สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 15 กรกฎาคม 2568 )----- นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัทกัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)GULF เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบหลักการการรับซื้อไฟฟ้าและอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561–2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1(PDP2018 Rev.1) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดของประเทศ โดยแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัทกัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ในการเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ควบคู่กับการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มจากของเสีย ตลอดจนสนับสนุนนแนวนโยบายของภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (Bio Circular Green Economy: BCG) บริษัทฯ จึงได้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมภายใต้แผนดังกล่าวจำนวน 12 โครงการ กำลังการผลิตตามสัญญารวม 96 เมกะวัตต์ และโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม (Solid RecoveredFuel: SRF) จำนวน 3 โครงการ ผ่านบริษัท กัลฟ์ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (“GWTE”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 100 นั้น

บริษัทฯ ขอแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบว่า เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 GWTE ได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดที่บริษัทเอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำากัด (มหาชน) (“ETC”) ถือในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม และซื้อหุ้นทั้งหมดที่บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีนจำกัด (มหาชน) (“BWG”) ถือในโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ1,100 ล้านบาท ส่งผลให้โครงการทั้งหมดดังกล่าวเป็นบริษัทย่อยของ GWTE โดยมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นดังต่อไปน

1) โครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมภายใต้บริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์ จ ากัด จำนวน 10 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 80เมกะวัตต์ซึ่งเดิม GWTE และ ETC ถือหุ้นเท่ากันในสัดส่วนร้อยละ 50เป็น GWTE ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100
2) โครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมภายใต้บริษัท ซันเทค อินโนเวชั่น พาวเวอร์ จำกัด จำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 16 เมกะวัตต์ซึ่งเดิม GWTE ETC และบริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด (“WTX”) ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 34, 33 และ 33 ตามลำดับ เป็น GWTE และ WTX ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 67 และ 33 ตามลำดับ
3) โรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรมภายใต้บริษัท เซอร์คูลาร์ แคมป์ จำกัด จำนวน 3 โครงการ ซึ่งเดิม GWTEและ BWG ถือหุ้นเท่ากันในสัดส่วนร้อยละ 50 เป็น GWTE ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100

บริษัทฯ เล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตของโครงการในระยะยาว และเชื่อมั่นว่าการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความคล่องตัวในการบริหารจัดการโครงการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมทั้งหมด 12โครงการดังกล่าว ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2570ในขณะที่โครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม มีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปีเดียวกัน ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมในการพัฒนาโครงการ บริษัทฯ จะแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป

ด้าน นายศุภวัฒน์ คุณวรวินิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (“ETC”) เปิดเผยว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 4/2568 ซึ่งจัดประชุมเมื่อวันที่ 14กรกฎาคม 2568 โดยที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติอนุมัติ (1) ให้บริษัทฯ จำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด (“GGP”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ให้กับ บริษัท กัลฟ์ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จีโฮลดิ้งส์ จำกัด (“ผู้ซื้อ”) โดยจำหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดที่บริษัทฯ ถืออยู่ใน GGP จำนวน 3,749,999 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ100 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ GGP โดยมีมูลค่าซื้อขายที่ราคาหุ้นละไม่เกิน 193.33 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 724,999,806.67 บาท (“ธุรกรรมจำหน่ายไปซึ่งหุ้นใน GGP”) โดยภายหลังการเข้าทำธุรกรรมจำหน่ายไปซึ่งหุ้นใน GGP ดังกล่าว GGPจะสิ้นสภาพจากการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ

และ (2) ให้บริษัทฯ จำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท ซันเทค อินโนเวชั่น พาวเวอร์ จำกัด (“SIP”) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของบริษัทฯ ให้กับผู้ซื้อ โดยจำหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดที่บริษัทฯ ถืออยู่ใน SIP จำนวน 825,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 33ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ SIP โดยมีมูลค่าซื้อขายที่ราคาหุ้นละไม่เกิน 151.52 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 125,000,000 บาท (“ธุรกรรมจำหน่ายไปซึ่งหุ้นใน SIP” ซึ่งรวมกับธุรกรรมจำหน่ายไปซึ่งหุ้นใน GGP เรียกว่า “ธุรกรรมจำหน่ายไปซึ่งหุ้น”) โดยภายหลังการเข้าทำธุรกรรมจำหน่ายไปซึ่งหุ้นใน SIP ดังกล่าว SIP จะสิ้นสภาพจากการเป็นบริษัทร่วมของบริษัทฯ

