สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 17 มิถุนายน 2568 )-----บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART และ บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ยังคงสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการคว้าตำแหน่งในดัชนีสำคัญของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สำหรับรอบครึ่งปีหลังของปี 2568 (1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม 2568) ได้แก่ SET100, SET ESG และ JMT ที่ได้รับคัดเลือกเข้า SETHD ต่อเนื่อง สะท้อนการเติบโตอย่างมีเป้าหมาย และความแข็งแกร่งทั้งในด้านผลประกอบการและธรรมาภิบาล

โดย นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์  ร่วมตอกย้ำความเชื่อมั่นจากนักลงทุน โดย JMART และ JMT ยังคงอยู่ใน SET100 Index ซึ่งประกอบด้วยบริษัทจดทะเบียนที่มีขนาดมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุด 100 อันดับแรกของประเทศ สะท้อนศักยภาพการเติบโตและสภาพคล่องที่โดดเด่น

นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทยังได้รับการยืนยันให้อยู่ใน SET ESG Index อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นดัชนีสำหรับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Environmental), สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน สะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดทุนที่มีต่อ JMART Group แต่ยังตอกย้ำว่าเรากำลังก้าวสู่การเป็นผู้นำด้าน Commerce Tech และ Financial Tech ผ่านการสร้าง Ecosystem ที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับการเติบโตอย่างมีเป้าหมาย มั่นคง และยั่งยืนในระยะยาว

ด้าน นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า การที่ JMT ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในดัชนี SET High Dividend Index (SETHD) อย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น ผ่านนโยบายจ่ายเงินปันผลที่มั่นคง บนฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา JMT มีอัตราการจ่ายเงินปันผลรวมอยู่ที่ประมาณ 60% ของกำไรสุทธิ ตามงบการเงินรวม ซึ่งตอกย้ำถึงความสามารถในการบริหารกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ควบคู่ไปกับการเดินหน้าขยายธุรกิจ และสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ JMT ยังคงยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งมิติ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี โดยยึดหลักธรรมาภิบาล และมุ่งสร้างประโยชน์ร่วมในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านภารกิจสำคัญในการส่งมอบลูกหนี้ที่ดีคืนสู่ระบบเศรษฐกิจและการเงินของไทยอย่างเป็นรูปธรรม