---Key Takeaways จากการประชุมนักวิเคราะห์---
AOT ยืนยันว่าบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ได้ยื่นหนังสือเพื่อขอหารือความเป็นไปได้ในการยุติสัญญาสัมปทาน ในการดำเนินกิจการร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) ภายใต้สัญญาสัมปทาน 3 ฉบับ ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK), ดอนเมือง (DMK) และสนามบินภูมิภาค (เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่)
คณะกรรมการของ AOT แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรี่องนี้ และจะจ้างที่ปรึกษาภายนอกอย่างน้อย 2 ราย (มีแนวโน้มจะเป็นมหาวิทยาลัย 2 แห่ง) โดยคาดว่าจะได้แนวทางภายใน 60 วัน ทั้งนี้ AOT จะเลือกแนวทางที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท โดยสัญญาสัมปทานดังกล่าวเป็นสัญญาพาณิชย์ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามอำนาจ AOT
AOT ยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในสัญญากับ KPD จะยังคงเป็นเงื่อนไขที่ดีกว่าหรืออย่างน้อยเทียบเท่ากับเงื่อนไขที่เสนอโดยผู้ประมูลรายอื่น
กรณีที่ KPD ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของ AOT ทาง AOT จะดำเนินการเปิดประมูลใหม่ และให้สิทธิสัมปทานแก่ผู้ประกอบการรายใหม่เพื่อเข้ามาแทนที่ KPD โดยเท่าที่ AOT ทราบโดยทั่วไป คู่กรณีที่มีข้อพิพาทกับ AOT จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกระบวนการประมูล
การเปลี่ยนแปลงใดๆในสัญญาสัมปทาน ไม่มีผลย้อนหลังต่อการชาระเงินที่เกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนแปลง และขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า KPD จะต้องชาระค่าปรับใดๆ ให้กับ AOT หลังยกเลิกสัญญาหรือไม่ (AOT ขอรอผลการศึกษาจากที่ปรึกษาก่อน)
ปัจจุบัน KPD ชำระเงินตามหลักเกณฑ์ขั้นต่าต่อหัว (Minimum guarantee) ซึ่งโดยเฉลี่ยเทียบเท่ากับส่วนแบ่งรายได้ประมาณ 33% จากยอดขายสินค้าปลอดอากรจริง (รวมถึงที่สนามบินสุวรรณภูมิด้วย)
AOT ระบุว่าจะไม่มีการตั้งสำรองลูกหนี้การค้าในส่วนของ King Power เนื่องจากมีแบงค์การันตีรองรับเพียงพอ ทั้งนี้สิ้นมี.ค.65 บริษัทมีลูกหนี้การค้าราว 6.5 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของ King Power
AOT จะทบทวนเงื่อนไขในสัญญาร้านค้าปลีก (สัญญาพาณิชย์) ทั้งหมดอีกครั้ง รวมถึงสัญญากับ King Power ที่เป็นสัญญาร้านค้าปลีกด้วย แต่ในขณะนี้บริษัทให้ความสำคัญกับการพิจารณาทบทวนสัมปทานร้านค้าปลอดอากรเป็นลำดับแรก
รายได้สัมปทานดิวตี้ฟรีที่สนามบินดอนเมือง (DMK) และสนามบินภูมิภาค 3 สัญญารวมกันคิดเป็นประมาณ 11% ของรายได้สัมปทานทั้งหมดของ AOT ในปี 2024 และประมาณ 4% ของรายได้รวมทั้งหมด เราประมาณการว่ารายได้สัมปทานเหล่านี้คิดเป็นประมาณ 11% ของกำไรสุทธิในปี 2024 (หรือประมาณ 9% หากไม่รวมรายได้เชิงพาณิชย์ที่สนามบินดอนเมือง)
กรณีที่มีการยุติสัญญาสัมปทานที่สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) มีนัยสำคัญมาก โดยในปี 2024 สนามบินสุวรรณภูมิมีรายได้จากดิวตี้ฟรีประมาณ 10.9 พันล้านบาท และรายได้เชิงพาณิชย์ประมาณ 4.3 พันล้านบาท รวมเป็น 15.2 พันล้านบาท คิดเป็น 65% ของรายได้สัมปทานทั้งหมด และคิดเป็น 23% ของรายได้รวมในปี 2024
ใช้สมมติฐานในการวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง โดยมีสมมติฐานว่า AOT จะรับรายได้สัมปทานทั้งดิวตี้ฟรีและเชิงพาณิชย์จากสัญญาที่สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) กับ King Power ในรูปแบบส่วนแบ่งรายได้ (revenue-sharing) ใหม่ที่อัตรา 20% แทนรูปแบบเดิมที่มี Minimum guarantee ซึ่งทำให้รายได้หายไปประมาณ 33% ของรูปแบบเดิม รวมถึงมีสมมติฐานว่าจะไม่มีรายได้สัมปทานดิวตี้ฟรีจาก KPD ที่สนามบินดอนเมืองและสนามบินภูมิภาคตั้งแต่ก.ค.25 เป็นต้นไป และไม่มีรายอื่นเข้ามาแทน ซึ่งส่วนนี้จะทำให้รายได้หายไป 2-3 พันล้านบาทต่อปี
คงคำแนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 28 บาท (DCF, WACC 9.8%, TG 1.5%) ปัจจัยที่เป็น Upside คือ การปรับขึ้นค่า PSC และ Transfer fee ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการ แต่คาดว่าจะไม่ได้ปรับขึ้นเร็วๆนี้
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : นันทิกา เวียงเพิ่ม : nantikawiang@dbs.com