---กำไรสุทธิ 1QFY26 เติบโต y/y และ q/q ตามคาด---

กำไรสุทธิ 1QFY26 (มี.ค.-พ.ค.25) เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด โดยมีกำไรสุทธิ 772 ล้านบาท (+47.2% y/y; +6.4% q/q) การเติบโต y/y มาจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น (โดยหลักเป็นหนี้สูญได้รับคืนและรายได้ค่าคอมมิชชั่น), ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง, ค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่ำลง และต้นทุนเครดิตลดลง ส่วนการเพิ่ม q/q เป็นผลจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสูงขึ้น และค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง สำหรับกำไรก่อนตั้งสำรองฯ (PPOP) เท่ากับ 2.8 พันล้านบาท (+0.6% y/y; +8.5% q/q)

สินชื่อหดตัว -2.8% y/y และ -0.1% q/q เป็น 88.9 พันล้านบาทในสิ้น1QFY26 จากการที่บริษัทเน้นลูกค้าความเสี่ยงต่าที่สามารถชำระคืนหนี้ได้ตามกำหนด ทั้งนี้สินเชื่อบัตรเครดิต (41% ของสินเชื่อรวม) หดตัว -1.5% q/q เป็น 36.7 พันล้านบาท ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคล (48% ของสินเชื่อรวม) ทรงตัวที่ 42.5 พันล้านบาท ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อ (11% ของสินเชื่อรวม) เติบโต +6.4% q/q เป็น 9.6 พันล้านบาท

คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น โดยไตรมาสนี้จะยังคงมีการ write-off NPL ต่อเนื่อง NPL ratio ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 5.1% ในสิ้น 1QFY26 เทียบกับ 5.2% ในไตรมาสก่อนหน้า ด้านต้นทุนเครดิตเพิ่มเป็น 7.9% ใน 1QFY26 (เทียบกับ 6.1% ใน 4QFY25) จากการตั้งสำรองฯล่วงหน้าในยามเศรษฐกิจชะลอตัว และเผชิญกับปัจจัยที่ไม่แน่นอนทั้งอัตราภาษีทรัมป์และการเมืองไทย สำหรับ coverage ratio เพิ่มเป็น 162% ในสิ้น 1QFY26 (จาก 154% ในสิ้น FY25)

คาดสินเชื่อปี FY26F จะทรงตัว แต่กำไรสุทธิเติบโตได้จากต้นทุนเครดิตที่ลดลง โดยคาดกำไร 2HFY26F จะสูงขึ้น h/h จากต้นทุนเครดิตที่ทยอยลดลง และการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานได้ดี นอกจากนั้นจะมีหนี้สูญได้รับคืน และกำไรจากการขาย NPL ใน 2QFY26F และ 4QFY26F ช่วยหนุนด้วย เราคาดการณ์กำไรสุทธิเติบโต 9.8% y/y ในปี FY26F

คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 130 บาท อิงกับ P/BV ปี FY26F (สิ้นสุดก.พ.26) ที่ 1.2 เท่า (Mean-1.5SD) เราคาดว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะกลับมาเติบโตได้ใน FY26F ด้าน Valuation จูงใจ ณ ราคาปัจจุบันมี P/BV ปี FY26F ต่าที่ 0.87 เท่า และคาดการณ์ dividend yield ไว้ที่ 5.7% ต่อปี

นักวิเคราะห์ : ธนินี สถิรเรืองชัย : thaninees@dbs.com : Tel. 02 857 7837