การเข้าทำธุรกรรมจำหน่ายไปซึ่งหุ้นในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความซับซ้อนของโครงสร้างการบริหารงานในกลุ่มบริษัทฯ และลดงบประมาณและทรัพยากรในการลงทุนภาพรวมในระยะยาว ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้พิจารณาอย่างรอบคอบโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ แล้วว่า ราคาขายอยู่ในระดับที่เหมาะสมส่งผลให้บริษัทฯสามารถสร้างผลกำไรทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้นเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ การต่อยอดทางธุรกิจ ตลอดจนการลงทุนขยายธุรกิจของบริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการทำธุรกรรมจำหน่ายไปซึ่งหุ้นข้างต้นกับผู้ซื้อแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่14 กรกฎาคม 2568

ขณะที่ นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) BWG เปิดเผยว่า ด้วยบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “BWG”) ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 5/2568 เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 ณ ห้องประชุมสำนักงานใหญ่ เลขที่ 488 ซอยลาดพร้าว 130 (มหาดไทย 2)แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้บริษัทฯ จำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัทย่อย บริษัทย่อยทางอ้อม และบริษัทร่วมทางอ้อมให้กับบริษัท กัลฟ์ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (“ผู้ซื้อ”)โดยมีรายละเอียดดังนี้(“ธุรกรรมจำหน่ายไปซึ่งหุ้น”)

(1) อนุมัติการจำหน่ายไปเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท เซอร์คูลาร์ แคมป์ จำกัด (“CC”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ให้กับผู้ซื้อ โดยจำหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดที่บริษัทฯ ถืออยู่ใน CC จำนวน 12,499,999 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ CC โดยมีมูลค่าซื้อขายที่ราคาหุ้นละไม่เกิน 20 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 249,999,980 บาท

(2) อนุมัติการจำหน่ายไปเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์จำกัด (“GGP”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัทฯ ที่บริษัทฯ ถือหุ้นผ่านบริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน)(“ETC”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ โดย ETC จ าหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดที่ ETC ถืออยู่ใน GGPจำนวน 3,749,999 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ GGP โดยมีมูลค่าซื้อขายที่ราคาหุ้นละไม่เกิน 193.33 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 724,999,806.67 บาท ให้กับผู้ซื้อ

(3) อนุมัติการจำหน่ายไปเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท ซันเทค อินโนเวชั่น พาวเวอร์ จำกัด (“SIP”) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทางอ้อมของบริษัทฯ ที่บริษัทฯ ถือหุ้นผ่าน ETC โดย ETC จำหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดที่ ETCถืออยู่ใน SIP จำนวน 825,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 33ของจำนวนหุ้นที่ออกจ าหน่ายแล้วทั้งหมดของ SIP โดยมีมูลค่าซื้อขายที่ราคาหุ้นละไม่เกิน 151.52 บาทรวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 125,000,000 บาท ให้กับผู้ซื้อ

การเข้าทำธุรกรรมจ าหน่ายไปซึ่งหุ้นในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความซับซ้อนของโครงสร้างการบริหารงานในกลุ่มบริษัทฯ และลดงบประมาณและทรัพยากรในการลงทุนภาพรวมในระยะยาว ทั้งนี้บริษัทฯ ได้พิจารณาอย่างรอบคอบโดยค านึงถึงประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ แล้วว่าราคาขายอยู่ในระดับที่หมาะสมส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างผลกำไรและทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้นเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ การต่อยอดทางธุรกิจ ตลอดจนการลงทุนขยายธุรกิจของบริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการทำธุรกรรมจำหน่ายไปซึ่งหุ้นข้างต้นกับผู้ซื้อแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ 14 กรกฎาคม 2568