Today’s NEWS FEED

News Feed

ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ โชว์ฟอร์มยอดขาย 6 เดือน ทะลุกว่า 14,000 ล้านบาท พร้อมลุยต่อครึ่งปีหลัง

185


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(8 กรกฎาคม 2568)------ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ โชว์ยอดขาย 6 เดือนพุ่งทะลุกว่า 14,000 ล้านบาท ดัน Backlog เพิ่มขึ้น จับตาครึ่งปีหลังพร้อมลุยต่อตามกลยุทธ์ Resilience Leads To Sustainable Growth

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ว่า สามารถทำยอดขายได้กว่า 14,049 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 81% และยอดขายจากโครงการบ้านจัดสรร ประมาณ 19% โดยยอดขายดังกล่าวมาจากกลุ่มโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) ประมาณ 57% และยอดขายจากกลุ่มโครงการที่เปิดขายใหม่ (New Launch) และอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง (Ongoing) รวมกันประมาณ 43 % ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีโครงการที่เปิดขายใหม่จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 4,550 ล้านบาท

ขณะที่ในไตรมาส 2/2568 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเปิดโครงการใหม่เป็นโครงการแนวราบ 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ บริทาเนีย สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ (Britania Suksawat-Prachautid), แกรนด์ บริทาเนีย กรุงเทพกรีฑา – สุวรรณภูมิ (Grand Britania Krungtep Kreetha-Suvarnabhumi) และ บริทาเนีย บางแสน (Britania Bangsaen) ซึ่งมี take up rate เฉลี่ยแล้วกว่า 40%

ส่วนไตรมาส 3 นี้มีโครงการที่เริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ทั้งบ้านและคอนโดฯ จำนวน 7 โครงการ คือ ดิ ออริจิ้น เพลส บางนา, ดิ ออริจิ้น บางแค, ดิ ออริจิ้น พหล57, เดอะ แฮมป์ตัน สวีท ระยอง, แกรนด์ บริทาเนีย กรุงเทพกรีฑา – สุวรรณภูมิ, บริทาเนีย สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ และ บริทาเนีย บางแสน โดยมี Backlog ในส่วนของคอนโดฯรวม 4 โครงการแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจโรงแรม ปัจจุบันมีธุรกิจโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 9 แห่ง และอีก 3 แห่งจะเปิดใหม่ในปี 2568 นี้ โดย 2 แห่งเป็นการ Re-opening โรงแรมที่ acquire มาเมื่อปี 2566 ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวหลักอย่างภูเก็ตและเชียงใหม่ และอีก 1 แห่ง ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ โดยบริษัทฯมองว่าแนวโน้มภาพรวมภาคการท่องเที่ยวจะค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้น เห็นได้จากอัตราการเข้ามาพัก (Occupancy Rate)ของลูกค้าโรงแรมในเครือออริจิ้นฯค่อนข้างสูงเฉลี่ย 73%

ส่วนธุรกิจคลังสินค้า (Warehouse) ปัจจุบันมี 9 โลเคชั่นในทำเลยุทธ์ศาสตร์สำคัญ ได้แก่ ทำเลรังสิต, บางนา กม.22, บางนา กม.19, บางนา กม.23, แหลมฉบัง, พานทอง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมพื้นที่กว่า 410,744 ตารางเมตร ซึ่ง ณ ไตรมาส 2/2568 มีพื้นที่เปิดดำเนินการแล้วกว่า 311,850 ตารางเมตร มีอัตราการเช่า 94.5% ตั้งเป้าขยายเพิ่มเป็น 1 ล้านตารางเมตร ตามแผนการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ในปี 2568 ขับเคลื่อนองค์กรภายใต้กลยุทธ์ “Resilience Leads To Sustainable Growth” สร้างความยืดหยุ่นในการบริหารองค์กร พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง สู่การเป็นผู้นำและการเติบโตอย่างยั่งยืนบนโอกาสใหม่ เพื่อสร้างความสมดุลในระยะยาวอย่างมีเสถียรภาพทั้งด้านธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โครงการเพื่อสังคม ภายใต้ชื่อ “Origin Give, We give to grow sustainability together : ร่วมให้...ความยั่งยืนไปด้วยกัน ร่วมเติบโต...อย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน” มาตลอดและยังคงมุ่งมั่นดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ภายใต้ 4 กลุ่มธุรกิจ

1.กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 168 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 1/2568) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) เป็นต้น รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นกว่า 254,967 ล้านบาท โดยกลุ่มโครงการบ้านจัดสรร หรือที่อยู่อาศัยแนวราบ ดำเนินการภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เน้นกลุ่มบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ส่วนกลุ่มโครงการแนวสูงหรือคอนโดมิเนียม ดำเนินการภายใต้บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ORIGIN VERTICAL

2.กลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก

3.กลุ่มธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์

และ 4.กลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้