japan +1.8% WoW หลังนักลงทุนเริ่มคลายกังวลต่อ ม.ภาษีของ ปธน.ทรัมป์ หลังอินโดนีเซียทำข้อตกลงลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐลงอยู่ที่ 0% แลกกับสหรัฐเก็บภาษีสินค้าอินโด ฯ ลงอยู่ที่ 19% & เดิมที่ 32% โดยสหรัฐอยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลงการค้ากับอินเดีย ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.69% WoW หลังข้อมูล GDP จีน Q2/68 อยู่ที่ 2% & Q1/68 ที่ 5.4% YoY และยอดค้าปลีกจีน มิ.ย. 4.8% & พ.ค. 6.4% YoY ส่งผลให้รัฐบาลจีนจำเป็นต้องออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมโปลิตบูโร ใน ก.ค. ส่วนนิเกอิ +0.6% WoW รอผลการเจรจากับสหรัฐเพื่อลดภาษีนำเข้าสินค้านำเข้าสินค้าญี่ปุ่นที่อัตรา 25% ก่อนเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค.
  • SET +7.6% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 83 หมื่น ลบ. +60.5% WoW ต่างชาติซื้อ 4,594 ลบ. สถาบันซื้อ 3,729 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 568 ลบ. และรายย่อยขาย 8,892 ลบ. WoW โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ นำโดย DELTA +26.7% WoW ได้แรงหนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐ – ไทยอาจปรับลดลงในช่วง Q3 – Q4 นี้ ขณะที่กลุ่มขนส่งก็ปรับขึ้น นำโดย AOT จากประเด็นข่าวกองทุนสิงคโปร์กำลังศึกษาโอกาสเข้าซื้อลงทุน กอปรกับอาจพิจารณาปรับเพิ่มค่าบริการผู้โดยสารขาออก ส่วนกลุ่มค้าปลีก & ไฟแนนท์ยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง โดยการประชุม ครม.วันอังคารนี้ คาดจะมีการเสนอชื่อผู้ว่า ธปท. ท่านใหม่ที่มีแนวคิดนโยบายการปรับลดดอกเบี้ย เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องในระบบ ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ยังต้องติดตามผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทย หลัง รมว.คลังได้หารือกับ USTR รอบที่ 2 แล้ว ซึ่งทางไทยได้เสนอเปิดตลาดสินค้าสหรัฐมากขึ้น, ลด NTB ของสินค้าเกษตร & อุตสาหกรรมของสหรัฐ รวมถึงเพิ่มการลงทุนในสหรัฐ ซึ่งทางไทยคาดสหรัฐจะปรับลดภาษีศุลกากรลงใกล้เคียงกับกลุ่มประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ส่วนรายงานกำไร Q2/68 ของกลุ่มธนาคารที่ส่งงบแล้ว เช่น TISCO, TTB, BBL ชะลอตัว -4% QoQ, -2.3% YoY เป็นผลจากสินเชื่อชะลอตัว, NIM ที่ปรับลดลงตามดอกเบี้ยนโยบาย และสำรอง ECL ยังทรงตัวระดับสูง       

Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,190 – 1,120 แนวต้าน 1,210 – 1,220 คาดดัชนียังอยู่ในแนวโน้ม Sideway Up ระหว่างรอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทย ซึ่งคาดมีโอกาสได้ในระดับใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งในอาเซียน แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว กลุ่มไฟแนนท์ TIDLOR, MTC, NCAP, BAM จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงใน 2H/68 / กลุ่ม China Play SCC,SCGP,PTTGC,IVL คาดได้แรงหนุนจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีน
  • IVL* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 24.10 บาท) เป็นหุ้นในกลุ่ม China Play มี sentiment บวกจากการความคาดหวังรัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมายังไม่ค่อยดี ในแง่ผลประกอบการแนวโน้ม 2Q68 คาดฟื้นตัวได้ QoQ, YoY โดยปริมาณขายจากธุรกิจ CPET จะเพิ่มขึ้นเพราะผ่านการปิดซ่อมบำรุง ขณะที่ Integrated PET Spread ทยอยฟื้นตัว ส่วนผลประกอบการในปี 68 ตลาดคาดพลิกเป็นกำไรสุทธิ 7 พันล้านบาท จากปี 67 ที่ขาดทุน 1.9 หมื่นล้านบาท หลังผ่านการทำ asset optimization ปิดโรงงานที่ไม่ทำกำไรทำให้ค่าใช้จ่ายคงที่ลดลง โดยใน 2H68 คาดกำไรมีเสถียรภาพมากขึ้นและได้ประโยชน์จากธุรกิจในอเมริกาเหนือจากปริมาณขาย แม้เผชิญกับอุปทานส่วนเกินจากจีนและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
  • TIDLOR* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 19.50 บาท) คาดกำไร 2Q68 โตต่อเนื่องทั้ง YoY และ QoQ จากสินเชื่อที่คาดว่าจะขยายตัวได้ตามฤดูกาลและยังมีรายได้เสริมจากธุรกิจประกัน NIM มีแนวโน้มเชิงบวกจากการลดดอกเบี้ยของธปท.ตามธ.กลางหลักๆของโลก(และคาดว่ามีโอกาสสูงขึ้นในช่วง 2H68 หลังได้ผู้ว่าธปท.ท่านใหม่) credit cost มีแนวโน้มลดลงขณะที่ NPL ยังคุมได้ต่ำกว่า 2% มี upside เติบโตจากการขยายสาขาต่อเนื่อง IAA consensus คาดกำไรปี 68 ที่ 74 พันลบ. +12%YoY

 

