AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งออกด้านข้าง
เลือกเก็งกำไรหุ้นรายตัว

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งตามกรอบ 1110-1130 จุด กำแพงภาษีสหรัฐฯ จะเข้าสู่ช่วงที่แต่ละประเทศ เตรียมยื่นข้อเสนอกลับสหรัฐฯ เพื่อขอลดภาษี ขณะเดียวกันรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจจีนและมาตรการกระตุ้นใหม่ๆ หุ้นวันนี้เลือก SCGP และ TIDLOR

สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเม็กซิโก อียูและแคนาดาที่ 30%/30% /35% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยประกาศขึ้นภาษี 25%/20%/25% หรือเพิ่มขึ้น 5-10% ส่วนประเทศอื่นๆ คุณทรัมป์เผยจะเก็บที่ 15-20% มีผล 1 ส.ค.68 ประเมินการประกาศเรียกเก็บภาษีข้างต้นที่มากกว่าที่เคยประกาศเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ทำให้ตลาดเริ่มกลับมากังวลต่อผลกระทบที่จะมาตกกลับสหรัฐฯ เอง กดดันต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันศุกร์ที่ผ่านมาปรับลง -0.2% ถึง -0.6% หากตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับลงต่อเนื่อง มองเป็นสัญญาณบวกที่ช่วยลดความแข็งกร้าวของคุณทรัมป์ต่อการไล่บี้ภาษี ส่วนของไทยอยู่ในช่วงการเจรจาลดภาษี วันนี้ติดตามคลังเตรียมสรุปข้อมูลหลังหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงข้อเสนอที่ยื่นให้สหรัฐฯ และมาตรการช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบเป็น รายอุตสาหกรรม

จีนสัปดาห์นี้จะมีการรายงานตัวเลขยอดนำเข้า/ส่งออก ยอดค้าปลีก ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน มิ.ย. รวมถึง GDP 2Q68 ระหว่างวันที่ 14-15 ก.ค. ซึ่งเราคาดว่าหุ้นในกลุ่ม China Play กลับมาอยู่ในจุดสนใจจากความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สอดคล้องมุมมอง PBOC เสนอรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมมูลค่า 1-1.5 ล้านล้านหยวนและลดอัตราดอกเบี้ยฯ เพื่อรับมือผลกระทบจากภาษีสหรัฐ จึงแนะนำเก็งกำไร SCC และ SCGP ที่คาดงบ 2Q68 แนวโน้มฟื้นตัว QoQ เป็นอีกแรงหนุน

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 0.97% กลุ่มที่ปรับขึ้นเด่นกลุ่มปิโตรฯ และวัสดุก่อสร้าง SCC +3% จากคาดงบ 2Q68 ฟื้นตัวหนุนต่อ PTTGC +5% จากจีนเตรียมดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาภาวะเงินฝืดสร้างความหวังเชิงบวกต่อการลดปัญหา Oversupply นอกจากนี้ ยังมีแรงซื้อกลุ่มกลับไฟแนนซ์ SAWAD +3% MTC +3% และ KTC +5.8% หลังคุณภาพสินทรัพย์ของ AEONTS หลังรายงานงบไม่น่าห่วง ส่วนกลุ่มที่ปรับลงกลุ่มอาหาร CPF -1.4% จากความกังวลต่อการเปิดตลาดรับสินค้าเกษตรสหรัฐฯ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหลัก 2.19 พันล้านบาท

DAILY Stock Pick
TIDLOR
Bond Yield ปรับตัวลง ผสาน กำไร 68 โตเด่น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22.00 บาท
Bond Yield 10 ปีของไทย ปรับตัวลดลงอยู่ในระดับ 1.5% จากระดับ 2% และ 1.6% ณ สิ้นงวดไตรมาส 1 และ 2 ตามลำดับ หนุนให้ funding cost ของ TIDLOR ปรับตัวลดลง
เราเลือก TIDLOR เป็น Top pick กลุ่มไฟแนนซ์ หลังจาก ควบคุมสินเชื่อได้ดีขึ้น กอปรกับต้นทุน credit cost ที่ลดลงและรายได้จาก fee income ที่ปรับตัวขึ้น หนุนให้กำไรปี 68 เติบโต 10.9% ณ ปัจจุบัน ถูกซื้อขายที่ P/BV 68 ที่ 1.33 เท่า และ long term ROE ที่ 14.6%

WEEKLY Stock Pick
SCGP
เก็งกำไร China Play รับจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 19.00 บาท
PBOC เสนอรัฐบาลจีน ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม มูลค่า 2.09 แสนล้านดอลลาร์ (ปัจจุบันอยู่ที่ 0.42 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อรับมือกับผลกระทบภาษีการค้าที่เกิดขึ้น ผ่านการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ หนุนการนำเข้าบรรจุภัณฑ์มากขึ้น (50% นำเข้าจาก ASEAN)
บริษัทคาดว่าราคาขายบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซียปรับราคาขึ้นตามผู้นำตลาด อีกทั้งปริมาณการขายฟื้นตัวหลังผ่านช่วงหยุดยาวในอินโดนีเซีย หนุนผลประกอบการ Fajar ฟื้นตัวขึ้น QoQใน 2Q68 ณ ราคาปัจจุบัน Bloomberg Consensus คาด ซื้อขายที่ PE ปี 68 ที่ 17.4 เท่า

KEY FACTOR
การเจรจาภาษียังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ตลาดหุ้นทั่วโลกติดตามอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดอินเดียมีแนวโน้มจะบรรลุข้อตกลงชั่วคราว ลดอัตราภาษีจาก 26% ลงมาต่ำกว่า 20% เพื่อเปิดทางให้มีการเจรจารายละเอียดเพิ่มเติมในระยะต่อไป ซึ่งสะท้อนสัญญาณเชิงบวกว่าประเทศอื่นๆ รวมถึงไทยอาจมีโอกาสใช้แนวทางลักษณะนี้ต่อรองลดแรงกดดันจากมาตรการภาษีได้เช่นกัน
ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ 1) เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. ซึ่งทั้งเงินเฟ้อทั่วไปและพื้นฐาน น่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย +0.3% MoM ทั้งคู่ และ +2.6%YoY และ 2.9%YoY เช่นเดียวกับ 2) ดัชนี PPI และ Core PPI ที่น่าจะ +0.2% MoM ทั้งคู่ และ +2.5% YoY และ +2.7% YoY ตามลำดับ สะท้อนว่าผลกระทบจากภาษียังมี ไม่มากนัก ต่อราคาสินค้า/บริการ และต้นทุนการผลิตในสหรัฐฯ 3) ตัวเลขเศรษฐกิจจีน ประกอบด้วย การค้าระหว่างประเทศ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนค้าปลีก และ GDP 2Q68 ที่คาดว่าจะ +0.9%QoQ สะท้อนภาพเชิงบวก หลังมีการเจรจาชะลอการเก็บภาษีกับสหรัฐฯ ช่วงกลางเดือน พ.ค.

EYES ON
ในสัปดาห์ ส่งออกไทย มิ.ย.
14 ก.ค. ส่งออก-นำเข้า จีน เดือน มิ.ย.
15 ก.ค. GDP 2Q68, ยอดค้าปลีก, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน, CPI สหรัฐฯ มิ.ย.
16 ก.ค. PPI สหรัฐฯ มิ.ย.
17 ก.ค. CPI ยูโรโซน เดือน มิ.ย.

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