Company Note
Prima Marine
ความตึงเครียดในตะวันออกกลางหนุนดีมานด์ FSU”
สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางมีแนวโน้มส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะ Contango และกระตุ้นความต้องการในการกักเก็บน้ำมัน ส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจเรือกักเก็บและผสมน้ำมันกลางทะเลหรือ FSU (Floating Storage Unit) ของบริษัท โดยคาดว่าอัตราการใช้ประโยชน์ (Utilization Rate) ของเรือ FSU ของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
ธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (OSV) ยังคงดำเนินการได้ตามปกติ
แม้จะมีความเสี่ยงจากการปิดช่องแคบฮอร์มุซ แต่บริการเรือ Crew Boat ที่บริษัทให้กับ ADNOC (Abu Dhabi National Oil Company : บริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี) ยังคงดำเนินการได้ตามปกติ เนื่องจากพื้นที่ให้บริการอยู่ห่างจากจุดความขัดแย้ง และด้วยลักษณะของสัญญาแบบ Bareboat Charter ทำให้ ADNOC ยังคงต้องชำระค่าบริการไม่ว่าเรือจะถูกใช้งานจริงหรือไม่
ความตึงเครียดไทย-กัมพูชาไม่กระทบธุรกิจ PCT (ธุรกิจขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมี)
บริษัทมีการให้บริการขนส่งน้ำมันไปยังกัมพูชาให้กับ OR เพียง 15–18 เที่ยวต่อเดือน จากจำนวนเที่ยวเรือทั้งหมดหลายร้อยเที่ยวต่อเดือน โดยบริษัทได้ปรับแผนการเดินเรือไปยังสิงคโปร์และเวียดนามแทน จึงไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานในภาพรวม
ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ (COC) ยังคงดำเนินงานได้ตามแผน
บริษัทฯ ยังคงให้บริการขนส่งน้ำมันให้กับ TOP ตามเส้นทางเดิม เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากจุดที่มีปัญหา และด้วยลักษณะของสัญญาแบบ Time Charter บริษัทมีหน้าที่จัดเตรียมเรือและลูกเรือให้พร้อม หากลูกค้าต้องการเปลี่ยนจุดรับน้ำมันไปยังพื้นที่อื่น เช่น สหรัฐฯ หรือแอฟริกาตะวันตก บริษัทก็สามารถดำเนินการได้ทันที
แนวโน้มธุรกิจ FSU หนุนผลประกอบการ – คงคำแนะนำ “ซื้อ”
จากปัจจัยบวกที่กล่าวมาข้างต้น โดยเฉพาะแนวโน้มที่ดีของธุรกิจ FSU บริษัทฯ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น PRM โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 10 บาท สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ราคาหุ้นที่ยังต่ำ และอัตราเงินปันผลที่น่าสนใจ ปัจจัยเสี่ยงมาจากความผันผวนราคาพลังงานที่จะส่งผลต่อดีมานด์การใช้เรือและต้นทุน