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 18 ก.ค.68 ปิด +8.47 จุด อยู่ที่ 1,206.58 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,775 ลบ. ต่างชาติซื้อ 842 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 385 ลบ. รายย่อยซื้อ 129 ลบ. และสถาบันขาย 1,357 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 141 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น PTT,DELTA,MINT,ADVANC,CPALL และยอดขายหุ้น KTC,BDMS,BH,KTB,AOT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,543 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ JAPAN10001,HMPRO,SIRI โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 1,296 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 129,626 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 454 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ -0.32%, S&P500 -0.01%, Nasdaq +0.05% จากแรงชายกลุ่มพลังงาน -0.96%, เฮลธ์แคร์ -0.6% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค +1.7%, สินค้าฟุ่มเฟือย +0.98% หลัง ม.มิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เบื้องต้น ก.ค. 61.8 & มิ.ย. 60.7 และคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐ 1 ปีข้างหน้า ก.ค. อยู่ที่ 4% & มิ.ย. 5.0% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.01% ได้แรงหนุนจากกลุ่มน้ำมัน & ก๊าซ +0.6%, อาหาร +0.8% ขณะที่กลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับลดลง นำโดย GSK ผู้ผลิตยาอังกฤษ -4.6% หลัง FDA สหรัฐไม่อนุมัติยา Blenrep
  • Market View
  • DJIA -0.07%, S&P500 +0.59%, Nasdaq +1.5% WoW หลังนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีของ ปธน.ทรัมป์ หลังข้อมูล US Core CPI มิ.ย. อยู่ที่ 9% & คาด 3.0% YoY ขณะที่ยอดค้าปลีกสหรัฐ มิ.ย. 0.6% & คาด 0.2% MoM บ่งชี้เงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ในระดับไม่สูง และการใข้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐยังขยายตัวได้ดี ส่วนรายงานกำไร บจ.ใน S&P500 จำนวน 59 บริษัทที่ส่งงบ Q2/68 แล้ว สัดส่วน 81.4% มีกำไรดีกว่าคาด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ติดตาม ยอดขายบ้านมือสอง, บ้านใหม่, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐ มิ.ย., PMI ภาคผลิต & บริการสหรัฐ เบื้องต้น ก.ค. และผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
  • Stoxx600 ยุโรป ปิดทรงตัว WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ปรับลดลง โดยยังรอผลการเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐก่อนเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. ขณะที่แหล่งข่าวเผย ปธน.ทรัมป์เตรียมเก็บภาษีขั้นต่ำสินต้านำเข้าจากยุโรปในอัตรา 15 – 20% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจนั้น Core CPI ยูโรโซน มิ.ย. 2.3% YoY ทรงตัวเมื่อเที่ยบกับ พ.ค. สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตามผลการประชุม ECB คาดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2%
  • MSCI Asia Pacific X Japan +1.8% WoW หลังนักลงทุนเริ่มคลายกังวลต่อ ม.ภาษีของ ปธน.ทรัมป์ หลังอินโดนีเซียทำข้อตกลงลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐลงอยู่ที่ 0% แลกกับสหรัฐเก็บภาษีสินค้าอินโด ฯ ลงอยู่ที่ 19% & เดิมที่ 32% โดยสหรัฐอยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลงการค้ากับอินเดีย ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.69% WoW หลังข้อมูล GDP จีน Q2/68 อยู่ที่ 2% & Q1/68 ที่ 5.4% YoY และยอดค้าปลีกจีน มิ.ย. 4.8% & พ.ค. 6.4% YoY ส่งผลให้รัฐบาลจีนจำเป็นต้องออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมโปลิตบูโร ใน ก.ค. ส่วนนิเกอิ +0.6% WoW รอผลการเจรจากับสหรัฐเพื่อลดภาษีนำเข้าสินค้านำเข้าสินค้าญี่ปุ่นที่อัตรา 25% ก่อนเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค.
  • SET +7.6% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 83 หมื่น ลบ. +60.5% WoW ต่างชาติซื้อ 4,594 ลบ. สถาบันซื้อ 3,729 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 568 ลบ. และรายย่อยขาย 8,892 ลบ. WoW โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ นำโดย DELTA +26.7% WoW ได้แรงหนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐ – ไทยอาจปรับลดลงในช่วง Q3 – Q4 นี้ ขณะที่กลุ่มขนส่งก็ปรับขึ้น นำโดย AOT จากประเด็นข่าวกองทุนสิงคโปร์กำลังศึกษาโอกาสเข้าซื้อลงทุน กอปรกับอาจพิจารณาปรับเพิ่มค่าบริการผู้โดยสารขาออก ส่วนกลุ่มค้าปลีก & ไฟแนนท์ยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง โดยการประชุม ครม.วันอังคารนี้ คาดจะมีการเสนอชื่อผู้ว่า ธปท. ท่านใหม่ที่มีแนวคิดนโยบายการปรับลดดอกเบี้ย เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องในระบบ ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ยังต้องติดตามผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทย หลัง รมว.คลังได้หารือกับ USTR รอบที่ 2 แล้ว ซึ่งทางไทยได้เสนอเปิดตลาดสินค้าสหรัฐมากขึ้น, ลด NTB ของสินค้าเกษตร & อุตสาหกรรมของสหรัฐ รวมถึงเพิ่มการลงทุนในสหรัฐ ซึ่งทางไทยคาดสหรัฐจะปรับลดภาษีศุลกากรลงใกล้เคียงกับกลุ่มประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ส่วนรายงานกำไร Q2/68 ของกลุ่มธนาคารที่ส่งงบแล้ว เช่น TISCO, TTB, BBL ชะลอตัว -4% QoQ, -2.3% YoY เป็นผลจากสินเชื่อชะลอตัว, NIM ที่ปรับลดลงตามดอกเบี้ยนโยบาย และสำรอง ECL ยังทรงตัวระดับสูง       

Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,190 – 1,120 แนวต้าน 1,210 – 1,220 คาดดัชนียังอยู่ในแนวโน้ม Sideway Up ระหว่างรอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทย ซึ่งคาดมีโอกาสได้ในระดับใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งในอาเซียน แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว กลุ่มไฟแนนท์ TIDLOR, MTC, NCAP, BAM จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงใน 2H/68 / กลุ่ม China Play SCC,SCGP,PTTGC,IVL คาดได้แรงหนุนจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีน
  • IVL* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 24.10 บาท) เป็นหุ้นในกลุ่ม China Play มี sentiment บวกจากการความคาดหวังรัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมายังไม่ค่อยดี ในแง่ผลประกอบการแนวโน้ม 2Q68 คาดฟื้นตัวได้ QoQ, YoY โดยปริมาณขายจากธุรกิจ CPET จะเพิ่มขึ้นเพราะผ่านการปิดซ่อมบำรุง ขณะที่ Integrated PET Spread ทยอยฟื้นตัว ส่วนผลประกอบการในปี 68 ตลาดคาดพลิกเป็นกำไรสุทธิ 7 พันล้านบาท จากปี 67 ที่ขาดทุน 1.9 หมื่นล้านบาท หลังผ่านการทำ asset optimization ปิดโรงงานที่ไม่ทำกำไรทำให้ค่าใช้จ่ายคงที่ลดลง โดยใน 2H68 คาดกำไรมีเสถียรภาพมากขึ้นและได้ประโยชน์จากธุรกิจในอเมริกาเหนือจากปริมาณขาย แม้เผชิญกับอุปทานส่วนเกินจากจีนและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
  • TIDLOR* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 19.50 บาท) คาดกำไร 2Q68 โตต่อเนื่องทั้ง YoY และ QoQ จากสินเชื่อที่คาดว่าจะขยายตัวได้ตามฤดูกาลและยังมีรายได้เสริมจากธุรกิจประกัน NIM มีแนวโน้มเชิงบวกจากการลดดอกเบี้ยของธปท.ตามธ.กลางหลักๆของโลก(และคาดว่ามีโอกาสสูงขึ้นในช่วง 2H68 หลังได้ผู้ว่าธปท.ท่านใหม่) credit cost มีแนวโน้มลดลงขณะที่ NPL ยังคุมได้ต่ำกว่า 2% มี upside เติบโตจากการขยายสาขาต่อเนื่อง IAA consensus คาดกำไรปี 68 ที่ 74 พันลบ. +12%YoY

 

 

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 18 ก.ค.68 ปิด +8.47 จุด อยู่ที่ 1,206.58 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,775 ลบ. ต่างชาติซื้อ 842 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 385 ลบ. รายย่อยซื้อ 129 ลบ. และสถาบันขาย 1,357 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 141 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น PTT,DELTA,MINT,ADVANC,CPALL และยอดขายหุ้น KTC,BDMS,BH,KTB,AOT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,543 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ JAPAN10001,HMPRO,SIRI โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 1,296 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 129,626 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 454 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ -0.32%, S&P500 -0.01%, Nasdaq +0.05% จากแรงชายกลุ่มพลังงาน -0.96%, เฮลธ์แคร์ -0.6% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค +1.7%, สินค้าฟุ่มเฟือย +0.98% หลัง ม.มิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เบื้องต้น ก.ค. 61.8 & มิ.ย. 60.7 และคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐ 1 ปีข้างหน้า ก.ค. อยู่ที่ 4% & มิ.ย. 5.0% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.01% ได้แรงหนุนจากกลุ่มน้ำมัน & ก๊าซ +0.6%, อาหาร +0.8% ขณะที่กลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับลดลง นำโดย GSK ผู้ผลิตยาอังกฤษ -4.6% หลัง FDA สหรัฐไม่อนุมัติยา Blenrep
  • Market View
  • DJIA -0.07%, S&P500 +0.59%, Nasdaq +1.5% WoW หลังนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีของ ปธน.ทรัมป์ หลังข้อมูล US Core CPI มิ.ย. อยู่ที่ 9% & คาด 3.0% YoY ขณะที่ยอดค้าปลีกสหรัฐ มิ.ย. 0.6% & คาด 0.2% MoM บ่งชี้เงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ในระดับไม่สูง และการใข้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐยังขยายตัวได้ดี ส่วนรายงานกำไร บจ.ใน S&P500 จำนวน 59 บริษัทที่ส่งงบ Q2/68 แล้ว สัดส่วน 81.4% มีกำไรดีกว่าคาด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ติดตาม ยอดขายบ้านมือสอง, บ้านใหม่, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐ มิ.ย., PMI ภาคผลิต & บริการสหรัฐ เบื้องต้น ก.ค. และผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
  • Stoxx600 ยุโรป ปิดทรงตัว WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ปรับลดลง โดยยังรอผลการเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐก่อนเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. ขณะที่แหล่งข่าวเผย ปธน.ทรัมป์เตรียมเก็บภาษีขั้นต่ำสินต้านำเข้าจากยุโรปในอัตรา 15 – 20% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจนั้น Core CPI ยูโรโซน มิ.ย. 2.3% YoY ทรงตัวเมื่อเที่ยบกับ พ.ค. สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตามผลการประชุม ECB คาดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2%
  • MSCI Asia Pacific X Japan +1.8% WoW หลังนักลงทุนเริ่มคลายกังวลต่อ ม.ภาษีของ ปธน.ทรัมป์ หลังอินโดนีเซียทำข้อตกลงลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐลงอยู่ที่ 0% แลกกับสหรัฐเก็บภาษีสินค้าอินโด ฯ ลงอยู่ที่ 19% & เดิมที่ 32% โดยสหรัฐอยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลงการค้ากับอินเดีย ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.69% WoW หลังข้อมูล GDP จีน Q2/68 อยู่ที่ 2% & Q1/68 ที่ 5.4% YoY และยอดค้าปลีกจีน มิ.ย. 4.8% & พ.ค. 6.4% YoY ส่งผลให้รัฐบาลจีนจำเป็นต้องออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมโปลิตบูโร ใน ก.ค. ส่วนนิเกอิ +0.6% WoW รอผลการเจรจากับสหรัฐเพื่อลดภาษีนำเข้าสินค้านำเข้าสินค้าญี่ปุ่นที่อัตรา 25% ก่อนเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค.
  • SET +7.6% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 83 หมื่น ลบ. +60.5% WoW ต่างชาติซื้อ 4,594 ลบ. สถาบันซื้อ 3,729 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 568 ลบ. และรายย่อยขาย 8,892 ลบ. WoW โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ นำโดย DELTA +26.7% WoW ได้แรงหนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐ – ไทยอาจปรับลดลงในช่วง Q3 – Q4 นี้ ขณะที่กลุ่มขนส่งก็ปรับขึ้น นำโดย AOT จากประเด็นข่าวกองทุนสิงคโปร์กำลังศึกษาโอกาสเข้าซื้อลงทุน กอปรกับอาจพิจารณาปรับเพิ่มค่าบริการผู้โดยสารขาออก ส่วนกลุ่มค้าปลีก & ไฟแนนท์ยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง โดยการประชุม ครม.วันอังคารนี้ คาดจะมีการเสนอชื่อผู้ว่า ธปท. ท่านใหม่ที่มีแนวคิดนโยบายการปรับลดดอกเบี้ย เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องในระบบ ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ยังต้องติดตามผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทย หลัง รมว.คลังได้หารือกับ USTR รอบที่ 2 แล้ว ซึ่งทางไทยได้เสนอเปิดตลาดสินค้าสหรัฐมากขึ้น, ลด NTB ของสินค้าเกษตร & อุตสาหกรรมของสหรัฐ รวมถึงเพิ่มการลงทุนในสหรัฐ ซึ่งทางไทยคาดสหรัฐจะปรับลดภาษีศุลกากรลงใกล้เคียงกับกลุ่มประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ส่วนรายงานกำไร Q2/68 ของกลุ่มธนาคารที่ส่งงบแล้ว เช่น TISCO, TTB, BBL ชะลอตัว -4% QoQ, -2.3% YoY เป็นผลจากสินเชื่อชะลอตัว, NIM ที่ปรับลดลงตามดอกเบี้ยนโยบาย และสำรอง ECL ยังทรงตัวระดับสูง       

Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,190 – 1,120 แนวต้าน 1,210 – 1,220 คาดดัชนียังอยู่ในแนวโน้ม Sideway Up ระหว่างรอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทย ซึ่งคาดมีโอกาสได้ในระดับใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งในอาเซียน แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว กลุ่มไฟแนนท์ TIDLOR, MTC, NCAP, BAM จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงใน 2H/68 / กลุ่ม China Play SCC,SCGP,PTTGC,IVL คาดได้แรงหนุนจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีน
  • IVL* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 24.10 บาท) เป็นหุ้นในกลุ่ม China Play มี sentiment บวกจากการความคาดหวังรัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมายังไม่ค่อยดี ในแง่ผลประกอบการแนวโน้ม 2Q68 คาดฟื้นตัวได้ QoQ, YoY โดยปริมาณขายจากธุรกิจ CPET จะเพิ่มขึ้นเพราะผ่านการปิดซ่อมบำรุง ขณะที่ Integrated PET Spread ทยอยฟื้นตัว ส่วนผลประกอบการในปี 68 ตลาดคาดพลิกเป็นกำไรสุทธิ 7 พันล้านบาท จากปี 67 ที่ขาดทุน 1.9 หมื่นล้านบาท หลังผ่านการทำ asset optimization ปิดโรงงานที่ไม่ทำกำไรทำให้ค่าใช้จ่ายคงที่ลดลง โดยใน 2H68 คาดกำไรมีเสถียรภาพมากขึ้นและได้ประโยชน์จากธุรกิจในอเมริกาเหนือจากปริมาณขาย แม้เผชิญกับอุปทานส่วนเกินจากจีนและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
  • TIDLOR* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 19.50 บาท) คาดกำไร 2Q68 โตต่อเนื่องทั้ง YoY และ QoQ จากสินเชื่อที่คาดว่าจะขยายตัวได้ตามฤดูกาลและยังมีรายได้เสริมจากธุรกิจประกัน NIM มีแนวโน้มเชิงบวกจากการลดดอกเบี้ยของธปท.ตามธ.กลางหลักๆของโลก(และคาดว่ามีโอกาสสูงขึ้นในช่วง 2H68 หลังได้ผู้ว่าธปท.ท่านใหม่) credit cost มีแนวโน้มลดลงขณะที่ NPL ยังคุมได้ต่ำกว่า 2% มี upside เติบโตจากการขยายสาขาต่อเนื่อง IAA consensus คาดกำไรปี 68 ที่ 74 พันลบ. +12%YoY

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

OR–พาณิชย์ หนุนเกษตรกรเหนือ เดินหน้าเชื่อมตลาดลำไย กระจายผลผลิต

OR–พาณิชย์ หนุนเกษตรกรเหนือ เดินหน้าเชื่อมตลาดลำไย กระจายผลผลิต

มีย่อ มีพัก By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองหุ้นไทย เข้าสู่โหมดการย่อตัว พักตัว ปรับฐาน หลังจากมาแรงอย่างต่อเนื่อง บ่ายวันนี้ ....

มัลติมีเดีย

BPS ครึ่งปีแรกปี68 เดินหน้าลงทุนตามแผน มุ่งสร้างนวัตกรรมหนุนผลงานเติบโต

BPS ครึ่งปีแรกปี68 เดินหน้าลงทุนตามแผน มุ่งสร้างนวัตกรรมหนุนผลงานเติบโต

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้